Chapter
สามวันต่อมา,เทพแห่งการทำลายก็ได้ตำแหน่งของเซลีนแล้ว
พวกเธอออกจากทุ่งหญ้าสีทองและตอนนี้ก็กำลังมุ่งหน้าไปยังที่ราบลุ่มทางใต้ของฟิรุแมน
ที่เขตนี้มีแม่น้ำหลายสายตัดผ่านกันไปมาเหมือนกับใยแมงมุมพื้นดินเองก็อ่อนยวบเนื่องจากหลุมโคลนไร้ก้น, โดยส่วนใหญ่นั้นมีใบไม้ปิดอยู่และมันก็เปลี่ยนเป็นกับดักแห่งความตายตามธรรมชาติ
มีสัตว์เวทมนตร์แสนดุร้ายซุกซ่อนอยู่ในพืชพันธุ์พวกนี้ด้วย,ซึ่งก็ต้องขอบคุณพื้นที่น้ำสูงนี้ที่ทำให้พวกมันอาละวาดไปทั่ว
ยกตัวอย่างเช่น,แมงมุมเขียวนั้นสามารถปล่อยพิษถึงตายที่สามารถหยุดหัวใจคนธรรมดาได้ถึง 100 คน นอกจากนี้เขี้ยวของมันยังสามารถทะลวงบาเรียเวทมนตร์ส่วนใหญ่ได้อย่างสบายๆ แม้กระทั่งนากาก็ไม่สามารถรอดจากคมเขี้ยวของมันได้
นากาเริ่มเดินทางผ่านพื้นที่ราบลุ่มนี้ด้วยความระมัดระวังความจริงที่ว่าพวกเธอไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของเซลีนนั้นทำให้งานยากขึ้นเยอะ
เทพแห่งการทำลายเองก็ไม่กล้าลดการป้องกันลงเหมือนกันเธอไม่ได้สนใจพวกสิ่งมีชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่ในเขต คนๆเดียวที่เธอกลัวในเวลานี้ก็คือลิงค์, ที่เธอรู้อยู่แก่ใจดีว่าอาจจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืดที่ไหนซักแห่งและรอโอกาสที่จะโจมตี เธอรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เธอลดการป้องกันลง, ลิงค์ก็คงไม่ลังเลที่จะเข้ามาจบชีวิตเธอในคราเดียว
ทันใดนั้นเอง,นกหัวขวานตัวนึงก็ส่งเสียงร้องออกมาในขณะที่หนีลึกเข้าไปในป่า สัตว์ตัวอื่นๆในที่ราบลุ่มเองก็ตามมันไป
กรี๊ด! นากาคนนึงร้องออกมา จากนั้นคนที่เหลือก็หันมาดูและเห็นว่ามีแมงมุมขนาดเท่าฝ่ามือเกาะอยู่ที่คอของเธอ สัญลักษณ์ที่หลังของแมงมุมสีม่วงดำตัวนี้ทำให้นึกถึงดวงตาสีแดงอันโหดร้ายของปีศาจ
นากาพยายามดึงมันออกจากคอของเธอ,แต่แมงมุมตัวนี้ได้ฝังเขี้ยวลึกเข้าไปในตัวเหยื่อแล้ว เธอสามารถกระชากมันออกมาได้ในที่สุด, แต่การทำแบบนั้น, เจ้าแมงมุมก็ได้กัดชิ้นเนื้อออกมาจากคอของเธอด้วย เส้นเลือดดำเริ่มปูดออกมาในลักษณะใยแมงมุมรอบคอของเธอด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ในขณะที่เลือดที่ไหลออกมาจากคอของเธอนั้นมีสีดำเหมือนกับหมึก
ในเวลาแค่ชั่วเสี้ยววินาที,ทั้งใบหน้าของนากาก็เปลี่ยนเป็นสีดำ การเดินของเธอเองก็เริ่มไม่มั่นคง, ราวกับว่าเธออาจจะฟุบได้ทุกเมื่อ
นากาคนอื่นๆรีบวิ่งเข้ามาแล้วบี้เจ้าแมงมุมจนแบนคาเท้าของพวกเธอจากนั้นพวกเธอก็พยายามรักษาพิษแมงมุมของพรรคพวกด้วยยาปฏิชีวนะที่พวกเธอพกติดตัวมาด้วย
อย่างไรก็ตาม,ยาปฏิชีวนะนี้ช่วยลดการแพร่กระจายของพิษได้แค่เล็กน้อย ตอนนี้เริ่มมีเลือดออกมาทางปาก, ดวงตาและรูจมูกแล้ว มันดูเหมือนกับว่านากาคนนี้คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
นายหญิงคะ… หนึ่งในนากาพูดอย่างร้องขอ
เทพแห่งการทำลายกัดริมฝีปากของเธอด้วยศัตรูผู้แข็งแกร่งที่รอจังหวะลอบโจมตีอยู่นั้น, ทำให้ตอนนี้เธอไม่สามารถใช้พลังทิ้งขว้างได้เลย อย่างไรก็ตาม, พวกนากาเองก็ซื่อสัตย์กับเธอยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด การปล่อยให้หนึ่งในพวกเธอตายก็คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่แพ้กัน หลังจากชั่งน้ำหนักตัวเลือกของเธอ, เธอก็ดีดนิ้วไปทางนากาที่ติดพิษ, แล้วส่งเทคนิคฟอกพิษของเธอเข้าไป
เทคนิคฟอกพิษของเธอนั้นได้ผลในทันทีนากาที่ติดพิษถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเธอเริ่มกลับมามีเลือดฝาก ที่บาดแผลเองก็ไม่มีเลือดไหลออกมาแล้ว อย่างไรก็ตาม, เธอยังอ่อนแรงจากการเสียเลือดมาก เธอจำเป็นต้องพักอย่างน้อยสองชั่วโมงเพื่อให้เรี่ยวแรงฟื้นกลับมาเต็มที่
พอเห็นแบบนี้,เทพแห่งการทำลายก็พูดออกมา ที่นี่อันตรายเกินไป พวกเจ้าทุกคนกลับไปซะ, เดี๋ยวข้าจะไปต่อเองคนเดียว
ในกลุ่มพวกเธอไม่มีใครคุ้นเคยกับภูมิภาคแบบที่ราบลุ่มเลยและอ่อนประสบการณ์ในการจัดการกับสิ่งมีชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่ที่นี่อย่างมากพวกเธอมีแต่จะเป็นภาระให้นายหญิงถ้าเธอต้องคอยรักษาพวกเธอในทุกๆครั้งที่พวกเธอได้รับบาดเจ็บหรือติดพิษ
ระวังตัวด้วยนะคะนายหญิง นาการะดับตำนานคนนึงพูด
เทพแห่งการทำลายพยักหน้าจากนั้นเธอก็หันหลังกลับและมุ่งหน้าลึกเข้าไปในเขตที่ราบลุ่ม
ในขณะที่เธอเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆ,หมอกหนาสีเหลืองก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเธอ มีสายลมพัดหมอกหนาสีเหลืองส่วนนึงมาทางเทพแห่งการทำลายในตอนที่เธอลองยื่นมือออกไปสัมผัสดู, ความเจ็บปวดก็แล่นมาตามปลายนิ้วของเธอ เธอรีบดึงมือกลับมาอย่างรวดเร็วและเห็นว่าผิวหนังที่นิ้วของเธอถูกเผาจนเป็นสีดำ
เธอมีความรู้สึกว่าถ้าเธอสัมผัสหมอกนี้ต่อ,ร่างกายของเธออาจะถูกมันกินเข้าไปจริงๆ
ไม่เคยรู้เลยนะเนี่ยว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ในฟิรุแมนด้วย เทพแห่งการทำลายพึมพำ พอตระหนักได้ว่าหมอกสีเหลืองนั้นปกคลุมแค่พื้นที่เล็กๆของป่า, เธอก็ตัดสินใจที่จะเดินอ้อมมันไป
แม้ว่าเธอจะสามารถเดินผ่านมันไปตรงๆได้ด้วยการใช้บาเรียเวทมนตร์,แต่มันก็คงจะผลาญพลังของเธอไปอย่างมาก การบินผ่านก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยเหมือนกัน ดังนั้นวิธีเดียวที่จะข้ามไปในตอนนี้ก็คือการเดินอ้อมหมอกพิษสีเหลือง หมอกพิษสีเหลืองนี้หมุนวนอยู่ในป่าอย่างไม่รู้จบ,และย้ายเขตแดนของมันไปตามเวลา อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา, เทพแห่งการทำลายก็เดินทางสำรวจป่ามาได้ 100 ไมล์แล้ว
หลังจากนั้นซักพัก,ผืนน้ำขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเธอ มีหมอกกัดกร่อนสีเหลืองลอยอยู่เหนือพื้นน้ำด้วย
ตอนนี้เส้นทางของเธอถูกผืนน้ำนี้ขวางเอาไว้อย่างสมบูรณ์
ดูเหมือนจะเป็นทะเลสาบขนาดยักษ์นะหมอกสีเหลืองคลุมจนไม่เห็นทางเลย…เซลีน ฟรังดร์น่าจะอยู่ข้างหน้านี้ เธอสัมผัสถึงออร่าของเซลีนได้จากข้างในหมอกนี้
อย่างไรก็ตาม,ตอนนี้เธอเจอกับปัญหาใหม่ หมอกสีเหลืองที่ลอยอยู่เหนือพื้นผิวของทะเลสาบนั้นทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเซลีน
ตอนนี้เธอมีอยู่สองทางเลือกทางแรกคือฝ่าหมอกกัดกร่อนเข้าไปและเข้าไปหาเซลีนตรงๆ นี่ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงน้อย อย่างไรก็ตาม, เธอจะถูกบังคับให้ต้องใช้พลังไปอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่เธอจะถูกเซลีนกับลอร์ดเฟิร์ดโจมตีขนาบจากทั้งสองฝั่งอีก ถ้าต้องอยู่ในตำแหน่งแบบนั้นการจะหลุดออกมาได้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
แม้ว่าภารกิจของเธอจะเป็นการฆ่าเซลีน,แต่เธอก็จะทำมันโดยไม่ต้องสละชีวิตตัวเอง คงมีแค่คนโง่เท่านั้นที่ยอมสละชีวิตเพื่อผู้ปกครองแห่งแสงสว่างและความมืด
ส่วนทางเลือกที่สองของเธอก็คือการลบทะเลสาบนี้ทิ้งด้วยเวทย์วงกว้างระดับตำนานเลเวล19, ซึ่งมันจะช่วยจบชะตาชีวิตของเซลีนในทันที
อย่างไรก็ตาม,สำหรับวิธีนี้ในระหว่างกระบวนการร่ายเวทย์นั้นเธอจะเปิดช่องว่างให้ลอร์ดเฟิร์ดลอบโจมตีได้
ทางเลือกที่สองดูเหมือนจะเสี่ยงกว่าทางแรกด้วยซ้ำหลังจากที่ชั่งน้ำหนักทั้งสองทางเลือกดูแล้ว, เทพแห่งการทำลายก็ตัดสินใจที่จะทำตามแบบแรก เธอฝ่าเข้าไปในหมอกสีเหลืองด้วยโล่เวทมนตร์สีแดงเข้มที่อยู่รอบตัวเธอ
ในหมอกนี้เธอสามารถสัมผัสถึงตัวตนของเซลีนได้แม่นยำขึ้นซึ่งนี่ก็หมายความว่าเหยื่อของเธอต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ
ด้วยความตื่นเต้น,เธอก็เริ่มเร่งความเร็ว อย่างไรก็ตาม, ในตอนนั้นเอง, ระลอกพลังที่คมกริบก็เข้ามาในพื้นที่จิตใจของเธอ
ระลอกพลังนี้ได้ปรากฎขึ้นจากอีกฝั่งของทะเลสาบมันดูเหมือนกำลังมุ่งหน้าไปที่กลางทะเลสาบ จุดที่เซลีนอยู่
เทพแห่งการทำลายขนลุกซู่ไปทั้งตัวข้าคิดเอาไว้อยู่แล้วลอร์ดเฟิร์ด, แต่ดูเหมือนว่าพลังของเจ้าจะยังด้อยกว่าข้านิดหน่อยนะ!
เหมือนกับลูกศร,เธอพุ่งข้ามพื้นผิวของทะเลสาบตรงไปยังจุดที่เซลีนน่าจะอยู่
เทพแห่งการทำลายโผล่ออกมาจากปลายอีกฝั่งนึงของหมอกในเวลาไม่กี่วินาทีที่นั่น, เธอได้เจอกับเกาะเล็กๆเกาะนึง
ไม่มีร่องรอยของหมอกอยู่บนเกาะที่มีพื้นที่ไม่ถึง300 ตารางฟุตนั้นเลย ต้นไม้เติบโตอยู่รอบๆเกาะอย่างเขียวชะอุ่ม มีกระท่อมไม้ตั้งอยู่ที่พื้นที่โล่งเล็กๆตรงกลางเกาะ มีผู้หญิงผมสีน้ำเงินกำลังลดน้ำต้นไม้อยู่หน้ากระท่อมหลังนั้น
ในที่สุดข้าก็เจอตัวเจ้าซักทีนะ! เทพแห่งการทำลายอุทาน เธอพุ่งไปหาเป้าหมายในทันที, เตรียมพร้อมที่จะย้อมเกาะด้วยเลือดของเธอ
อย่างไรก็ตาม,เธอหยุดฝีเท้าลงอย่างกระทันหัน มีคนอื่นปรากฎตัวขึ้นที่อีกฝั่งนึงของเกาะ
คนๆนั้นสวมชุดคลุมต่อสู้สีเงินดำมีมงกุฏคริสตัลสวมอยู่บนศรีษะของเขา, มันส่องประกายเหมือนกับแสงดาว คนๆนั้นก็คือลอร์ดเฟิร์ดนั่นเอง
ลิงค์ยกดาบลำนำจันทร์เต็มดวงขึ้นฟ้าหลังจากนั้นไม่นานดาบก็หายเข้าไปในรูนที่หมุนอยู่รอบๆดาบแล้วไปปรากฎขึ้นอีกครั้งที่ระยะห่างจากเทพแห่งการทำลายหนึ่งฟุต
ถ้าเทพแห่งการทำลายตอบสนองไม่เร็วพอ,ดาบก็คงจะเจาะทะลุศรีษะของเธอไปแล้ว และต่อให้เธอมีเก้าชีวิต, ทุกชีวิตก็คงจะถูกระเบิดพลังจากดาบเป่าทิ้งไป
เธอจ้องลิงค์อย่างเย็นชา ข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าเซลีน อย่าพยายามหยุดข้าเลย!
แม้ว่าทั้งคู่จะมีพลังพอๆกัน,แต่มันก็ไม่มีวิธีที่ลิงค์จะปกป้องเซลีนจากการโจมตีของเทพแห่งการทำลายได้ มันเป็นหลักความจริงที่ผู้ข้าฆ่านั้นมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวน้อยกว่าผู้ที่พยายามปกป้องชีวิตของคนอื่น
อย่างไรก็ตาม,ลิงค์ยิ้มออกมาอย่างกระทันหันแล้วชี้ไปทางเกาะ นักล่าสีขาว, ดูเหมือนว่าตลอดเวลามานี้เธอจะไล่ตามภาพลวงตาอย่างไม่ลดละเลยนะ