Chapter
หุบเขา
หลังจากที่ร่างหมอกขาวของมอร์เฟียสถามจบ,เขาก็จับตาดูลิงค์อย่างเงียบๆ, รอฟังคำตอบของเขา
สมองของลิงค์กำลังทำงานอย่างบ้าคลั่ง,พยายามที่จะหาวิธีแก้ปัญหานี้ ในอีกด้านนึง, มอร์เฟียสรออยู่ไม่กี่วินาที พอไม่ได้คำตอบกลับมา, เขาก็ถามต่อ หืม? เจ้าไม่กล้าตอบข้าหรอ?
เอเลียร์ดกับดิโลเซ่นหยุดหายใจ,และเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหว พวกเขาไม่ได้หวังที่จะเอาชนะมอร์เฟียส์; พวกเขาแค่อยากหนีให้สำเร็จเท่านั้น
แต่ในตอนนั้นเองลิงค์ก็ตะโกนออกมาอย่างกระทันหัน พวกโจรบอกว่าท่านเป็นเทพผู้ไร้เทียมทาน ใช่ไหมครับ?
แล้วจะทำไมรึ? มอร์เฟียสส่งเสียงฮึดฮัด เขาเป็นแค่ครึ่งเทพ, แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามนุษย์, เขามักจะเรียกตัวเองว่าเทพ และเขาก็ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยเพื่อรักษาความลึกลับของตัวเองต่อไป
ท่านเทพ,ข้าขอร้องเถอะ, ให้ข้าได้เป็นสาวกของท่านด้วย ลิงค์หมอบคลานกับพื้น
การขัดจังหวะนี้ได้ทำลายความโกรธของมอร์เฟียสลิงค์อาจจะแค่อยากเอาตัวรอดด้วยการกลายเป็นสาวก, แต่ไม่มีครึ่งเทพที่อยากจะเป็นเทพคนไหนที่จะขับไล่คนที่มีความเป็นไปได้ที่จะกลายมาเป็นสาวกของตน มอร์เฟียสก็เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม,เขาคงจะไม่ยอมรับใครก็ได้ที่แค่บอกว่าอยากจะนับถือ เขาต้องเรียนรู้อดีตและนิสัยของคนๆนั้นก่อน…แต่ก็แน่นอนว่า, นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือหินสวรรค์อีกครึ่งนึงอยู่ที่ไหน
ถ้าเจ้าอยากจะกลายมาเป็นสาวกของข้า,เจ้าก็ต้องรับใช้ข้าและซื่อสัตย์ต่อข้าอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้บอกข้ามา, เจ้าไปเอารูปปั้นนั่นมาได้ยังไง? มอร์เฟียสถาม ตอนนี้น้ำเสียงของเขานุ่มนวลขึ้นมาก ถ้าเขาได้อีกครึ่งนึงมา, เขาก็ยินดีที่จะไว้ชีวิตคนพวกนี้ แต่ก็แน่นอนว่า, พวกเขาต้องเข้าร่วมลัทธิของเขา
สมองของลิงค์ยังคงทำงานอยู่,แล้วเขาก็พยายามคิดสิ่งที่จะพูด ด้วยการแกล้งทำเป็นย้อนความทรงจำ, เขาก็พูดออกมา, ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่, รูปปั้นชิ้นนี้หามาได้ยากมาก พวกเราเสี่ยงชีวิตเข้าไปในป่าเกอร์เวนท์ที่อยู่ใกล้กับเฟิร์ดเพื่อให้ได้มันมา
มอร์เฟียสรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที งั้นหรอ? ไหนลองเล่ารายละเอียดมาซิ
เขาไม่ได้ทดสอบวิญญาณของลิงค์เพื่อดูว่าเขาพูดความจริงรึเปล่ามันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ; มันก็แค่เพราะแต่เดิมนั้นเขาเป็นโจรมาก่อน เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวทย์วิญญาณเลย หลังจากได้รับชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์, พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมา, และเขาก็เข้าใจความรู้บางอย่างสำหรับการที่จะกลายเป็นเทพ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่คุ้นเคยกับเวทย์วิญญาณอยู่ดี ถ้าลิงค์เป็นสาวกของเขา, เขาก็คงจะสามารถใช้ความเชื่อเพื่ออ่านวิญญาณของลิงค์ได้ แต่ในเมื่อเขาไม่ใช่, มอร์เฟียสจึงทำได้แค่ตัดสินลิงค์จากสีหน้า
ชายคนนี้ดูอยู่ไม่สุขและตื่นกลัวมากๆร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ พ่อค้าธรรมดาๆคนนึงคงจะไม่กล้าโกหกเขาหรอก
มอร์เฟียสค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้
ลิงค์ด่าอยู่ในใจไอ้หมอนี่มันไม่รู้อะไรเลยซินะ ข้างๆเขา, เอเลียร์ดกับดิโลเซ่นยังคงเหงื่อตกอยู่ พวกเขามองมาที่ลิงค์, รอให้เขาทำอะไรซักอย่าง พวกเขาหวังว่าเรื่องราวที่ลิงค์เล่านั้นจะออกมางดงามและมอร์เฟียสจะไม่สามารถจับพิรุธได้
และแน่นอนว่า,ในระหว่างนี้เองพวกเขาก็จะไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆ
ในฐานะนักเวทย์เลเวล14 ที่มีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เลเวล 19, ดิโลเซ่นได้ใช้โอกาสในระว่างที่ลิงค์ดึงดูดความสนใจของมอร์เฟียสอยู่นี้ในการค้นหาตำแหน่งร่างที่แท้จริงของมอร์เฟียส
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้เป็นผลงานที่แสนภาคภูมิใจของอาร์คเมจภูผาน้ำแข็งมันมีชื่อว่าเนตรแห่งความจริงและมันก็ทำงานอย่างลับๆด้วย ถ้าอีกฝ่ายเป็นอาร์คเมจเหมือนกัน, ก็คงจะรู้สึกถึงตัวตนของมันได้แล้ว แต่มอร์เฟียสไม่ใช่ เขาเป็นแค่คนโชคดีคนนึงที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวทย์วิญญาณเลย
เขาไม่รู้ถึงสิ่งที่ดิโลเซ่นกำลังทำอยู่เลยซักนิด
ส่วนลิงค์นั้น,แน่นอนว่าเขารู้เรื่องนี้ ตอนนี้, เขาต้องซื้อเวลาให้ดิโลเซ่น สมองของเขาแล่นและนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่, พวกเรามาจากนอร์ตัน, และอาศัยอยู่ในป่าเกอร์เวนท์ พวกเราแข็งแรงมาตั้งแต่เด็กแล้ว, ดังนั้นพวกเราก็เลยเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ติดตัวมาด้วยนิดหน่อย—
มอร์เฟียสตัดบทเขาด้วยคลื่นพลังด้วยเหตุผลบางประการ, เขารู้สึกกังวลและกระสับกระส่ายอยู่ในใจ ซึ่งนี่มันทำให้เขารำคาญ เลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วบอกมาซะว่าเจ้าไปเจอมันได้ยังไง!
ครับ,ครับ, ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่! ลิงค์ปาดเหงื่อและกลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่ จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ, ให้ดูเหมือนกับพยายามทำใจให้เย็นลง
มอร์เฟียสไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเฝ้ารออย่างอดทน
หลังจากผ่านไปหลายวินาที,ลิงค์ก็พูดต่อในที่สุด คือแบบนี้ครับ ผม, เลียร์ดแล้วก็ดิโล่เป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเราออกไปล่าสัตว์ในป่า ท่านก็คงจะรู้สินะครับว่าที่ป่าเกอร์เวนท์เคยมีการต่อสู้เกิดขึ้นมามากมาย ฟาร์มถูกทำลายหมด, พวกเราก็เลยมีอาหารไม่พอ, ดังนั้นพวกเราก็เลยต้องออกไปล่าสัตว์เพื่อหาอาหารมาเพิ่ม
แล้วไงต่อ!? มอร์เฟียสอยากจะรัดคอเจ้าหนุ่มพูดมากนี่จริงๆ เวลาผ่านมาตั้งนานแล้ว, แต่เขาก็ยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการเลย
แล้วพวกเราก็ไปเจอกวางเข้าครับผมยิงโดนขาของมัน แต่ก็โดนแค่เฉียดๆเท่านั้น ดังนั้นไม่เพียงแค่มันจะไม่ตาย, แต่มันยังหนีไปได้ด้วย มันวิ่งไปเรื่อยๆ, และพวกเราก็ตามรอยเลือดของมันไป ผมไม่คิดเลยว่าเพื่อนกวางตัวนี้จะวิ่งได้เร็วขนาดนี้ มันหายไปทั้งแบบนั้นเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเลือด, พวกเราก็คงไม่มีทางแกะลอยมันได้ด้วยซ้ำ—
ข้ามเรื่องไร้สาระไปซะ! ภาพของมอร์เฟียสสะบัดมือแล้วลิงค์ก็หงายหลัง, เขากลิ้งไปหลายตลบก่อนที่จะหยุดลง ถ้ามอร์เฟียสไม่ได้ยังมือเอาไว้และใช้พลังมากกว่านี้, ตอนนี้เขาก็คงจะถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว
ส่วนเหตุที่มอร์เฟียสใจดีกับลิงค์ขนาดนี้นั้นก็เพราะลิงค์บอกว่าเขาอยากจะกลายเป็นสาวกมอร์เฟียสไม่สามารถฆ่าเขาได้
หลังจากหยุดกลิ้ง,ลิงค์ก็เริ่มกรีดร้องเหมือนกับหมูกำลังถูกเชือดในทันที ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่! ผะ ผมจะพูดแล้วครับ! อย่าฆ่าผมเลย! มอร์เฟียสส่งเสียงฮึดฮัด อย่าพูดอะไรไร้สาระอีกหล่ะ ข้าไม่ให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งที่สองแน่!
ลิงค์เหลือบมองดิโลเซ่นพอเห็นว่าเขายังใช้สมาธิอยู่, ลิงค์ก็รู้ว่าเขายังไม่เจอมอร์เฟียส ลิงค์เองก็ยังหาเขาไม่เจอเหมือนกัน
ภายในเกมส์,ที่เขาได้เจอมอร์เฟียสนั้นส่วนใหญ่ต้องขอบคุณพวกไร้กาย นักรบไร้กายนั้นก่อกบฏและบังคับให้มอร์เฟียสเข้าไปในป้อมเงา แต่ในเวลานี้, ด้วยความที่เฟิร์ดไล่จับพวกไร้กายจนแทบจะสูญพันธุ์แล้ว จึงเป็นธรรมดาที่มอร์เฟียสจะไม่ถูกพวกมันกดดัน ดังนั้นลิงค์จึงไม่มีเงื่อนงำสำหรับสถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้เลย
พอเห็นว่าความอดทนของมอร์เฟียสมาถึงขีดจำกัดแล้ว,ลิงค์ก็พูดเร็วขึ้น สุดท้ายพวกเราก็ยังไล่เจ้ากวางตัวนั้นไม่ได้อยู่ดีครับ, แต่พวกเราก็บังเอิญไปเจอนักรบคนนึงกำลังไล่ตามนักเวทย์คนนึงเข้าไปในป่า
เขากลายเป็นนักแถอย่างสมบูรณ์เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเขามีแค่: การยืดเวลาให้นานออกไป
นักรบกับนักเวทย์หรอ? มอร์เฟียสขมวดคิ้ว บอกมาซิว่าพวกนั้นมีหน้าตายังไง ถ้าพวกนั้นมีหินสวรรค์ก็แสดงว่าต้องเป็นพวกที่แข็งแกร่งแน่ๆ นักรบน่าจะอยู่ระดับตำนาน แล้วนักเวทย์ก็ต้องเป็นระดับมาสเตอร์ด้วย
ลิงค์พยายามนึกรายละเอียด นักรบสวมชุดคลุมสีทองสลับแดงครับ มันดูแปลกมากเลย ข้าไม่สามารถอธิบายได้ แล้วเขาก็เร็วมากด้วย, เหมือนกับสายฟ้าเลย เขาพุ่งผ่านไป แล้วพวกเราก็ได้ยินนักเวทย์พูดว่า ‘เอาไปสิ, ทั้งหมดเป็นของเจ้าแล้ว’ และหลังจากนั้นนักเวทย์ก็โยนบางอย่างลงมา, แต่นักรบไม่อยากได้มัน เขาใช้ดาบตัดมันแล้วก็เริ่มไล่นักเวทย์ต่อครับ พวกเขาหายไปเร็วมาก พวกเรารออยู่พักใหญ่ๆก่อนที่จะกล้าออกมาดู และหลังจากที่มองดูรอบๆ, พวกเราก็เจอครึ่งนึงของรูปปั้น, แต่ไม่เจออีกครึ่งที่เหลือครับ
เอเลียร์ดพูดเสริม รูปปั้นนี้สวยมากเลยหล่ะครับ หลังจากที่พวกเราได้มันมา, พวกเราก็กลัวว่าจะตกเป็นเป้าหมายของนักรบ เห็นได้ชัดว่าพวกเราไม่สามารถอาศัยอยู่ในป่าเกอร์เวนท์ได้อีกแล้ว พวกเราอยากเอามันไปขายที่ตลาดมืดทางใต้ และหลังจากนั้น…หลังจากนั้นพวกเราก็ถูกจับตัวแล้วถูกพามาที่นี่ครับ
พอได้ยินแบบนี้,มอร์เฟียสก็ตกอยู่ในความเงียบ มีนักรบสวมชุดต่อสู้สีทองสลับแดงกำลังไล่ตามนักเวทย์ที่มีหินสวรรค์อย่างงั้นหรอ…ที่สำคัญกว่านั้น, เขาสามารถใช้ดาบตัดหินสวรรค์ได้ในฉับเดียวแถมยังตัดได้เนียนมากเลยด้วย ตัดสินจากจุดนี้, มั่นใจเลยว่าเขาต้องเป็นนักรบที่มีเลเวลอย่างน้อย 15 แน่ๆ
ไอ้สามคนนี้โชคดีจริงๆที่ได้ครึ่งนี้มาแต่จากที่พวกมันอธิบาย, อีกครึ่งน่าจะอยู่ในป่าเกอร์เวนท์ ไอ้พวกนี้กลัวเกินกว่าที่จะตามหามัน บางทีพวกมันคงจะไม่ได้ใช้เวลาค้นหาให้ดี
พอคิดได้แบบนี้,มอร์เฟียสก็พูดออกมา ยังจำจุดที่พวกเจ้าเจอมันได้อยู่รึเปล่า? คะ,ครับ ลิงค์รีบตอบ พวกเราเติบโตในป่าเกอร์เวนท์ หลับตาเดินพวกเรายังทำได้เลย ใช่ไหมเลียร์ด, ดิโล่?
ดีเลย ทันใดนั้นเองมอร์เฟียสก็มองมาที่ลิงค์ เจ้าบอกว่าอยากเป็นสาวกใช่ไหม?
ลิงค์ตัวแข็งทื่อพอเหลือบมองดิโลเซ่นจากหางตาแล้วเห็นว่าชายคนนั้นยังเงียบอยู่, เขาก็ตื่นตระหนกขึ้นเล็กน้อย ดิโลเซ่นมัวทำอะไรอยู่เนี่ย? เขายังหามอร์เฟียสไม่เจออีกหรอ? เหตุการณ์มันค่อยๆตรึงมือขึ้นแล้วนะ แม้ว่าเขาจะตื่นตระหนกอยู่ในใจ, แต่ลิงค์ก็รีบพยักหน้า ครับ, ใช่ครับ ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่, การได้เป็นสาวกของท่านนั้นถือเป็นเกียรติสูงสุดของข้า
อย่างงั้นรึ,ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำพิธิกรรมให้เจ้าเดี๋ยวนี้เลย ภาพของมอร์เฟียสยกมือขึ้น มีสัญลักษณ์ที่มีแสงสีดำปรากฎขึ้นที่ฝ่ามือของเขา เขากำลังจะกดมันลงมาที่หน้าผากของลิงค์
ในตอนนั้นเอง,มือของดิโลเซ่นก็กระตุกสัญญาณนี้มีความหมายว่าเขาเจอตัวมอร์เฟียสแล้ว
นี่หมายความว่าสามารถเปิดใช้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วและพวกเขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้แล้วด้วยตอนนี้มือของมอร์เฟียสกำลังจะถึงหน้าผากของลิงค์, แต่เห็นได้ชัดว่าลิงค์จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น เขายกมือขึ้นอย่างกระทันหัน แล้วเงาแสงจันทร์ก็สว่างวาบและลบภาพนี้ทิ้งไป!
ลิงค์ไม่สามารถเอาชนะมอร์เฟียสตัวจริงได้,แต่นี่เป็นแค่ภาพฉาย มันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย
ในทันทีที่ภาพหายไป,ดิโลเซ่นก็เคลื่อนไหว
แสงสีแดงเพลิงเปล่งออกมาจากแขนซ้ายของเขามันสว่างขึ้นเรื่อยๆ, และครึ่งวินาทีต่อมา, แขนของเขาก็หลุดออกไปทั้งยวง มันขดตัวเป็นแผ่นดิสก์สีแดงเงิน นี่คืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขานำมา: จันทราโกลาหล
จันทราโกลาหล อุปกณร์ศักดิ์สิทธิ์แห่งกฏระดับตำนานเลเวล19
ผล:อาร์คเมจภูผาน้ำแข็งใช้เวลาถึงสามปีในการสร้างมันขึ้นมา หลังจากที่เปิดใช้, มันจะปล่อยพลังความว่างเปล่าอันวุ่นวายออกมาและบังคับอีกฝ่ายให้มีเลเวลลดลงไป 5 เลเวล มันสามารถส่งผลอยู่ได้ตั้งแต่ 10 วินาทีถึงหนึ่งชั่วโมง
(หมายเหตุ:ความรู้คือพลัง!)
รับไปซะ! ดิโลเซ่นตะโกน บรรยากาศรอบตัวพวกเขาสั่นสะเทือน แผ่นดิสก์สีแดงเงินหมุนแล้วพุ่งหายไปบนฟ้า
ครึ่งวินาทีต่อมา,เสียงตะโกนก็ดังมาจากระยะห่างออกไปประมาณสิบไมล์ ตายซะ! ทุกคนต้องตาย!
น้ำเสียงฟังดูคุกคามและเดือดดาล,แต่สำหรับกลุ่มของลิงค์, มันฟังดูอ่อนแอ
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ถูกเปิดใช้แล้ว! ดิโลเซ่นตะโกน พวกเรามีเวลาสิบวินาที! ภายในสิบวินาทีนี้,ไม่พวกเขาได้ชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์, พวกเขาก็ตาย มันถึงเวลาเอาชีวิตมาเสี่ยงแล้ว!