บทที่ 506 รัชสมัย “ซิน”
พิธีก่อตั้งประเทศจัดขึ้นในวันต่อมา ตั้งรัชสมัยว่า “ซิน”
ทำนองว่าเป็นประเทศใหม่ของมนุษย์โลก
เมืองหลวงเปลี่ยนชื่อเป็น “ซินตู” เมืองหลวงของประเทศซิน
ความเป็นธรรมชาติของทั่วทั้งพิธีก่อตั้งอยู่ที่ขบวนพาเหรดของฝูงบินทหารแห่งดวงดาวเก้า ฝูงบินทหารการกลาโหรวมถึงฝูงบินรถถังแมงมุมที่ตามมาทีหลัง
ฝูงบินเครื่องบินรบอวกาศ Type 00ที่อยู่บนฟ้า ยังมีปราการปราสาทสุดท้ายที่โผล่เข้ามา
ทั้งหมดนี่มันสะท้านใจทุกคนมาก ทำให้ประชาชนมากมายที่จนถึงวันนี้ถึงได้รู้ว่า เทคโนโลยีของมนุษย์ได้พัฒนามาจนถึงระดับที่น่ากลัวขนาดนี้แล้ว
นี่เป็นมนุษย์ที่ระดับความคิดยังหยุดอยู่ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สาม นี่เป็นระดับเทคโนโลยีที่พวกเขาไม่อาจจินตนาการถึงได้เลย
โดยเฉพาะพวกคนแคระกว่าแสนคนในซินตูที่มาห้อมล้อม ยิ่งทำพวกเขาจิตใจสะเทือนเยือกในอกถึงขีดสุด
เวลานี้ พวกเขาถึงพึ่งเข้าใจถึงช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขาคนแคระกับมนุษย์
สำหรับความพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่รู้สึกติดค้างในใจอีกแล้ว
เพราะความแตกต่างทางด้านฝีมือมันมากเกินไปจริงๆ
นี่เป็นความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ของอารยธรรมระดับสองกับอารยธรรมระดับหนึ่ง
นี่เป็นช่องว่างราวฟ้ากับเหวของการปฏิวัติอุตสาหกรรมสี่ครั้งกับสามครั้ง
มีอีกหลายสิบประเทศของประเทศคนแคระยื่นคำร้องขอมาชมงาน ลู่เฉินตอบรับทั้งหมด
และถือโอกาสนี้แสดงศักยภาพต่อหน้าพวกคนแคระด้วย
พอมนุษย์ได้จัดกิจกรรมสร้างประเทศถ่ายทอดสดกลับไปยังประเทศของพวกเขา ทั่วทั้งดวงดาวก็ตกอยู่ในอาการตะลึงและสะเทือนใจ
ความสามารถที่แท้จริงของมนุษย์เพียงพอที่จะทำลายคนแคระทั้งหมด
แต่ในที่สุดแล้วมนุษย์ก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น
กลับเลือกที่จะร่วมกันพัฒนาดาวดวงนี้กับพวกเขาคนแคระ
สำหรับเรื่องนี้ คนแคระมากมายแอบรู้สึกดีใจ โชคดีที่ไม่ได้เจอเผ่าพันธุ์ที่โหดร้ายไร้จิตใจ
“พวกเราผ่านความยากลำบากมามากมาย พวกเราที่จากโลกมา ไม่มีความหวังเกี่ยวกับอนาคตเลย แถมมนุษย์เรายังไม่สามารถออกจากดาวแม่ได้อีกด้วย
แต่ในตอนที่จำเป็นต้องออกจากดาวแม่ ทั่วทั้งจักรวาลอันตรายมากเกินไปสำหรับมนุษย์เรา อันตรายจนสามารถทำลายล้างเผ่าพันธุ์เราได้เลย
ความยากลำบากตลอดทางนี่ เราเคยหมดหวังหมดหนทางเดิน!
และยังได้เสียสละวีรบุรุษไปมากมาย!
พวกเรากัดฟันทนต่อสู้มาจนถึงตอนนี้!
พวกเราได้มายืนบนโลกดวงใหม่นี้! พวกเรามองเห็นอนาคตแล้ว!”
นี่เป็นคำพูดที่ลู่เฉินพูดกับมนุษย์ที่มายืนออกันหน้าปะรำพิธี
สถานการณ์ดูตึงเครียดมาก ทุกคนฟังกันเงียบๆ ให้ความสนใจและครุ่นคิด
บางทีคนรุ่นใหม่บนยานอวกาศซี-หวั้งและเด็กที่พึ่งเกิดบนกระสวยอวกาศอายุแค่ไม่กี่ขวบอาจจะไม่รู้สึก แต่วัยหนุ่มสาวทุกคนกลับมีความรู้สึกร่วมกันได้ดี
พวกเขารู้ว่าทั้งหมดที่มีในตอนนี้ได้มาไม่ง่ายนัก ดังนั้นเลยยิ่งทะนุถนอมมันมากยิ่งขึ้น
พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดมาจนถึงวันนี้ จากสิ้นหวังกลายเป็นเต็มไปด้วยความหวัง
มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
“ดังนั้น พวกเราโห่ร้องเถอะ พวกเราจดจำไว้เถอะ! ผมประกาศ…”
“….ผมประกาศ ประเทศของเราสร้างเสร็จแล้ว รัชสมัย “ซิน”!”
ทันใดนั้นทั่วทั้งพื้นที่ระเบิดเสียงโห่ร้องดังก้องฟ้า
ทุกคนในที่นั้นต่างร้องตะโกนเสียงดัง ผู้คนด้านล่างต่อให้ไม่รู้จักกันก็หันหน้าเข้าหากันและโอบกอด
ผู้เฒ่าผู้แก่บางคนน้ำตาไหลเงียบๆ วันนี้…
พวกเขารอมานานมากแล้ว
เกือบสิบปีแล้ว!
พอเสียงโห่ร้องผ่านไป เสียงของลู่เฉินดังขึ้นอีกครั้ง: “อีกเรื่อง คำสั่งกักขังยกเลิกในวันนี้เลย!
แต่ว่าเวลาออกไปข้างนอก ยังต้องพกปืนไปด้วย แน่นอนว่า ต้องใช้เงินมนุษย์และใบอนุญาตพกพาปืน…
และไม่ว่าพวกเรามนุษย์จะทะเลาะกัน หรือมีปัญหากับคนแคระ ห้ามใช้ปืนมาฆ่าฟันกันเด็ดขาด
ฆาตกรจะได้รับโทษอย่างสาสม
ทุกคนต้องจดจำกฎหมายใหม่ที่เราออกไว้ให้ดี”
ดังนั้นพิธีก่อตั้งสิ้นสุดลงแล้ว ระเบียบการทั้งหมดได้ถูกกล้องนับสิบตัวถ่ายไว้หมดแล้ว
เพื่อเป็นที่ระลึกและจารึกเป็นประวัติศาตร์ที่สำคัญที่สุดในอนาคต
แน่นอนล่ะ ทั้งหมดนี่ไม่เพียงถ่ายบันทึกไว้ในเทปวิดีโอและคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง ยังบันทึกไว้ในใจของทุกคนอีกด้วย
ไม่มีใครจะลืมทั้งหมดนี้ ไม่มีใครสามารถลืมวันนี้ได้
พวกเขาเตือนตัวเองในใจ ตอนตัวเองแก่แล้ว จะต้องเล่าฉากนี้ให้กับลูกๆหลานๆฟัง เรื่องราวก็จะถูกถ่ายทอดไปทีละรุ่นตามการพัฒนาของอารยธรรมมนุษย์….
อีกด้านหนึ่ง หลังจากการสิ้นสุดพิธีสร้างประเทศ ก็เป็นการสร้างรัฐบาลโดยมีลู่เฉินเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก
การสร้างครั้งนี้ดูมีระเบียบขึ้นมาก ไม่เพียงสร้างตามแบบประเทศต่างๆในโลกเดิม ยังสร้างกระทรวงต่างๆยกใหญ่ของรัฐบาลขึ้นมา
กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ ฝ่ายโยธา ฝ่ายปกครอง ฝ่ายกฎหมาย ฯลฯ
เรื่องระบบพื้นฐานของประเทศ ลู่เฉินใช้ระบบกระจายอำนาจแบบกึ่งรัฐบาลกึ่งประชาธิปไตย
อย่างแรกต้องเริ่มโดยเป็นระบอบปกครองโดยมีเขาเป็นประมุข เขาเป็นคนกุมอำนาจหลักๆของประเทศ อาทิ อำนาจการปกครอง อำนาจการทหารเป็นต้น ให้เขามีอำนาจในการยื่นเสนอ อำนาจการลงโทษและอำนาจในการยับยั้ง
แน่นอนล่ะว่า แบบนี้อำนาจที่เขามีจะดูยิ่งใหญ่จนน่าตกใจ เรียกได้ว่าเป็นกษัตริย์ที่ไม่ใช่กษัตริย์เลย และยังมีอำนาจแกร่งกว่ากษัตริย์ในยุโรปกลางมากนัก คงใกล้เคียงกับจักรพรรดิจีนโบราณเลยทีเดียว ซึ่งจะได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก
ต่อให้ตอนนี้ลู่เฉินมีชื่อเสียงอย่างมาก อีกทั้งยังกุมอำนาจกองกำลังทหารทั้งหมด
ก็ยังมีหลายร้อยคนเสนอความเห็นให้เขา หนึ่งในนั้นรวมไปถึงระดับสูงอย่างตู้เฟยและเซ่เว่ยเหาเป็นต้น
ตามคำพูดของพวกเขา ตัวลู่เฉินเองไม่ได้บ้าอำนาจขนาดนั้น ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องยึดอำนาจไว้เยอะขนาดนั้น
แค่กุมอำนาจฝ่ายทหารไว้ได้ก็พอแล้ว ถ้าเอาแต่ไปทำงานเหน็ดเหนื่อย กลับจะทำให้ยิ่งแย่ไปใหญ่ สู้ปล่อยอำนาจให้ฝ่ายประชาชนไปดูว่าเป็นไง
ปล่อยอำนาจคือปล่อยอำนาจ อันนี้ไม่ต้องถาม เพราะตอนนี้ก็เป็นสมัยจักรวาลแล้ว
ถ้าจะพูดง่ายๆคือ เป็นสังคมยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่แล้ว
เพราะการพัฒนาในด้านทรัพยากรทำให้เกิดการปฏิวัติความสัมพันธ์ในสังคมด้วย จะมาใช้อำนาจปกครองอย่างเดียวน่ะเป็นไปไม่ได้ มันจะใช้ได้ในสถานการณ์คับขันสุดๆเท่านั้น
ถ้าเป็นตอนที่ยังอยู่บนยานอวกาศซี-หวั้งในจักรวาลนั่นก็เป็นไปได้ หรือถ้าเจอเหตุการณ์คับขันแบบสงครามที่อาจจะทำให้โดนทำลายล้างหมดเผ่าพันธุ์ก็อาจจะเป็นไปได้
ถ้าเป็นช่วงการพัฒนาที่สบายปลอดภัยแบบที่เห็นอยู่ตอนนี้ ต่อให้เหยาหยวนอยากจะใช้อำนาจทหารปกครองสูงสุด เขาก็มีสิทธ์โดนปลดได้
ใช่ นี่แค่สมมติ
สำหรับจุดนี้ ลู่เฉินรู้ดีแก่ใจ
แต่ตอนนี้ที่อยู่บนพร็อกซิมาคนครึ่งม้า ไม่ได้มีเพียงมนุษย์เท่านั้น
ยังมีคนแคระจำนวนมาก มนุษย์รับไม่ไหวกับการจลาจลอีก
อำนาจการปกครองเด็ดขาดเป็นเรื่องหนึ่ง จะปล่อยอำนาจก็อีกเรื่องหนึ่ง
โดยเฉพาะเข้มงวดจนผ่อนปรนจะทำให้คนรู้สึกซาบซึ้งใจ ส่วนการผ่อนปรนจนเข้มงวดกลับอาจทำให้เกิดการปฏิวัติขึ้นได้ นี่ต่างหากคือความจริง