” มาแล้วเหรอ ”
น้ำเสียงของโหมวยู่ดูนิ่งเฉยราวกับว่าชางหลิงเพิ่งกลับมาจากเดินช็อปปิ้งมาจากข้างนอก
” ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ”
ชางหลิงเดินไปที่เตียง และมองหน้าโหมวยู่ด้วยสายตาที่เอาจริงเอาจัง สีหน้าก็ดูไม่แย่มาก แต่สายตาของเขามันดูเหนื่อยล้าแปลกๆ เธอรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าเปลี่ยนไปมาก ทำเอาเธอเจ็บใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา
” อื้ม ”
โหมวยู่คิดถึงความน่าจะเป็นหลังจากที่ชางหลิงจะขึ้นมาเจอเขา แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจะเป็นเหมือนที่เป็นตอนนี้ นั่งลงข้างหน้าเตียงของเขาไม่โหวกเหวกโวยวาย แต่กลับทำหน้าเศร้าใจด้วยดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้น
เห็นว่าเธอเสียใจแบบนี้แล้ว คำพูดที่โหมวยู่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดออกไปอย่างไร จึงทำได้แค่หลับตาเลย ไม่แสดงความห่วงใยที่มีต่อเธอออกมา
” โหมวยู่ คุณให้ฉู่ฉือช่วยเราเตรียมงานแต่ง เป็นวันนี้ไม่ใช่เหรอ ”
เมื่อเห็นว่าให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมเปิดปากพูด ชางหลิงจึงทำได้แค่พูดเจตนารมณ์ที่มาในวันนี้
” ไม่ใช่ คุณเข้าใจผิดแล้ว วันนี้เป็นงานแต่งงานของฉู่ฉือกับถงเอิน เขาแค่จัดเตรียมงานแต่งของตัวเองก็เท่านั้น ”
หมอที่ส่งมาจากบ้านของเขาตอนนี้ได้มาถึงที่นี่แล้ว ยาที่เขาเพิ่งกินไปเมื่อกี้อย่างมากก็ยื้อเวลาได้เพียงแค่สองชั่วโมง และยาชนิดนี้หนึ่งวันกินได้เพียงสามครั้ง ไม่ว่าจะคำนวณยังไง เขาก็ไม่มีทางยืดเวลาของตัวเองให้อยู่ถึงจนจบพิธีหรืออยู่ถึงงานฉลองในคืนนี้ได้
และเขาจึงทำได้แค่วานให้ฉู่ฉือกับถงเอินเข้าไปแทนที่ ทั้งที่เดิมทีควรจะเป็นงานแต่งงานของเขากับชางหลิง
” คุณพูดไปเรื่อย คนที่เป็นเจ้าสาวไปรับฉันตั้งแต่เช้าแล้ว ”
ชางหลิงรู้ว่าโหมวยู่กำลังเถียงข้างๆ คูๆ แต่เธอไม่มีวิธีที่จะให้เขาพูดความจริงออกมา
เขาไม่พูดกับมันสักคำ เธอก็หมดหนทางแล้วเช่นกัน
” คุณเป็นอะไรกันแน่ คุณบอกฉันได้หรือเปล่า คุณจะทำให้ฉันเป็นบ้าไปแล้วนะ ”
ในวินาทีนั้น ความรู้สึกอัดอั้นตันใจทั้งหมดได้โหมกระหน่ำออกมาจากอก ชางหลิงโกรธจนถลึงตาออกมา เธอจับมือของโหมวยู่เอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้เขาหนี แล้วพรั่งพรูคำถามออกมาไม่ขาดสาย
” หลิงเอ๋อ เธอพูดให้รู้เรื่องหน่อยได้ไหม กลับไปซะ เลี้ยงลูกในท้องของเธอให้ดีเถอะ ตั้งแต่ที่เธอเลือกเด็กคนนั้นก็หมายความว่าคุณไม่ทิ้งผมแล้ว คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ผมพูดมาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าคงไม่ยอมรับเด็กคนนี้ ถ้ามีมันต้องไม่มีผม ”
โหมวยู่หลับตาลง เขาไม่กล้าเห็นแววตาของชางหลิง ตอนนี้เธอคงจะผิดหวังจนถึงขีดสุดไปแล้วสินะ
” โหมวยู่ คุณมันเลว คุณมันขี้ขลาดอ่อนแอแต่ผลักไสทุกอย่างไปไว้ที่เด็ก คุณไปเจอเรื่องอะไรมากันแน่ ทำไมเอะอะอะไรก็หนี วันนี้คุณพูดให้มันรู้เรื่องเถอะนะ อย่าให้ฉันต้องดูถูกคุณอีกเลย ”
ชางหลิงสงบสติอารมณ์ตัวเองอย่างรวดเร็ว โหมวยู่เอาลูกมาเป็นข้ออ้าง แต่เหมือนจะไม่มีข้ออ้างอะไรอื่นแล้ว ดูเหมือนว่าถ้าเธออดทนอีกหน่อย เพราะคงจะได้รู้ความจริงมากกว่านี้
” สิ่งที่ผมพูดไปมันคือความจริง ผมได้อดทนมาแล้วถึงสองครั้ง ยิ่งเห็นท้องคุณที่โตขึ้นทุกวัน ทุกวินาทีของผมเหมือนตัวเองตกอยู่ในนรก ความรู้สึกนี้คุณไม่มีทางรับรู้ได้หรอก รีบไปจากที่นี่เสียที อย่าให้ผมเห็นหน้าคุณอีก ”
คำพูดที่รุนแรงและเย็นชาของโหมวยู่เหมือนของหนักที่ทุบลงไปกำลังใจชางหลิง
เธอคิดออกแล้ว ก่อนหน้านี้ที่โหมวยู่กลับคอนโดไปสองครั้ง ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใกล้ชิดกัน แต่เขาก็ดูไม่อยากจะลูบท้องเธอเลยสักครั้ง และทั้งสองก็ไม่เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของลูกเลย ที่เขาดูเป็นห่วงเป็นใหญ่ก็มีแค่ตัวเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
” ฉันไม่เชื่อ ไม่เชื่อเด็ดขาด ”
ชางหลิงส่ายหัวเหมือนรับไม่ได้ เธอเลยไม่ได้สังเกตสีหน้าของโหมวยู่ที่นั่งอยู่บนเตียงว่าเปลี่ยนไปจนดูแย่แค่ไหน
จนเธอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ซูเสี่ยวเฉิงเตรียมชุดแต่งงานไว้ จึงลุกขึ้นรื้อของในห้องโหมวยู่อย่างบ้าคลั่ง
เธอจะต้องหาชุดเจ้าบ่าวมาให้ได้ แล้วฉีกมันต่อหน้าโหมวยู่ให้เป็นชิ้นๆ ถึงตอนนั้นดูซิว่าเขาจะว่ายังไง
” คุณจะทำอะไร ออกไปนะ ”
ไม่นานโหมวยู่ก็รู้แล้วว่าชางหลิงคิดจะทำอะไร เหมือนมีลมจุกอยู่ในอก และพยายามที่จะลุกขึ้นมา แต่ด้วยความที่เขาลุกเร็วเกินไป ร่างกายจึงตั้งไว้ไม่ไหว ก็เลยทรุดลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินเสียงจากข้างหลังดัง ” ปึ้ง! ” ชางหลิงจึงรีบหันกลับมา แล้วช็อกกับภาพตรงหน้าที่เห็นโหมวยู่นั่งลงบนผมข้างเตียง เสื้อผ้าของเขาดูตุปัดตุเป๋ ท่าทีดูดุร้ายและเปลี่ยนไปมาก
ชางหลิงไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป มันเริ่มหยดแหมะๆ ลงมา
” โหมวยู่ คุณลุกขึ้นมา….. ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ คุณเป็นอะไรกันแน่ ”
ชางหลิงวิ่งไปพยุงโหมวยู่ลุกขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ แต่ยกยังไงก็ยกไม่ขึ้น จึงทำได้แค่รีบวิ่งไปห้องรับแขกเพื่อตามป๋ายจื๋อมา ให้เขารีบมาช่วยเธอ
เมื่อชางหลิงพาป๋ายจื๋อกลับมาที่ห้องของโหมวยู่อีกครั้ง โหมวยู่ก็ลุกขึ้นมาข้างเตียงแล้วยืนนิ่งอยู่แบบนั้น สายตาของเขาดูอึมครึมและน่าอึดอัด
สายตาเย็นชาจนถึงขีดสุด
” วุ่นวายพอหรือยัง พาตัวเธอไป ”
ชางหลิงถูกแววตานั้นของโหมวยู่ทำให้ตกใจ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยแสดงสีหน้าแบบนี้กับเธอมาก่อน แววตาของเขาแสดงความระอาและเกลียดชังต่อเธออย่างโจ่งแจ้ง จนไม่กล้าเข้าใกล้ แม้กระทั่งจะเปิดปากพูดด้วยก็ยังไม่กล้า
ไม่นานนัก เธอถึงดึงสติกลับมาได้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ” เมื่อกี้คุณเป็นอะไรเหรอ ”
ถึงแม้จะต้องกลัว และแม้ว่าโหมวยู่จะต้องเกลียดเธอ ชางหลิงก็ยังอยากจะถามให้แน่ใจว่าเมื่อกี้นี้โหมวยู่เป็นอะไรไป
ทำไมจู่ๆ ถึงลงมาอยู่ข้างเตียงแล้วแน่นิ่งไปแบบนั้นได้
เขาปิดบังทุกอย่างต่อเธออย่างเพอร์เฟคมาโดยตลอด แต่ชางหลิงมักจะรู้สึกว่าร่างกายของโหมวยู่เหมือนจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง งั้นครั้งนี้จะเห็นเข้าจังๆ เธอต้องรู้ให้ได้
” นอนนานไปหน่อย ขาก็เลยชา ” โหมวยู่ตอบปัดไปด้วยน้ำเสียงรำคาญ เมื่อเห็นสายตาของชางหลิงที่ดูเหมือนกำลังจับผิดตัวตลกที่แสดงอยู่บนเวทีอย่างไงอย่างงั้น
ถึงเขาจะไม่พูด แต่ชางหลิงก็ดูออกได้จากสายตาของเขา
คุณอย่ามาแก้ตัวเลย สิ่งที่คุณทำพวกนั้นฉันรู้ดี มันไม่มีประโยชน์หรอก
เหมือนความรู้สึกในใจบางอย่างได้พังครืดลงมา ความรู้สึกที่ว่าทุกคนที่รักดูถูกเหยียดหยามหรือหัวเราะเยาะกันอย่างโจ่งแจ้งมันเจ็บปวดเพียงไหน ชางหลิงรู้สึกอับอายจนชีวิตนี้ไม่อยากเจอหน้าโหมวยู่อีกแล้ว
” ป๋ายจื๋อ เราไปกันเถอะ ”
ชางหลิงโกรธจนลงลิฟต์ไปถึงชั้นหนึ่ง เมื่อคิดจะออกไปจากที่นี่แล้วก็บังเอิญไปพบกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งอย่างซูเสี่ยวเฉิง เธอจึงยิ้มให้ วันนี้ซูเสี่ยวเฉิงสวยเกินคำบรรยาย ราวกับดอกไม้ที่สวยสดงดงามที่สุดในช่วงฤดูร้อน
วินาทีที่เธอเห็นซูเสี่ยวเฉิง เธอจึงรีบกดอารมณ์ความรู้สึกแย่ๆ นั้นไว้ในใจครึ่งหนึ่ง แล้วฉีกยิ้มออกไป ” ซูเสี่ยวเฉิง สุขสันต์วันแต่งงานนะ! ”
” เสี่ยวหลิงหลิง เธอจะไปเมื่อไหร่ล่ะ ไปๆๆ พวกเราไปห้องพักกัน ”
ซูเสี่ยวเฉิงเห็นชางหลิงแล้ว ก็ดีใจจนตาเป็นประกาย เพราะเธอยังไม่รู้ว่างานแต่งของโหมวยู่กับชางหลิงได้เกิดเรื่องราวบางอย่างขึ้น แต่ก็ลากตัวชางหลิงไปห้องพักเจ้าสาวอย่างอารมณ์ดี
ชางหลิงไม่กล้าที่จะรบกวนซูเสี่ยวเฉิง ก็เลยทำเป็นพูดเฮฮาไปกับหญิงสาว สองคนนั่งอยู่ในห้องพัก เมื่อเปลี่ยนชุดแต่งงานแล้วซูเสี่ยวเฉิงก็ดูสวยจนน่าตกตะลึง เพราะวันที่ลองชุดแต่งงานจนต้องตกใจ ท่ามกลางเสียงยินดีของผู้คน ชางหลิงรู้สึกเหมือนมีอะไรหลุบเข้าไปข้างล่างจนปวดท้องหนัก
” เสี่ยวเฉิงจื่อ พอดีว่าฉันมีเรื่อง ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ขอไปนอนพักแป๊บหนึ่งนะ ”
ในห้องพักนั้นมีห้องนอนใหญ่อยู่ห้องหนึ่ง ชางหลิงนอนลงไปที่เตียงนุ่มๆ ขนาดใหญ่ เธอไม่กล้าขยับร่างกายแม้แต่นิดเดียว และได้แต่มองดูเพดานสีขาวสะอาดอยู่อย่างนั้น ภาพของโหมวยู่ได้เข้ามาเล่นอยู่ในหัวเธอซ้ำๆ จนแทบบ้า เธอไม่สามารถควบคุมมันได้ ใบหน้าของเขาผุดขึ้นมาเป็นร้อยอารมณ์ แต่ไม่มีใบหน้าไหนเลยที่ยิ้มให้เธอ ในสายตาอันยากแท้หยั่งถึงของโหมวยู่มีเพียงความเกลียดชังและความเหินห่างเท่านั้น
ชางหลิงสะดุ้งลืมตาขึ้นมา หัวเปียกไปด้วยเหงื่อ และปวดท้องหนักขึ้นจนอาการงัวเงียนั้นหายไปในพริบตา
เธอเข้ามานอนในห้องเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว อาการปวดท้องไม่ได้รถน้อยลงแต่กลับปวดเพิ่มขึ้น เธอก็ตกใจจะเริ่มรู้สึกว่า ต้องเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเธอแน่ๆ