บทที่ 535 พ่อค้าอวกาศ
เจออารยธรรมต่างดาวระหว่างที่เร่ร่อนในอวกาศ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แถมตอนยานอวกาศซี-หวั้งขับเคลื่อนยานเข้าใกล้ทางช้างเผือกมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสในการเจออารยธรรมต่างดาวก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงยังไงยังงั้น
ตอนพึ่งออกจากบ้านยังไม่เจอใคร บางทีเดินทางไกลยังไม่แน่ว่าจะเจอคนสักคนเลย
พอเริ่มเข้าใกล้เขตเมือง คุณก็จะยิ่งเจอคนแปลกหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
ลู่เฉินสั่งการลงไปหาตู้เฟยเสร็จ สายตาก็เบนไปจับจ้องหน้าจอ
ทันใดนั้น เครื่องยนต์แรกข้างเฉินชูหรัน ซึ่งก็คือหุ่นยนต์รับใช้เฉพาะตัวเฉินชูหรัน ดวงตาของมันเปล่งแสง ได้รับสัญญาณที่ส่งมาถึงมันและส่งเข้าหน้าจอของเฉินชูหรัน
ทั้งหมดนี้คนรอบข้างเห็นอยู่กับตา ทุกคนหันไปมองหน้าจออย่างประหลาดใจ อยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เฉินชูหรันเลือกเปิดโปรแกรมแปลภาษาทันที
ไม่นาน สัญญาณพวกนี้ก็แปลงเป็นตัวหนังสือ
ติงต้าเฉิงรับมาอ่านทันที
“แหล่งรับขยะอวกาศ รับเทคโนโลยีทุกชนิด รับชีวิตทุกชีวิต!”
คำแปลมันดูแปลกจริง ทำให้ทุกคนพูดไม่ออก และเริ่มมีสีหน้าถมึงทึง…
อะไรเรียกว่า แหล่งรับขยะอวกาศ รับเทคโนโลยีทุกชนิด รับชีวิตทุกชีวิต? นี่มันที่ทิ้งขยะอวกาศหรือไง…
เพราะคำแปลมันดูแปลกเกินไป ดังนั้นทุกคนยังมึนงงกับมันอยู่ แต่ละคนสีหน้าตะลึง พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ลู่เฉินถึงพูดขึ้นเนิบๆว่า “ในอวกาศก็มีอารยธรรมที่เก็บขยะหรือไง?”
จริงด้วย อารยธรรมต่างดาวที่แข็งแกร่งขนาดนี้ สามารถขับยานเข้าวาร์ปได้แล้ว อารยธรรมที่มีการขับเคลื่อนยานบินเร็วกว่าปีแสง กลับเป็นอารยธรรมเก็บขยะอวกาศเนี่ยนะ…มันดูแปลกไปหน่อยไหม
เฉินชูหรันถามขึ้น “หรือว่าเครื่องแปลภาษาจะผิดพลาด? เพราะไวยากรณ์ภาษาต่างดาวกับของมนุษย์มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว อาจจะทำให้แปลออกมาผิดพลาดหรือเปล่า?”
คำพูดนี้เรียกเสียงสนับสนุนจากหลายคน เพราะอารยธรรมแข็งแกร่งขนาดนั้น กลับเป็นอารยธรรมเก็บขยะเนี่ยนะ เรื่องแบบนี้ไม่ว่าใครก็ยากที่จะรับได้ อันที่จริงใช้สมองคิดซักหน่อย ก็จะดูรู้ว่า มันดูเป็นคำพูดมั่วๆมากกว่า
แต่ติงต้าเฉิงส่ายหัวว่า “ไม่ แปลออกมาแบบนี้จริงๆ ระบบเราครอบคลุมภาษานับพันชนิดของสหพันธ์ผู้พิทักษ์ตามบันทึกของอารยธรรมลู๋ข่า ภาษานับพันชนิดนี่ผ่านการบันทึกของอารยธรรมลู๋ข่าไว้แล้ว ไม่มีทางผิดแน่
พูดยังไงดีล่ะ ที่จริงพวกเขาไม่ได้เก็บขยะหรอก ผมจำได้ว่าอารยธรรมลู๋ข่าเคยมีบันทึกแบบนี้ไว้เหมือนกัน อารยธรรมพวกนี้เป็นอารยธรรมพ่อค้าอวกาศระดับสี่!”
อารยธรรมพ่อค้าอวกาศ?
ยานอวกาศซี-หวั้งหรือพูดอีกอย่างว่าอารยธรรมมนุษย์เนี่ย ถึงจะไม่เคยเจออารยธรรมต่างดาวอย่างจังๆ แต่อีกด้านหนึ่งพวกเขาเคยเจออารยธรรมต่างดาวหลากหลายประเภทแล้วเหมือนกันนะ อย่างน้อยก็รู้ว่ามีอารยธรรมต่างดาวอยู่จริง
ซากอารยธรรมที่ทำให้เทคโนโลยีมนุษย์พัฒนาแบบก้าวกระโดดก็ต้องเป็นชนเผ่าหลันอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็เป็นชนเผ่าแคระจากพร็อกซิมาคนครึ่งม้าบี จากนั้ก็เป็นชนเผ่าลู๋ข่า
รวมไปถึงเผ่าปีศาจ ฝ่ายเคลียร์และสหพันธ์ผู้พิทักษ์ที่เคยได้ยินชื่อเท่านั้นด้วย
ที่พูดมาทั้งหมดเป็นอารยธรรมต่างดาวที่อย่างน้อยมนุษย์สามารถยืนยันการคงอยู่ได้ในตอนนี้
แน่นอนล่ะ อวกาศกว้างใหญ่ไพศาลจะตาย ต้องมีอารยธรรมต่างดาวอีกเป็นแสนเป็นล้านแน่
ต่างแตกต่างกันไป ระดับอารยธรรมก็ไม่เท่ากัน แต่อย่างน้อยอารยธรรมพวกนี้มนุษย์ก็ยังได้รู้จัก
พอติงต้าเฉิงพูดขึ้นว่ามันเป็นอารยธรรมพ่อค้าอวกาศ ฉับพลันทุกคนก็คิดโยงไปถึงข้อมูลของอารยธรรมนี้
สุดท้ายหลายคนคิดสรุปออกมาได้โดยสังเขป ดังนี้—
เทียบกับอารยธรรมต่างดาวส่วนใหญ่แล้ว อารยธรรมพ่อค้าเป็นอารยธรรมต่างดาวส่วนน้อยที่สุภาพ
อย่างน้อยพวกมันไม่เคยปรากฏตัวไปข่มเหงอารยธรรมอ่อนแอกว่า ต่อให้เผชิญหน้าอารยธรรมที่ระดับเทคโนโลยีอ่อนด้อยมาก ก็จะปรากฏกายในฐานะพ่อค้าไปเจรจาเท่านั้น
และเป็นอารยธรรมระดับต้นที่พึ่งเข้าสู่กาแล็คซี่ และยังเป็นอารยธรรมต่างดาวที่พวกอารยธรรมระดับสองยินดีต้อนรับที่สุด เพราะพวกเขาสามารถได้รับแผนที่การเคลื่อนไหวของดาวที่สำคัญที่สุดจากอารยธรรมพ่อค้า และยังมีโอกาสแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ห้าได้ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้อารยธรรมระดับต้นสามารถคงอยู่ต่อไปได้
หลังจากทุกคนเข้าใจว่าอารยธรรมพ่อค้าคืออะไร คำถามต่อไปก็ตามมาทันที จะหลีกเลี่ยงอารยธรรมนี่ และปฏิเสธการคบค้าสมาคมกันพวกเขาได้ไหม?
นี่เป็นคำถามเคร่งเครียดคำถามหนึ่ง
เพราะหลังจากคบค้าไปแล้ว อีกฝ่ายต้องจับระดับเทคโนโลยีของพวกเขาได้ในเวลาอันสั้นแน่
การเอาจุดอ่อนของตัวเองแผ่ต่อหน้าคนแปลกหน้าเป็นการกระทำที่อันตรายมาก นี่เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องถกกันต่อ
เพราะการคบค้าสมาคมก็ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อดีเลย
ในเมื่อคาดเดาได้แล้วว่าอารยธรรมพ่อค้าต่างดาวนี่อาจจะเป็นอารยธรรมระดับสี่ งั้นในมือพวกเขาต้องมีสิ่งที่สำคัญต่อมนุษย์มากแน่ๆ
อย่างเช่น แผนที่ขับเคลื่อนดาว แผนที่ขับเคลื่อนดาวของทางช้างเผือก เทคโนโลยีสมัยใหม่ของอารยธรรมระดับสี่ต่างๆเป็นต้น
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการในตอนนี้
ถ้าตอนนี้มนุษย์มีแผนที่ดาวของทางช้างเผือก พวกเขาจะหาว่าที่ไหนมีดาวอาศัยอยู่ง่ายมาก เพราะดาวอาศัยจะไม่เปล่งแสง ดังนั้นด้วยระดับเทคโนโลยีของมนุษย์ในตอนนี้ยังยากที่จะหาดวงดาวได้ เลยเป็นไปได้ยากที่จะหาดาวประเภทนี้ด้วยเช่นกัน
การมีแผนที่ดาวทางช้างเผือก ยังช่วยให้ทำความเข้าใจได้เร็วขึ้นกับเขตไหน หรือว่ามีอารยธรรมต่างดาวอยู่ไหม จะช่วยให้หลบหลีกได้ทัน แถมถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอารยธรรมอะไร รู้วิธีจัดการและแนวทางของพวกเขา แบบนี้ผลลัพธ์ก็มีสิทธิ์จะเป็นไปในทางอื่น
สมองลู่เฉินครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ที่จริงปัญหานี้เขาคิดไว้ลึกมาก
อันดับแรก อารยธรรมมนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการคบค้าสมาคมกับอารยธรรมต่างดาวได้ตลอดไป มันเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ
ก่อนนี้เขาเคยถกเถียงเรื่องทฤษฎีป่ามืดกับบรรดานักวิทยาศาสตร์มาก่อน คำตอบที่พวกเขาให้มาคือปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
เพราะตามคำพูดของพวกนักวิทยาศาสตร์แล้ว กฎข้อแรกของทฤษฎีป่ามืดนี่คือ ความเร็วแสงถือเป็นเส้นตายที่ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้เลย
ความเร็วขีดสุดที่จะสามารถขับเคลื่อนยานในอวกาศได้ก็มีแต่ความเร็วแสง การวาร์ป รูหนอน ประตูทะลุดาวใดๆ รวมถึงการทะลุห้วงอวกาศต้องไม่มีอยู่จริงเท่านั้น ถึงจะทำให้ทฤษฎีป่ามืดนี่เป็นไปได้
และเมื่อสิ่งกีดขวางความเร็วแสงหมดไป เท่ากับว่า อารยธรรมในอวกาศสามารถคบค้าสมาคมได้สิ ถึงจะไม่ค่อยมีเหตุการณ์เจอกันโดยสันติเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยทฤษฎีป่ามืดก็ไม่มีอยู่จริง
ไม่ใช่ประเภทคอยหลบซ่อนตัว พอเจอใครเปิดเผยตัวก็ออกมาทำลายล้างไปซะ
พูดอีกอย่าง อารยธรรมมนุษย์ต้องพัฒนา ต้องเป็นหนึ่งในอารยธรรมอวกาศอย่างแท้จริง ถ้าอย่างนั้นต้องคบค้าสมาคมกับอารยธรรมต่างดาวอื่นๆ นี่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
ดังนั้น ถ้าอารยธรรมต่างดาวนี้เป็นอารยธรรมพ่อค้าอวกาศจริงๆ งั้นอารยธรรมมนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องหนีแล้วล่ะ
เพราะเทียบกับการสมาคมกับอารยธรรมต่างดาวที่ไม่รู้มาก่อนเลย อันตรายที่ต้องเจอตอนนั้น อารยธรรมต่างดาวที่เราจะเจอครั้งแรกเป็นอารยธรรมพ่อค้าอวกาศ นี่ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
อย่างน้อยก็จะได้ความรู้เรื่องอวกาศ ความรู้ในการสมาคมกับอารยธรรมอวกาศอื่น หรืออาจจะเป็นเทคโนโลยีปฏิวัติอุตสาหกรรมระดับสูงกว่านี้จากพวกอารยธรรมพ่อค้าต่างดาวบ้าง อย่างเช่น…ทฤษฎีรูหนอน!
แน่นอนว่า ความเป็นไปได้แบบนี้มันน้อยมาก
แต่พอเงื่อนไขเหล่านี้รวมกันขึ้นมา เหลือแค่ต้องรอเจอพวกอารยธรรมพ่อค้าต่างดาว วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียไปมา…
แน่นอนว่า การตัดสินใจนี้เรียกได้ว่าเดิมพันอนาคตและชีวิตของมนุษย์ทั้งหมดไว้เลยทีเดียว ดังนั้นลู่เฉินเลยต้องระมัดระวัง ต่อให้เขาตัดสินใจลงไปแล้ว ก็หันไปถามคนข้างๆทันที