Chapter
การปรากฎตัวของไฮเอลฟ์สาวที่ประตูทางเข้านั้นไม่มีอะไรพิเศษเธอสวมเครื่องแบบคนใช้ธรรมดา ลิงค์ไม่ได้รู้สึกถึงออร่าอะไรจากเธอเลย เธอดูเหมือนกับไฮเอลฟ์รับใช้คนอื่นๆที่ทำงานในวังหลวง
มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่านะ?ลิงค์คิด
คนรับใช้จ้องมาทางลิงค์จากประตูทางเข้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีทันใดนั้นเอง, เธอก็พูดออกมา, “ฝ่าบาท, ท่านคิดจริงๆหรอคะว่าการรวมภพจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้? ไม่หรอกค่ะ, นี่มันก็แค่การเริ่มต้นเท่านั้น”
ลิงค์ขมวดคิ้ว“แล้วเธอเป็นใคร…?”
เธอไม่ได้ตอบกลับแล้วพอหันไปที่ประตูทางเข้า ก็ไม่มีวี่แววของคนใช้แล้ว จากนั้นเขาก็หันกลับมาที่งานของเขาและเห็นว่าเขาเขียนอะไรบางอย่างลงบนสมุดเวทมนตร์ของตัวเองโดยไม่รู้ตัว: ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืด หัวใจของลิงค์เริ่มเต้นรัวผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดกำลังจะมาในเร็วๆนี้ ภพที่พึ่งผสานกันใหม่นั้นยังอยู่ในระหว่างกระบวนการปรับตัว มันยังมีข้อบกพร่องอีกมากที่ต้องจัดการ แล้วเขาจะปกป้องมันจากจอมเขมือบภพที่แข็งแกร่งภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ได้ยังไงกัน?
จากนั้นเขาก็พยายามนึกถึงสิ่งที่เขาเห็นก่อนหน้านี้แล้วลิงค์ก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วว่าจิตวิญญาณของภพจะต้องมาปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเขาเพื่อเตือนให้เขารู้ถึงอันตายที่กำลังใกล้เข้ามาแน่ๆ
ปัญหาจะแสดงให้ลิงค์เห็นเองในเร็วๆนี้ในส่วนของวิธีที่เขาจะฝ่าฟันพายุที่กำลังเข้ามานั้น, เขามีอยู่สองตัวเลือก ตัวเลือกแรกก็คือการหยุดจอมเขมือบภพด้วยทุกสิ่งที่เขามี ซึ่งนี่เป็นไปไม่ได้ ณ เวลานี้ไม่มีใครในโลกที่สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ ส่วนตัวเลือกที่สองก็คือการยื้อเขาเอาไว้จนกว่าทั้งสองภพจะผสานกันอย่างสมบูณณ์แบบ มีแค่ฟิรุแมนเวอร์ชันใหม่และได้รับการพัฒนาขึ้นเท่านั้นถึงจะอยู่ในจุดที่พอป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองเขมือบมันได้
ตรงจุดนี้เองก็มีปัญหาเกิดขึ้นมาอีกข้อนึงใครจะเป็นคนยื้อผู้ปกครองเอาไว้หล่ะ?
ลิงค์เอามือกุมขมับในขณะที่พยายามคิดหาทางแก้หลายนาทีผ่านไป, และเขาก็ยังคงอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน
ปัญหาได้ขัดขวางความพยายามทั้งหมดของลิงค์ในการที่จะแก้ไขมัน
ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดเป็นเทพที่แท้จริงจากบันทึกในสมัยโบราณ, ในช่วงหนึ่งเขาเคยมีพลังมากกว่าเลเวล 25 เขาอาจจะอ่อนแอลงหลังจากที่ถูกแยกเป็นด้านแสงกับด้านมืด, แต่มันก็คงจะไม่ถือว่ามองในแง่ลบจนเกินไปถ้าจะคิดว่าตอนนี้ระดับพลังของเขาอยู่ใกล้ๆกับเลเวล 24
ซึ่งเทพเลเวล 24 นั้นมีทั้งพลังและสติปัญญาเกินกว่าที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบอย่างแน่นอน ต่อให้เขาจะมีพลังเลเวล 19, แต่ลิงค์ก็ยังเป็นแค่มนุษย์ เขาก็คงจะเหมือนกับมดที่แข็งแกร่งที่สุดในฝูงเท่านั้น
แต่มดก็ยังเป็นมดถ้าต้องเผชิญหน้ากับพลังที่ล้นหลาม, เขาก็คงจะถูกฆ่าในทันที
หลังจากที่คิดอยู่พักใหญ่ๆ,ลิงค์ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงลุกขึ้นจากที่แล้วเดินไปที่หน้าต่าง, เขามองออกไปที่เมืองอันวาร์ด้วยความหวังที่ว่ามันอาจจะช่วยจุดแรงบันดาลใจบางอย่างให้เขาได้
พลังของเทพแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะหาอะไรมาเปรียบจริงๆฉันเคยเจอมันมาก่อนตอนอยู่ภพเฟดาโร่ แต่ตอนนั้นมันเป็นของเพื่อน ส่วนครั้งนี้มัน….
ลิงค์ถอนหายใจจากนั้นเขาก็หายตัวไปด้วยแสงวาบสีขาว พริบตาต่อมา, เขาก็มาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่หอคอยเวทมนตร์ของเฟิร์ด การปรากฎตัวของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาได้เปลี่ยนกลับไปใส่ชุดคลุมสีดำของลอร์ดเฟิร์ด
ลิงค์ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขาอยู่ข้างหลังกำแพงหอคอยเวทมนตร์แห่งนี้นี่เป็นสถานที่แห่งเดียวในโลกที่เขาสามารถผ่อนคลายความรู้สึกได้ เขาเริ่มเดินไปที่ยอดสุดของหอคอย พอไปถึงที่นั่น, เขาก็ทอดสายตามองออกไปไกลๆ
ครึ่งนาทีต่อมา,เสียงประตูไม้เปิดก็ดังขึ้น เอเลียร์ดยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า
“ดูเหมือนว่าตอนนี้นายจะมีเรื่องให้คิดในหัวเต็มไปหมดเลยสินะ”เอเลียร์ดสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าเพื่อนรักของเขามีเรื่องกวนใจบางอย่าง
ลิงค์ยิ้มให้เขาอย่างท้อใจแล้วพูดออกมา“ฉันกลัวว่าแค่การรวมภพอาจจะไม่พอที่จะหยุดยั้งวิกฤตครั้งนี้หน่ะสิ ฉันเพิ่งจะได้รับคำเตือนจากจิตวิญญาณของภพ ถ้าผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดมาถึงพวกเราเมื่อไหร่, ฟิรุแมนทั้งหมดจะถูกลบทิ้ง, รวมทั้งตัวฉันด้วย”
เอเลียร์ดตกตะลึงกับข่าวนี้เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในโลกที่รู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ในทันทีที่เขาได้ฟังสิ่งที่ลิงค์พูด, เขาก็รู้เลยว่า ณ จุดนี้มันไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้แล้ว
ตอนนี้มีแค่ความสิ้นหวังเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่
“สถานาการณ์คงไม่เลวร้ายไปกว่านี้แล้วหล่ะลิงค์, ตอนนี้นายวางแผนจะทำยังไงต่อ?” เอเลียร์ดถาม พวกเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับจอมเขมือบภพโดยตรง พวกเขามีเทคโนโลยีสำหรับเดินทางผ่านทะเลแห่งความว่างเปล่าแล้ว พวกเขายังสามารถหนีเข้าไปในทะเลแห่งความว่างเปล่าก่อนที่จอมเขมือบภพจะมาถึงฟิรุแมนได้อยู่
แต่ก็แน่นอนว่า,พวกเขาเก็บวิธีนี้เอาไว้สำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้น ไม่มีพวกเขาคนไหนอยากเห็นความสำเร็จที่ทำมาทั้งหมดของตัวเองต้องสูญเปล่า
ลิงค์หัวเราะแห้งราวกับว่าอ่านสิ่งที่เอเลียร์ดกำลังคิดอยู่ได้, เขาพูดออกมา “พูดตามตรง, ฉันอยากจะหนีไปจากที่นี่จริงๆนะ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ตัวเองคนเดียว ฉันจะพานักเวทย์ทุกคนในเฟิร์ดเข้าไปในทะเลแห่งความเปล่ากับฉันและพยายามหาสถานที่ซ่อนตัวจากผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืด, สถานที่ที่พวกเราสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ได้
“ก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่นะแต่ฉันคิดว่านายไม่ทำแบบนั้นหรอก” เอเลียร์ดพูด รอยยิ้มบนหน้าของเขานั้นเกิดจากความตตึงเครียดทั้งหมดที่ร่างกายของเขาปล่อยออกมาในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น
ลิงค์ตกอยู่ในความเงียบเขาคงจะหนีจริงๆถ้ามันไม่มีทางเลือก อย่างไรก็ตาม, กรณีที่เลวร้ายที่สุดนั้นยังไม่เกิดขึ้น…เดี๋ยวนะ; บางทีอาจจะมีทางออกอยู่ก็ได้
สายตาของลิงค์เป็นประกายขึ้นมาราวกับว่าได้รับแรงบันดาลใจบางอย่าง
แรงบันดาลใจนี้มาจากชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ที่หลอมรวมกับร่างกายของเขา
ชิ้นส่วนนี้คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์เลเวล20 ที่ตัวตนของมันมีอำนาจมากพอที่จะทำลายพลังของภพได้ ถ้าพูดตามหลักแล้ว, มันไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะมีตัวตนอยู่ในโลกนี้
อย่างไรก็ตาม,เรื่องที่แปลกที่สุดก็เกิดขึ้น ไม่เพียงแค่มันจะยังมีตัวตนอยู่ในฟิรุแมนเท่านั้น, แต่ข่าวที่ว่ามอร์เฟียสเป็นผู้ครอบครองมันยังแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของภพด้วย
ถ้าเป็นในอดีต,ลิงค์คงจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้และมองเป็นแค่ตำนานเรื่องนึงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม, พอได้เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของภพแล้ว, ตอนนี้ลิงค์ก็สามารถสืบค้นเรื่องนี้ได้มากขึ้น
ภพอนุญาติให้สิ่งที่สามารถทำลายสมดุลของมันได้มีตัวตนอยู่,ก่อนหน้านี้มอร์เฟียสเป็นคนพบมันเข้า แต่มันคงจะไม่ใช่โชคสินะ ภพน่าจะเป็นฝ่ายอนุญาติให้เขาหามันเจอ
แล้วตลอดมานี้ภพเก็บเอาไว้ทำไมหล่ะ?
พลังของภพนั้นอยู่เหนือกว่ามิติและกาลเวลามันต้องคิดว่าชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิจะมีบทบาทสำคัญในการแก้วิกฤตการณ์ในอนาคตก็เลยตัดสินใจเก็บมันเอาไว้แน่ๆ ว่าแต่ทำไมมอร์เฟียสถึงได้ชิ้นส่วนไปหล่ะ,แล้วทำไมมันถึงปล่อยให้ทุกคนรู้?,
เรื่องนี้หาคำตอบได้ไม่ยากเลยพอสัมผัสได้ว่าจุดจบของโลกกำลังจะมาถึง, ภพก็เลยตัดสินใจที่จะเปิดเผยตัวตนของชิ้นส่วนด้วยการปล่อยให้มันตกอยู่ในการครอบครองของมอร์เฟียส จากนั้นผู้เชี่ยวชาญทุกคนก็จะถูกบังคับให้ต่อสู้เพื่อแย่งชิงมันจนกระทั่งเหลือแค่คนเดียว และจากนั้นผู้ชนะเลิศก็จะได้รับเกียรติให้ได้ใช้ชิ้นส่วนเพื่อช่วยภพจากการถูกทำลาย
พอมาถึงจุดนี้,อารมณ์ของลิงค์ก็ดีขึ้น เขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เมื่อเห็นแบบนี้,เอเลียร์ดก็รู้ในทันทีว่าเพื่อนของเขาคิดแผนออกแล้ว ดังนั้นเขาจึงจากไปอย่างเงียบๆ, เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนกระบวนการคิดของลิงค์
จากนั้นลิงค์ก็เรียกมงกุฏราตรีนิรันดร์ออกมาตอนนี้มีแฉกงอกออกมาจากมงกุฏสามแฉก, พร้อมกับมีอัญมณีที่มีลักษณะเหมือนดาวห้อยอยู่ที่ปลายแฉกตรงกลาง
ทันใดนั้นเอง,ฉากเบื้องหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
ในตอนที่มงกุฏปรากฎขึ้นบนหัวเขา,ลิงค์ก็ตระหนักได้ว่าหอคอยเวทมนตร์หายไปจากทัศนวิสัยของเขาแล้ว, มันหายไปพร้อมกับเฟิร์ดด้วย ตอนนี้รอบตัวเขาถูกปกคลุมด้วยความมืด มีจุดแสงนับไม่ถ้วนเปล่งประกายรอบตัวเขา พอสังเกตุดูดีๆ, เขาก็ตระหนักได้ว่าพวกมันเป็นแสงจากกลุ่มดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ในความมืดนี้,มีเสียงที่อ่อนโยนดังเข้ามาในหูของลิงค์ “มนุษย์เอ๋ย, สำหรับเจ้าเทพหมายถึงอะไร?”
เสียงนี้เหมือนกับเสียงของไฮเอลฟ์คนใช้ก่อนหน้านี้อย่างไรก็ตาม, มันมีน้ำหนักเสียงมากกว่า ลิงค์คิดว่าตอนนี้เฟรย่า, ศูนย์รวมจิตวิญญาณของภพ, ต้องกำลังคุยกับเขาอยู่แน่ๆ
มันอาจจะฟังดูง่าย,คำถามที่เธอถามนั้นเกี่ยวข้องกับหนึ่งในความจริงพื้นฐานของโลกนี้ สามัญชนอาจจะเยาะเย้ยกับคนที่ถามแบบนี้ด้วยซ้ำ, เพราะคิดว่าผู้ถามไม่มีอะไรทำไปมากกว่าการไตร่ตรองถึงประเด็นที่อ่อนไหวของชีวิตแบบนี้ อย่างไรก็ตาม, พวกที่เข้าใจถึงน้ำหนักจริงๆของคำถามนั้นจะให้ความเคารพกับผู้ถามและอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตด้วยซ้ำในการหาคำตอบ
เทพคืออะไร?
คนธรรมดารวมทั้งนักเวทย์ที่ประสบความสำเร็จอยู่บ้างอาจจะหาคำตอบที่มีสาระไม่ได้เลยอย่างไรก็ตาม, สำหรับลิงค์นั้นนี่ไม่ใช่แค่คำถาม; มันคือกุญแจที่ช่วยขยายขอบเขตความคิดของเขา
ทันใดนั้นเอง,หัวของเขาก็เต็มไปด้วยคำตอบทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม, เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าคำตอบทั้งหมดนั้นล้วนมีพื้นฐานมาจากความเข้าใจของมนุษย์ที่มีต่อเทพและโดยเนื้อแท้นั้นมันไม่มีคุณค่าอะไรเลย
ลิงค์ใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มในการไตร่ตรองคำถามของเฟรย่าด้วยความช่วยเหลือของมงกุฏราตรีนิรันดร์จนในที่สุดเขาก็สายหัวแล้วตอบออกมา “ผมไม่รู้”
ในตอนนั้นเอง,เขาก็นึกถึงคำกล่าวนึงของโลก: อย่าทดสอบพระเจ้าของท่าน นี่คือคำกล่าวที่กระตุ้นความคิดจริงๆ
เสียงที่อ่อนโยนถามอีกครั้ง,“มนุษย์เอ๋ย, แล้วความมืดคืออะไร?”
มันเป็นคำถามเชิงอัตตาอีกครั้งอย่างไรก็ตาม, คำถามนี้มันง่ายกว่าคำถามแรกมาก แนวคิดเกี่ยวกับความมืดนั้นทำความเข้าใจได้ง่ายกว่าเทพ ลิงค์เคยใช้พลังแห่งความมืดมาก่อนด้วย นอกจกานี้เขายังเคยมีประสบการณ์ในการจัดการกับปีศาจและดาร์คเอลฟ์ที่เชี่ยวชาญในการใช้พลังแห่งความมืดอีก
เขาเริ่มสัมผัสถึงกระแสพลังแห่งความมืดที่อยู่ในร่างของเขาจากนั้นเขาก็พยายามนึกถึงตอนที่เขาต่อสู้กับปีศาจอย่างโนโซม่า, เขาลองย้อนการต่อสู้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วยความหวังที่ว่าพวกมันอาจจะช่วยเปิดเผยความหมายที่แท้จริงของความมืดได้ ไม่นานนัก,ลิงค์ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เขาตระหนักได้ว่าพลังแห่งความมืดทั้งหลายที่เขาเคยเจอมาจะมีความแตกต่างกันเล็กๆน้อยๆ
ในบรรดาเผ่าดาร์คเอลฟ์,ปีศาจและนักเวทย์แห่งความมืดของมนุษย์นั้นล้วนมีรูปแบบพลังแห่งความมืดที่แตกต่างกัน แม้กระทั่งโนโซม่ากับลูกสาวของเขาซาโรวินี่ก็ยังมีรูปแบบพลังแห่งความมืดที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ไม่มีรูปแบบพลังแห่งความมืดรูปแบบไหนที่น่าจะเป็นรูปแบบที่แท้จริงในโลกนี้!แล้วมันจะมีคำตอบที่ครอบคลุมได้ยังไง?
ท้ายที่สุดแล้ว,ลิงค์ก็ตอบกลับไป, “ผมไม่รู้”
“ใช่แล้ว,คำตอบสำหรับคำถามพวกนี้แม้กระทั่งข้าก็ไม่เข้าใจ สิ่งเดียวที่พวกเรามั่นใจได้ในโลกนี้ก็คือตัวเราเอง สิ่งเดียวที่พวกเราควบคุมได้ตามต้องการก็คือตัวเราเอง ลิงค์เอ๋ย, เจ้าเหลืออีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับเทพแล้ว เจ้าต้องผ่านก้าวสุดท้ายนี้ด้วยตัวเอง สิ่งอื่นๆนั้นล้วนไม่ต่างอะไรจากอุปสรรคในการเดินทางของเจ้า” น้ำเสียงที่อ่อนโยนพูดอย่างช้าๆ, ทุกคำที่พูดออกมานั้นก้องกังวาลในหัวลิงค์
ลิงค์ถอนหายใจออกมา“เข้าใจแล้วหล่ะ”
“แล้วตอนนี้เจ้าตั้งใจจะทำอะไรต่อ?”
“ก้าวสู่ดินแดนเทพ!”
“หึหึ…”ลิงค์ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก จากนั้น, เสียงนั้นก็พูดต่อ “ถ้างั้นก็จงไปซะ, ราชาราตรีนิรันดร์!”
การปรากฎตัวของไฮเอลฟ์สาวที่ประตูทางเข้านั้นไม่มีอะไรพิเศษเธอสวมเครื่องแบบคนใช้ธรรมดา ลิงค์ไม่ได้รู้สึกถึงออร่าอะไรจากเธอเลย เธอดูเหมือนกับไฮเอลฟ์รับใช้คนอื่นๆที่ทำงานในวังหลวง
มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่านะ?ลิงค์คิด
คนรับใช้จ้องมาทางลิงค์จากประตูทางเข้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีทันใดนั้นเอง, เธอก็พูดออกมา, “ฝ่าบาท, ท่านคิดจริงๆหรอคะว่าการรวมภพจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้? ไม่หรอกค่ะ, นี่มันก็แค่การเริ่มต้นเท่านั้น”
ลิงค์ขมวดคิ้ว“แล้วเธอเป็นใคร…?”
เธอไม่ได้ตอบกลับแล้วพอหันไปที่ประตูทางเข้า ก็ไม่มีวี่แววของคนใช้แล้ว จากนั้นเขาก็หันกลับมาที่งานของเขาและเห็นว่าเขาเขียนอะไรบางอย่างลงบนสมุดเวทมนตร์ของตัวเองโดยไม่รู้ตัว: ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืด หัวใจของลิงค์เริ่มเต้นรัวผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดกำลังจะมาในเร็วๆนี้ ภพที่พึ่งผสานกันใหม่นั้นยังอยู่ในระหว่างกระบวนการปรับตัว มันยังมีข้อบกพร่องอีกมากที่ต้องจัดการ แล้วเขาจะปกป้องมันจากจอมเขมือบภพที่แข็งแกร่งภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ได้ยังไงกัน?
จากนั้นเขาก็พยายามนึกถึงสิ่งที่เขาเห็นก่อนหน้านี้แล้วลิงค์ก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วว่าจิตวิญญาณของภพจะต้องมาปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเขาเพื่อเตือนให้เขารู้ถึงอันตายที่กำลังใกล้เข้ามาแน่ๆ
ปัญหาจะแสดงให้ลิงค์เห็นเองในเร็วๆนี้ในส่วนของวิธีที่เขาจะฝ่าฟันพายุที่กำลังเข้ามานั้น, เขามีอยู่สองตัวเลือก ตัวเลือกแรกก็คือการหยุดจอมเขมือบภพด้วยทุกสิ่งที่เขามี ซึ่งนี่เป็นไปไม่ได้ ณ เวลานี้ไม่มีใครในโลกที่สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ ส่วนตัวเลือกที่สองก็คือการยื้อเขาเอาไว้จนกว่าทั้งสองภพจะผสานกันอย่างสมบูณณ์แบบ มีแค่ฟิรุแมนเวอร์ชันใหม่และได้รับการพัฒนาขึ้นเท่านั้นถึงจะอยู่ในจุดที่พอป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองเขมือบมันได้
ตรงจุดนี้เองก็มีปัญหาเกิดขึ้นมาอีกข้อนึงใครจะเป็นคนยื้อผู้ปกครองเอาไว้หล่ะ?
ลิงค์เอามือกุมขมับในขณะที่พยายามคิดหาทางแก้หลายนาทีผ่านไป, และเขาก็ยังคงอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน
ปัญหาได้ขัดขวางความพยายามทั้งหมดของลิงค์ในการที่จะแก้ไขมัน
ผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดเป็นเทพที่แท้จริงจากบันทึกในสมัยโบราณ, ในช่วงหนึ่งเขาเคยมีพลังมากกว่าเลเวล 25 เขาอาจจะอ่อนแอลงหลังจากที่ถูกแยกเป็นด้านแสงกับด้านมืด, แต่มันก็คงจะไม่ถือว่ามองในแง่ลบจนเกินไปถ้าจะคิดว่าตอนนี้ระดับพลังของเขาอยู่ใกล้ๆกับเลเวล 24
ซึ่งเทพเลเวล 24 นั้นมีทั้งพลังและสติปัญญาเกินกว่าที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบอย่างแน่นอน ต่อให้เขาจะมีพลังเลเวล 19, แต่ลิงค์ก็ยังเป็นแค่มนุษย์ เขาก็คงจะเหมือนกับมดที่แข็งแกร่งที่สุดในฝูงเท่านั้น
แต่มดก็ยังเป็นมดถ้าต้องเผชิญหน้ากับพลังที่ล้นหลาม, เขาก็คงจะถูกฆ่าในทันที
หลังจากที่คิดอยู่พักใหญ่ๆ,ลิงค์ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงลุกขึ้นจากที่แล้วเดินไปที่หน้าต่าง, เขามองออกไปที่เมืองอันวาร์ด้วยความหวังที่ว่ามันอาจจะช่วยจุดแรงบันดาลใจบางอย่างให้เขาได้
พลังของเทพแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะหาอะไรมาเปรียบจริงๆฉันเคยเจอมันมาก่อนตอนอยู่ภพเฟดาโร่ แต่ตอนนั้นมันเป็นของเพื่อน ส่วนครั้งนี้มัน….
ลิงค์ถอนหายใจจากนั้นเขาก็หายตัวไปด้วยแสงวาบสีขาว พริบตาต่อมา, เขาก็มาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่หอคอยเวทมนตร์ของเฟิร์ด การปรากฎตัวของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาได้เปลี่ยนกลับไปใส่ชุดคลุมสีดำของลอร์ดเฟิร์ด
ลิงค์ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขาอยู่ข้างหลังกำแพงหอคอยเวทมนตร์แห่งนี้นี่เป็นสถานที่แห่งเดียวในโลกที่เขาสามารถผ่อนคลายความรู้สึกได้ เขาเริ่มเดินไปที่ยอดสุดของหอคอย พอไปถึงที่นั่น, เขาก็ทอดสายตามองออกไปไกลๆ
ครึ่งนาทีต่อมา,เสียงประตูไม้เปิดก็ดังขึ้น เอเลียร์ดยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า
“ดูเหมือนว่าตอนนี้นายจะมีเรื่องให้คิดในหัวเต็มไปหมดเลยสินะ”เอเลียร์ดสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าเพื่อนรักของเขามีเรื่องกวนใจบางอย่าง
ลิงค์ยิ้มให้เขาอย่างท้อใจแล้วพูดออกมา“ฉันกลัวว่าแค่การรวมภพอาจจะไม่พอที่จะหยุดยั้งวิกฤตครั้งนี้หน่ะสิ ฉันเพิ่งจะได้รับคำเตือนจากจิตวิญญาณของภพ ถ้าผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืดมาถึงพวกเราเมื่อไหร่, ฟิรุแมนทั้งหมดจะถูกลบทิ้ง, รวมทั้งตัวฉันด้วย”
เอเลียร์ดตกตะลึงกับข่าวนี้เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในโลกที่รู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ในทันทีที่เขาได้ฟังสิ่งที่ลิงค์พูด, เขาก็รู้เลยว่า ณ จุดนี้มันไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้แล้ว
ตอนนี้มีแค่ความสิ้นหวังเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่
“สถานาการณ์คงไม่เลวร้ายไปกว่านี้แล้วหล่ะลิงค์, ตอนนี้นายวางแผนจะทำยังไงต่อ?” เอเลียร์ดถาม พวกเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับจอมเขมือบภพโดยตรง พวกเขามีเทคโนโลยีสำหรับเดินทางผ่านทะเลแห่งความว่างเปล่าแล้ว พวกเขายังสามารถหนีเข้าไปในทะเลแห่งความว่างเปล่าก่อนที่จอมเขมือบภพจะมาถึงฟิรุแมนได้อยู่
แต่ก็แน่นอนว่า,พวกเขาเก็บวิธีนี้เอาไว้สำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้น ไม่มีพวกเขาคนไหนอยากเห็นความสำเร็จที่ทำมาทั้งหมดของตัวเองต้องสูญเปล่า
ลิงค์หัวเราะแห้งราวกับว่าอ่านสิ่งที่เอเลียร์ดกำลังคิดอยู่ได้, เขาพูดออกมา “พูดตามตรง, ฉันอยากจะหนีไปจากที่นี่จริงๆนะ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ตัวเองคนเดียว ฉันจะพานักเวทย์ทุกคนในเฟิร์ดเข้าไปในทะเลแห่งความเปล่ากับฉันและพยายามหาสถานที่ซ่อนตัวจากผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืด, สถานที่ที่พวกเราสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ได้
“ก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่นะแต่ฉันคิดว่านายไม่ทำแบบนั้นหรอก” เอเลียร์ดพูด รอยยิ้มบนหน้าของเขานั้นเกิดจากความตตึงเครียดทั้งหมดที่ร่างกายของเขาปล่อยออกมาในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น
ลิงค์ตกอยู่ในความเงียบเขาคงจะหนีจริงๆถ้ามันไม่มีทางเลือก อย่างไรก็ตาม, กรณีที่เลวร้ายที่สุดนั้นยังไม่เกิดขึ้น…เดี๋ยวนะ; บางทีอาจจะมีทางออกอยู่ก็ได้
สายตาของลิงค์เป็นประกายขึ้นมาราวกับว่าได้รับแรงบันดาลใจบางอย่าง
แรงบันดาลใจนี้มาจากชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ที่หลอมรวมกับร่างกายของเขา
ชิ้นส่วนนี้คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์เลเวล20 ที่ตัวตนของมันมีอำนาจมากพอที่จะทำลายพลังของภพได้ ถ้าพูดตามหลักแล้ว, มันไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะมีตัวตนอยู่ในโลกนี้
อย่างไรก็ตาม,เรื่องที่แปลกที่สุดก็เกิดขึ้น ไม่เพียงแค่มันจะยังมีตัวตนอยู่ในฟิรุแมนเท่านั้น, แต่ข่าวที่ว่ามอร์เฟียสเป็นผู้ครอบครองมันยังแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของภพด้วย
ถ้าเป็นในอดีต,ลิงค์คงจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้และมองเป็นแค่ตำนานเรื่องนึงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม, พอได้เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของภพแล้ว, ตอนนี้ลิงค์ก็สามารถสืบค้นเรื่องนี้ได้มากขึ้น
ภพอนุญาติให้สิ่งที่สามารถทำลายสมดุลของมันได้มีตัวตนอยู่,ก่อนหน้านี้มอร์เฟียสเป็นคนพบมันเข้า แต่มันคงจะไม่ใช่โชคสินะ ภพน่าจะเป็นฝ่ายอนุญาติให้เขาหามันเจอ
แล้วตลอดมานี้ภพเก็บเอาไว้ทำไมหล่ะ?
พลังของภพนั้นอยู่เหนือกว่ามิติและกาลเวลามันต้องคิดว่าชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิจะมีบทบาทสำคัญในการแก้วิกฤตการณ์ในอนาคตก็เลยตัดสินใจเก็บมันเอาไว้แน่ๆ ว่าแต่ทำไมมอร์เฟียสถึงได้ชิ้นส่วนไปหล่ะ,แล้วทำไมมันถึงปล่อยให้ทุกคนรู้?,
เรื่องนี้หาคำตอบได้ไม่ยากเลยพอสัมผัสได้ว่าจุดจบของโลกกำลังจะมาถึง, ภพก็เลยตัดสินใจที่จะเปิดเผยตัวตนของชิ้นส่วนด้วยการปล่อยให้มันตกอยู่ในการครอบครองของมอร์เฟียส จากนั้นผู้เชี่ยวชาญทุกคนก็จะถูกบังคับให้ต่อสู้เพื่อแย่งชิงมันจนกระทั่งเหลือแค่คนเดียว และจากนั้นผู้ชนะเลิศก็จะได้รับเกียรติให้ได้ใช้ชิ้นส่วนเพื่อช่วยภพจากการถูกทำลาย
พอมาถึงจุดนี้,อารมณ์ของลิงค์ก็ดีขึ้น เขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เมื่อเห็นแบบนี้,เอเลียร์ดก็รู้ในทันทีว่าเพื่อนของเขาคิดแผนออกแล้ว ดังนั้นเขาจึงจากไปอย่างเงียบๆ, เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนกระบวนการคิดของลิงค์
จากนั้นลิงค์ก็เรียกมงกุฏราตรีนิรันดร์ออกมาตอนนี้มีแฉกงอกออกมาจากมงกุฏสามแฉก, พร้อมกับมีอัญมณีที่มีลักษณะเหมือนดาวห้อยอยู่ที่ปลายแฉกตรงกลาง
ทันใดนั้นเอง,ฉากเบื้องหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
ในตอนที่มงกุฏปรากฎขึ้นบนหัวเขา,ลิงค์ก็ตระหนักได้ว่าหอคอยเวทมนตร์หายไปจากทัศนวิสัยของเขาแล้ว, มันหายไปพร้อมกับเฟิร์ดด้วย ตอนนี้รอบตัวเขาถูกปกคลุมด้วยความมืด มีจุดแสงนับไม่ถ้วนเปล่งประกายรอบตัวเขา พอสังเกตุดูดีๆ, เขาก็ตระหนักได้ว่าพวกมันเป็นแสงจากกลุ่มดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ในความมืดนี้,มีเสียงที่อ่อนโยนดังเข้ามาในหูของลิงค์ “มนุษย์เอ๋ย, สำหรับเจ้าเทพหมายถึงอะไร?”
เสียงนี้เหมือนกับเสียงของไฮเอลฟ์คนใช้ก่อนหน้านี้อย่างไรก็ตาม, มันมีน้ำหนักเสียงมากกว่า ลิงค์คิดว่าตอนนี้เฟรย่า, ศูนย์รวมจิตวิญญาณของภพ, ต้องกำลังคุยกับเขาอยู่แน่ๆ
มันอาจจะฟังดูง่าย,คำถามที่เธอถามนั้นเกี่ยวข้องกับหนึ่งในความจริงพื้นฐานของโลกนี้ สามัญชนอาจจะเยาะเย้ยกับคนที่ถามแบบนี้ด้วยซ้ำ, เพราะคิดว่าผู้ถามไม่มีอะไรทำไปมากกว่าการไตร่ตรองถึงประเด็นที่อ่อนไหวของชีวิตแบบนี้ อย่างไรก็ตาม, พวกที่เข้าใจถึงน้ำหนักจริงๆของคำถามนั้นจะให้ความเคารพกับผู้ถามและอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตด้วยซ้ำในการหาคำตอบ
เทพคืออะไร?
คนธรรมดารวมทั้งนักเวทย์ที่ประสบความสำเร็จอยู่บ้างอาจจะหาคำตอบที่มีสาระไม่ได้เลยอย่างไรก็ตาม, สำหรับลิงค์นั้นนี่ไม่ใช่แค่คำถาม; มันคือกุญแจที่ช่วยขยายขอบเขตความคิดของเขา
ทันใดนั้นเอง,หัวของเขาก็เต็มไปด้วยคำตอบทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม, เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าคำตอบทั้งหมดนั้นล้วนมีพื้นฐานมาจากความเข้าใจของมนุษย์ที่มีต่อเทพและโดยเนื้อแท้นั้นมันไม่มีคุณค่าอะไรเลย
ลิงค์ใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มในการไตร่ตรองคำถามของเฟรย่าด้วยความช่วยเหลือของมงกุฏราตรีนิรันดร์จนในที่สุดเขาก็สายหัวแล้วตอบออกมา “ผมไม่รู้”
ในตอนนั้นเอง,เขาก็นึกถึงคำกล่าวนึงของโลก: อย่าทดสอบพระเจ้าของท่าน นี่คือคำกล่าวที่กระตุ้นความคิดจริงๆ
เสียงที่อ่อนโยนถามอีกครั้ง,“มนุษย์เอ๋ย, แล้วความมืดคืออะไร?”
มันเป็นคำถามเชิงอัตตาอีกครั้งอย่างไรก็ตาม, คำถามนี้มันง่ายกว่าคำถามแรกมาก แนวคิดเกี่ยวกับความมืดนั้นทำความเข้าใจได้ง่ายกว่าเทพ ลิงค์เคยใช้พลังแห่งความมืดมาก่อนด้วย นอกจกานี้เขายังเคยมีประสบการณ์ในการจัดการกับปีศาจและดาร์คเอลฟ์ที่เชี่ยวชาญในการใช้พลังแห่งความมืดอีก
เขาเริ่มสัมผัสถึงกระแสพลังแห่งความมืดที่อยู่ในร่างของเขาจากนั้นเขาก็พยายามนึกถึงตอนที่เขาต่อสู้กับปีศาจอย่างโนโซม่า, เขาลองย้อนการต่อสู้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วยความหวังที่ว่าพวกมันอาจจะช่วยเปิดเผยความหมายที่แท้จริงของความมืดได้ ไม่นานนัก,ลิงค์ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เขาตระหนักได้ว่าพลังแห่งความมืดทั้งหลายที่เขาเคยเจอมาจะมีความแตกต่างกันเล็กๆน้อยๆ
ในบรรดาเผ่าดาร์คเอลฟ์,ปีศาจและนักเวทย์แห่งความมืดของมนุษย์นั้นล้วนมีรูปแบบพลังแห่งความมืดที่แตกต่างกัน แม้กระทั่งโนโซม่ากับลูกสาวของเขาซาโรวินี่ก็ยังมีรูปแบบพลังแห่งความมืดที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ไม่มีรูปแบบพลังแห่งความมืดรูปแบบไหนที่น่าจะเป็นรูปแบบที่แท้จริงในโลกนี้!แล้วมันจะมีคำตอบที่ครอบคลุมได้ยังไง?
ท้ายที่สุดแล้ว,ลิงค์ก็ตอบกลับไป, “ผมไม่รู้”
“ใช่แล้ว,คำตอบสำหรับคำถามพวกนี้แม้กระทั่งข้าก็ไม่เข้าใจ สิ่งเดียวที่พวกเรามั่นใจได้ในโลกนี้ก็คือตัวเราเอง สิ่งเดียวที่พวกเราควบคุมได้ตามต้องการก็คือตัวเราเอง ลิงค์เอ๋ย, เจ้าเหลืออีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับเทพแล้ว เจ้าต้องผ่านก้าวสุดท้ายนี้ด้วยตัวเอง สิ่งอื่นๆนั้นล้วนไม่ต่างอะไรจากอุปสรรคในการเดินทางของเจ้า” น้ำเสียงที่อ่อนโยนพูดอย่างช้าๆ, ทุกคำที่พูดออกมานั้นก้องกังวาลในหัวลิงค์
ลิงค์ถอนหายใจออกมา“เข้าใจแล้วหล่ะ”
“แล้วตอนนี้เจ้าตั้งใจจะทำอะไรต่อ?”
“ก้าวสู่ดินแดนเทพ!”
“หึหึ…”ลิงค์ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก จากนั้น, เสียงนั้นก็พูดต่อ “ถ้างั้นก็จงไปซะ, ราชาราตรีนิรันดร์!”