Chapter
ดาบลำนำจันทร์เต็มดวงยังพอมีพลังเหลืออยู่บ้างจริงๆ!
ในช่วงที่มีเวลาว่าง,ลิงค์จะส่งพลังเข้าไปในดาบเพื่อเพิ่มคุณภาพของดาบ
ลิงค์สามารถฟื้นฟูพลังแก่นภพกลับมาได้กว่า100 แต้มแล้วหลังจากหลายวินาทีที่ผ่านมานี้ ด้วยอัตราฟื้นฟูพลังที่สูงของเขา, เขาสามารถส่งพลังส่วนใหญ่ไปเก็บเอาไว้ในดาบของเขาได้เมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีโอกาส ถ้าคำนวณอย่างละเอียดแล้ว, เขาก็ตระหนักได้ว่าพลังที่เขาเก็บเอาไว้ในดาบลำนำจันทร์เต็มดวงนั้นมันมหาศาลจริงๆ
ในตอนที่เขาได้ยินคำพูดของวิญญาณดาบ,เขาก็เริ่มสัมผัสถึงคลื่นพลังในตัวเขา เขามองเห็นในทัศนวิสัยของตัวเองว่าระดับพลังของเขากำลังเพิ่มสูงขึ้น 1,000…2,000…3,000… พลังของเขากลับมาเต็มทั้งๆที่เวลายังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งในร้อยของวินาทีด้วยซ้ำ
เจ้ายังต้องการพลังอีกไหม?ข้ายังให้ได้อีกเยอะเลยนะ! วิญญาณดาบพูด
คุณยังมีเหลืออีกเท่าไหร่?ลิงค์ถาม เขาเปิดหน้าแลกเปลี่ยนการ์ดเวทมนตร์ของระบบเกมส์
เขายังมีค่าโอมนิอีก820 แต้ม, ซึ่งมากพอที่จะซื้อเวทย์เลเวล 19 และทำให้เขาเอาชนะผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลายได้
ข้าใช้พลังส่วนใหญ่ที่เจ้าให้มาไปกับการพัฒนาคุณภาพของตัวข้าแล้วข้าน่าจะสามารถคืนให้เจ้าได้อีกประมาณสองเท่าถ้าจำเป็น
คุณบอกว่าสองเท่าใช่ไหม?ลิงค์บวกลบเลขอย่างรวดเร็ว นี่ก็หมายความว่าดาบสามารถเพิ่มพลังให้เขาได้อีก 45,000 แต้ม ตอนนี้พลังเขาถูกเพิ่มมาแล้ว 22,000 แต้ม, นี่ก็เท่ากับว่าเขามีพลังแก่นภพทั้งหมดประมาณ 68,000 แต้ม แก่นภพหกหมื่นแปดพันแต้มนั้นเทียบเท่ากับมานา300,000 แต้ม, ซึ่งมากพอที่จะทำให้ลิงค์ร่ายเวทย์โจมตีขั้นสูงสุดของเลเวล 17 ได้
ลิงค์ไล่ดูการ์ดเวทมนตร์อย่างรวดเร็วและเลือกเวทย์โจมตีเลเวล17 ที่เขาเคยใช้ตอนที่อยู่ในโลกเกมส์มาสี่เวทย์
เวทย์กาลเวลา:ภัยพิบัติ ต้องการพลัง 5,000 แต้มในการเปิดใช้ เป็นเวทย์ที่แข็งแกร่งมากๆเวทย์นึง, พร้อมกับระยะเวลาร่ายที่นานมากๆ…ไม่หล่ะ, นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันกำลังตามหาอยู่ ต่อไปก็ศาตร์พิฆาตลับ : รุ่งอรุณแห่งเทพ ใช้พลัง 58,000 แต้ม ระเบิดตู้มต้ามและสร้างแรงกระแทกได้, แต่มันเป็นเวทย์ที่แสดงผลเป็นวงกว้าง, ซึ่งหมายความว่าพลังของมันไม่ได้รวมกันที่จุดเดียว คิดว่ามันไม่น่าจะใช้ต่อกรกับผู้ส่งสารของเทพได้นะ เดี๋ยวนะ, นี่มัน…
สายตาของเขาไปหยุดที่การ์ดเวทย์ใบที่สาม,ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า เทพผู้ยิ่งใหญ่: การพิพากษา
เวทย์โจมตีเป้าหมายเดี่ยวเลเวล17 มันสามารถร่ายได้ในทันทีด้วยพลัง 60,000 แต้ม ในตอนที่เวทย์ถูกร่าย, เป้าหมายจะถูกพันธนาการเอาไว้และทำให้ไม่สามารถตอบโต้ได้!
พอนึกถึงวิธีการใช้งานของเวทย์นี้ตอนที่อยู่ในเกมส์,ลิงค์ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เพื่อที่จะดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเล่นเกมส์เพิ่มขึ้น, เกมส์จึงเพิ่มความอลังการให้กับผลของเวทมนตร์นี้ ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ, พลังของเวทย์นี้ถูกลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่า, นี่เป็นเวทย์โจมตีเดียวที่ฉันสามารถร่ายได้ในตอนนี้
ในโลกเกมส์,ลิงค์เคยเรียนเวทย์นี้มาเพื่อที่จะโชว์เทพให้ผู้เล่นคนอื่นเห็น ตอนนั้น, เขาคิดว่าเวทย์นี้แข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้, หลังจากที่ได้รับเวทย์นี้มาจริงๆ, เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเวทย์ที่มีไว้เพื่อโชว์เท่เท่านั้น
แต่ไม่ว่ายังไง,เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว โดยไม่รอช้า, เขาซื้อการ์ดเวทย์นี้มาในทันที ค่าโอมนิ107 แต้มลดลงไปในทันที ในทัศนวิสัยของเขา, การ์ดเวทย์ได้สลายเป็นจุดแสงจำนวนนับไม่ถ้วน, และจากนั้นก็ซึมซับเข้าไปในร่างของเขา
ผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลายอยู่ห่างจากลิงค์แค่1,000 ฟุตแล้วในตอนที่ลิงค์ทำการซื้อเวทย์เสร็จ มีประกายสายฟ้าอยู่รอบหอกสีแดงเลือดที่อยู่ในมือเธอ และปลายหอกก็ชี้ตรงมาที่ลิงค์ มนุษย์เอ๋ย, ถึงเวลาที่เจ้าจะได้รับการพิพากษาสุดท้ายแล้ว!
ในขณะที่เสียงของเธอดังก้องในอากาศ,ประกายสายฟ้ารอบๆหอกก็เริ่มขยายตัวจนกระทั่งก่อตัวเป็นตาข่ายยักษ์ซึ่งครอบคลุมรัศมี 500 ตารางฟุต จากนั้นตาข่ายก็พุ่งไปทางลิงค์อย่างรวดเร็ว
ลิงค์สังเกตเห็นระลอกพลังที่แผ่ออกมาจากสายฟ้าสีแดงเลือดพอสังเกตดูดีๆ, เขาก็เห็นว่ามีรอยแยกมิติจำนวนนับไม่ถ้วนถูกทิ้งเอาไว้ในอากาศจากระลอกพลังนี้
เห็นได้ชัดว่าตาข่ายสายฟ้านั้นได้ผนึกมิติรอบตัวลิงค์เอาไว้อย่างสมบูรณ์เขาไม่มีที่ให้หนีแล้ว ตัวเลือกเดียวของเขาในตอนนี้ก็คือปะทะกับการโจมตีนี้ตรงๆ!
นักรบมังกรแดงที่กำลังบินอยู่ห่างออกไปสิบไมล์เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้,เหล่านักรบมังกรแดงนั้นทำได้แค่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่กำลังกระพือปีกสวนทิศทางลม
สีหน้าของเฟลิน่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเธอเริ่มพึมพำกับตัวเอง ไม่นะ, มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน? ไม่มีทางที่ดยุคจะต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้
เหล่านักรบมังกรแดงที่บินอยู่ข้างๆเธอ,และพวกนักเวทย์แสงอรุณเองก็กำลังมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความสิ้นหวังและความหวาดกลัว
พลังที่พวกเขาได้เห็นนั้นมันเหนือกว่าจินตนาการของนักเวทย์ทุกคนที่อยู่ณ ที่นี้! เหล่านักเวทย์พากันตัวสั่นกับเหตุการณ์นี้,พวกเขาส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมสมาธิเอาไว้ได้และร่วงลงจากท้องฟ้า หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพวกเขาเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายตัวเองด้วยพลังแสงอรุณ, พวกเขาส่วนใหญ่ก็คงจะตายจากแรงกระแทก
พวกนักรบแสงอรุณที่ปีนขึ้นมายืนดูบนยอดต้นไม้เองก็มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า
พวกเขาส่วนใหญ่เริ่มตัวสั่นอย่างรุนแรงจนพวกเขาไม่สามารถยืนบนยอดต้นไม้ได้และด้วยความที่ไม่สามารถตอบสนองได้ไวเท่ากับพวกนักเวทย์, พวกเขาบางคนจึงตกลงมาบนพื้น
เซลีนเองก็ยืนอยู่บนยอดต้นไม้เหมือนกันเธออ้าปากค้างให้กับเหตุการณ์อันน่ากลัวที่อยู่เบื้องหน้าเธอ, และน้ำตาก็หยดลงมาอาบแก้มจากหางตาของเธอ
นี่มันอะไรกัน? เธอพึมพำ ในตอนนั้นเอง,ช่วงเวลาที่เธอเคยใช้กับลิงค์ก็ฉายขึ้นมาในความคิดของเธอ
เธอนึกถึงตอนที่เธอพบกับลิงค์ครั้งแรกที่สถาบันเวทมนตร์เฟลมมิ่งในตอนนั้น, ลิงค์ยังเป็นแค่เด็กซุ่มซ่ามที่พึ่งเรียนศาสตร์เวทมนตร์, ซึ่งสายตาของเขาที่แอบมองเธออย่างลับๆล่อๆนั้นไม่เคยหนีจากการตรวจจับของเธอได้เลย เธอนึกถึงตอนที่เขามาช่วยเธอในเมืองโอปอลด้วยตัวเอง แล้วเธอก็นึกถึงช่วงเวลาอันหอมหวานที่แบ่งปันกับเขา, เช่นเดียวกับสีหน้าจริงจังของเขาทุกครั้งที่เขาทำอุปกรณ์เวทมนตร์ให้เธอ
ฉากทั้งหมดนี้ฉายซ้ำในหัวของเธอจนจบ,และทั้งหมดที่เธอสามารถมองเห็นได้ในตอนนี้ก็คือฉากอันน่ากลัวของสายฟ้าสีแดงที่อยู่เต็มท้องฟ้าเบื้องหน้าเธอ
มันจบแล้ว
ความโศกเศร้าถาโถมเข้าใส่เซลีนเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวสมองของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยเรื่องของลิงค์และไม่มีเรื่องอย่างอื่นเลย ณตอนนี้, มีแค่คนเดียวที่ยังสามารถมองดูฉากเบื้องหน้าพวกเขาได้อย่างใจเย็น
นั่นก็คือนานะ,ที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดเวลามานี้
เธอเห็นตาข่ายสายฟ้าสีแดงเลือดแล้ว,แต่เธอก็ยังไม่ได้รู้สึกเศร้าเลยซักนิด ซึ่งเหตุผลนั้นก็ง่ายมาก จากการเชื่อมต่อกับเจ้านายของเธอ, เธอไม่รู้สึกถึงร่องรอยแห่งความเศร้าจากเจ้านายของเธอเหมือนกัน และนี่ก็หมายความว่าเขายังมีลูกเล่นบางอย่างเอาไว้ใช้สำหรับรับมือกับการโจมตีเช่นนี้
ตาข่ายสายฟ้าที่กางอยู่เต็มท้องฟ้าไม่ได้ทำให้เธอสะทกสะท้านเลยซักนิดในช่วงหนึ่งร้อยปี, ที่เธอได้ใช้ชีวิตในภพอารากู่, เธอได้ประสบกับการต่อสู้ระดับตำนานมานับครั้งไม่ถ้วน แถมเธอยังมีโอกาสได้เห็นการประลองของอาร์คเมจสองคนกับตาตัวเองมาแล้วครั้งนึงด้วย!
การประลองระหว่างสองคนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์ของทั้งทวีปได้เลย ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างเจ้านายของเธอกับผู้ส่งสารของเทพนั้นก็เป็นแค่หนึ่งในการต่อสู้ครั้งใหญ่,แต่มันก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้เธอตื่นตาตื่นใจขนาดนั้น
นานะยืนอยู่ข้างๆเซลีน,และคอยสอดส่องรอบตัวเธอ ในตอนนั้นเอง, เธอก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างจับตามองพวกเขาอยู่
ตอนนี้เธอจำเป็นต้องตื่นตัวแล้ว
บนท้องฟ้า,ลิงค์สูดหายใจเข้าลึกๆในขณะที่ตาข่ายสายฟ้าเริ่มพุ่งมาหาเขา จากนั้นเขาก็ยกดาบลำนำจันทร์เต็มดวงขึ้นและใส่พลังแก่นภพเข้าไป ทันใดนั้นเอง, ดาบก็เริ่มเปล่งแสงจ้าออกมา
จากระยะไกล,มันดูเหมือนกับมีดวงอาทิตย์ขึ้นมาจากพื้นดินเลย!
เทพผู้ยิ่งใหญ่:การพิพากษา! ลิงค์พึมพำในขณะที่เปิดใช้เวทย์ระดับตำนานเลเวล 17
ครืนนดาบลำนำจันทร์เต็มดวงเริ่มสั่นอย่างรุนแรงจนลิงค์แทบจะถือเอาไว้ไม่ไหว
ทันใดนั้นเอง,แสงที่รวมตัวกันตรงปลายดาบก็ถูกยิงขึ้นไปบนฟ้า ในตอนที่มันพุ่งขึ้นไปได้ไม่กี่ร้อยฟุต, แสงนั้นก็เริ่มขยายตัวออก, และค่อยๆเผยให้เห็นรูปร่างของบัลลังก์ทองคำ
มีเงาคนลางๆกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ทองคำลอยฟ้านั้นด้วยในตอนที่เงานั้นปรากฎขึ้น โครงสร้างแสงทั้งหมดก็ฉายอย่างเจิดจ้าจนเหมือนกับดวงอาทิตย์จริงๆ, และมันก็กำลังดันตาข่ายสายฟ้าที่พุ่งมาหาลิงค์กลับไป
บัลลังเจิดจ้ายังคงขยายตัวต่อไปจนมันสูงกว่า500 ฟุต จากที่ไกลๆ, มันดูเหมือนกับว่ามีภูเขาสีทองผุดขึ้นมาจากพื้นดินอย่างกระทันหัน
ด้วยการเหลือบมองผู้ส่งสารของเทพ,ร่างคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็แผดเสียงออกมา ผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลายเอ๋ย, ตอนนี้ข้าจะตัดสินความผิดของเจ้า!
ทั้งผืนดินและท้องฟ้าสั่นสะเทือนในตอนที่เสียงนั้นดังขึ้น,และมันก็เกิดเสียงสะท้อนเป็นเวลาพักใหญ่ๆ
ข้าจะตัดสินความผิดของเจ้า!
ความผิด!
ความผิด!
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์คนไหน,จะเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือผู้เชี่ยวระดับตำนาน, ก็คงจะรู้สึกกลัวจนแทบบ้าในตอนที่พวกเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้
ตอนนี้การตัดสินของโลกทั้งใบกำลังกดทับผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลายอย่างหนักหน่วงทุกคนทั่วโลกกำลังตัดสินเธอ, และกล่าวประนามเธอ ตอนนี้คงไม่มีใครจินตนาการได้ถึงความตึงเครียดของเธอ
เจ้าเป็นใคร? ผู้ส่งสารตะโกนตอบ เธอพยายามดันตาข่ายสายฟ้าใส่มันแต่ไม่นานนักเธอก็ตระหนักได้ว่าคนๆนี้แข็งแกร่งกว่าเธออย่างมากและสามารถต้านทานการโจมตีของเธอได้สบายๆ คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม่สนใจเธอมันจ้องมองโลกเบื้องล่างอย่างเฉยเมย, ราวกับผู้ส่งสารของเทพไม่ต่างอะไรจากเศษฝุ่น
จากนั้นเสียงก็ดังกระหึ่มอีกครั้ง ตอนนี้ข้าจะขับไล่เจ้าออกจากภพนี้!
มีบางอย่างเกิดขึ้นในตอนที่ร่างนั้นพูดจบ
ผู้ส่งสารสัมผัสได้ว่าพลังของเธอกำลังลดลงอย่างรวดเร็วตอนนี้ริ้วออร่าสีแดงเลือดกำลังถูกสูบออกจากรูขุมขนของเธอเข้าไปในทะเลแห่งความว่างเปล่า
ร่างกายสูง33 ฟุตของเธอเองก็กำลังหดลงอย่างต่อเนื่องและกำลังสูญเสียประกายที่ห่อหุ้มมันเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไอลีนโนเวล
นี่เจ้าทำอะไรกับข้า? ผู้ส่งสารตะโกนในขณะที่พยายามวิ่งไปหาลิงค์ด้วยความตั้งใจจะฆ่าเขา อย่างไรก็ตาม, เธอก็สัมผัสได้ว่ามีพลังอันน่าเหลือเชื่อหยุดยั้งเธอเอาไว้ แม้กระทั่งการดินง่ายๆเธอก็ยังรู้สึกว่ามันยาก
สถานการณ์เหนือความคาดหมายที่ผู้ส่งสารกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ทำให้เธอแทบจะเป็นบ้า อ้ากก!!! อย่ามายุ่งกับข้า!
เธอดิ้นรุนอย่างรุนแรง,และเหวี่ยงหอกสีแดงเลือดไปรอบตัวด้วยความบ้าคลั่ง
มีเสียงแตกดังมาจากบัลลังก์ทองคำตอนนี้ลิงค์รู้สึกทรมานจากการฝืนกักตัวเธอไว้หลังจากที่ใช้พลังไปมากแล้วกับการดูดพลังของผู้ส่งสารเข้าไปในทะเลแห่งความว่างเปล่า
พอสัมผัสได้ว่าการยับยั้งเริ่มอ่อนลง,ผู้ส่งสารก็ออกแรงคลายพันธนการที่มองไม่เห็นแรงขึ้น, ด้วยความเชื่อที่ว่าตอนนี้อิสระอยู่ในกำมือของเธอแล้ว
พลังของเธอยังคงถูกดูดออกจากร่างอย่างรวดเร็ว,ซึ่งผลก็คือเธอยังคงตัวเล็กลงเรื่อยๆ, อย่างไรก็ตามบัลลังก์ทองคำเองก็กำลังแตกไปทีละน้อย เศษเสี้ยวที่แตกออกมาจากมันนั้นเปล่งประกายอยู่ครู่นึงในขณะที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า, ก่อนที่จะสลายไปในอากาศอย่างสมบูรณ์
ณจุดนี้, ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วง
พื้นดินสั่นไหวอย่างบ้าคลั่งในระหว่างการต่อสู้นี้,มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบขึ้นอยู่กับการเผชิญหน้าอันน่าหวาดกลัวของตัวตนที่ยิ่งใหญ่ทั้งสอง
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็หยุดทำทุกอย่างและอ้าปากค้างให้กับภาพอันน่าเหลือเชื่อ
ซึ่งนี่รวมทั้งทุกคนจากเฟิร์ด,ทหารระดับสูงของกองทัพแห่งการทำลายที่กำลังดูการต่อสู้นี้จากที่ไกลๆ, การ์ดมังกรข้างในบาเรียที่กำลังปกป้องรอยแยกอยู่ และแม้กระทั่งนักเวทย์ปีศาจกลิน, ที่ตั้งใจจะจับตัวเซลีนเป็นเชลย, ก็ยังหยุดฝีเท้าในขณะที่เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนฟ้า
กลินอยากจะเคลื่อนไหวต่อ,แต่เขาก็สังเกตเห็นว่ามีนักรบหญิงคนนึงยืนอยู่ข้างเซลีน เธอดูไม่มีอะโดดเด่น, แต่ทุกครั้งที่เขาพยามจะเข้าหาเซลีน, นักรบหญิงคนนั้นก็จะหันมายังจุดที่เขาอยู่โดยไม่รู้ตัว กลินไม่เคยเจอนานะมาก่อนแล้วเขาก็สู้กับเธอไม่ไหวด้วย, ดังนั้นเขาจึงยังอยู่กับที่ด้วยความไม่มั่นใจว่าควรจะเข้าไปจับตัวเซลีนตอนนี้เลยรึเปล่า หลังจากนั้น, เขาก็เห็นการต่อสู้ระหว่างลิงค์กับผู้ส่งสารของเทพแห่งการทำลาย
กลินตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น นั่นมันเวทย์ขั้นสูงสุดเลเวล 17 นี่ลอร์ดเฟิร์ดแข่งแกร่งขนาดนั้นเลยหรอ?
ต่อให้อยู่ในนรก,พลังของเขาก็ยังมีเลเวลแค่ 16 และพอเข้ามาในฟิรุแมนแล้ว, เขาก็ถูกภพยับยั้งพลังเอาไว้จนเหลือเลเวล 13 ความจริงที่ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่ากลินแม้ว่าจะเป็นตอนที่เขามีพลังเต็มที่นั้นสร้างความตกใจให้เขาจริงๆ
ตอนนี้เขาลังเลเรื่องการจับตัวเซลีน
การปะทะระหว่างบัลลังก์ทองคำกับผู้ส่งสารของเทพนั้นยาวนานถึง15 วินาที ตอนนี้ผู้ส่งสารสูงเจ็ดฟุต, ในขณะที่บัลลังก์ทองคำได้ใช้พลังทั้งหมดไปกับการยับยั้งเธอ จากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง
ลิงค์ยังมีพลังเหลืออยู่8,000 แต้ม เขายืนอยู่บนพื้น, และมองดูผู้ส่งสารที่อยู่ห่างจากเขาไปประมาณพันฟุต
พลังของผู้ส่งสารเองก็ถูกขจัดไปแล้วอย่างสมบูรณ์ลิงค์สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เธอแข็งแกร่งแค่เลเวล 12 เท่านั้น แม้ว่าเธอจะยังมีพลังเหลืออยู่อีกมาก, แต่มันก็ไม่ได้จัดการได้ยากอีกแล้ว
ช่วงเวลานี้คือการต่อสู้ถึงตายระหว่างลิงค์กับผู้ส่งสาร
ติ้ง!ตอนนี้ลิงค์แผ่จิตสังหารออกมาอย่างล้นหลาม ดาบลำนำจันทร์เต็มดวงในมือของเขาสั่น, และเสียงที่สดใสเหมือนระฆังก็ดังในอากาศ เสียงของมันก้องอย่างเหลือเชื่อและสามารถเดินทางไปได้ไกลเป็นพันฟุต
ผู้ส่งสารของเทพลอยอยู่บนฟ้าห่างออกไปไม่กี่ร้อยฟุต,และกำลังมองลิงค์ด้วยสีหน้าอ่านยาก เธอเงียบเป็นเวลาเกือบสามวินาทีแล้วพูดออกมา มนุษย์เอ๋ย, เจ้าจะต้องโดนพิพากษาในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน!
พอพูดจบ,เธอก็กางปีกแล้วบินจากไป
พอเห็นแบบนี้,กลินก็กระตุกริมฝีปากเล็กน้อย เขามองเซลีนที่ยังคงอยู่บนยอดไม้, จากนั้นก็มองนักรบหญิงไร้นามที่กำลังยืนอยู่ข้างเธอ, แล้วถอนหายใจออกมา ช่างมันเถอะ, ข้าไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับเรื่องนี้ มันเสี่ยงเกินไป, ข้ากลับไปรายงานนายท่านน่าจะดีกว่า
พอตัดสินใจได้,กลินก็หันกลับแล้วออกไปจากสถานที่แห่งนี้ในทันที