ตอนนั้นเองเบ็นก็รู้ตัวว่าเขาเป็นโรคกลัวการพูดในที่สาธารนะและทำให้เกิดผลออกมาทางกายภาพ
เมื่อสัปดาห์ก่อนเขาได้อ่านมันมาในคลาสจิตวิทยา 101 ว่ามันเป็นความกลัวทั่วไป แท้จริงจริงแล้วกว่า 73% ของคนทั้งหมดล้วนมีความหวาดกลัวต่อสิ่งทั่วไป
และในสถิติของโรคกลัวสิ่งทั่วไป สิ่งที่มีคนกลัวมากที่สุดคือการพูดในที่สาธารณะ กระทั่งมีผลถึงตายได้!
หลายคนต่างกลัวการพูดในที่สาธารณะ…ยิ่งกว่าความตายเสียอีก…
นั่นหมายความว่าคนกว่า 73% มีสองตัวเลือกคือ: พูดต่อหน้าฝูงชน…หรือไม่ก็ตาย…
แน่นอนว่าส่วนมากพวกเขาเลือกที่จะตาย!
อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ในสถิติบอกไว้! เบ็นคือชายผู้ยึดถือและเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์!
เขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของ 73%! และสิ่งที่แย่ที่สุดคือเขาไม่รู้จนกระทั่งตอนนี้ ดูเหมือนว่าการพูดกับสาวที่ไม่รู้จักกับการพูดต่อหน้าคนหมู่มากนั้นต่างกันสิ้นเชิง
ความสิ้นหวังปรากฎตัวขึ้นเมื่อเขามาอยู่หน้าชั้นเรียน เหงื่อไหลย้อยออกมาจากหน้าผาก เขายืนต้านแรงกดดันจากสายตาหลายสิบคู่
เบ็นเงียบไปกว่าสิบวิและนักศึกษาคนอื่นก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน เขารู้ว่าเขาควรจะพูดอะไร…บางอย่าง “ผ-ม-ผม-ช-ช-ช-ช-ช-ชื่อ-บ-บ-บ-บ-เบ็น…”
แซคลีสังเกตุเห็นท่าทีที่กังวลใจของมิยูกิ เขาเลยหันไปหาเบ็นพร้อมหรี่ตาลงด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “เอาละขอบคุณมาก! คนต่อไป!” แซคลีตัดบทเขาทันที
การขัดจังหวะนั้นไม่ได้ทำให้เบ็นเคืองแต่อย่างใดกลับกันมันทำให้เขาโล่งอกมาก เขากังวลมากเกินไปเมื่อหายใจเข้าไปลึกๆ เขานั้นก็เดินกลับไปหาแซคลีเพื่อรับป้ายชื่อสำหรับกลุ่มที่ทำกิจกรรมแล้ว จากนั้นเขาก็กลับไปยังที่นั่นพร้อมป้ายชื่อที่อยู่ตรงหน้าอก
เมื่อทุกคนแนะนำตัวจนหมดแล้วอาจารย์ก็เดินกลับมาที่ด้านหน้าชั้นเรียนอีกครั้ง
เบ็นจับขอบโต๊ะไม้และหลับตาลงไปพักหนึ่ง หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกเขาก็เริ่มสงบสติอารมณ์ลงได้ทว่าเขาเองก็ยังสั่นด้วยความกังวลอยู่เล็กน้อย จากนั้นเขาก็เปิดตาขึ้นมา และพบว่ามีคนแอบกลั้นหัวเราะกันอยู่ มีบางคนถามออกมาว่ามีอะไรน่าสนุกงั้นเหรอและจากนั้นพวกเขาก็ชี้มาทางเบ็น ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที กว่าครึ่งของชั้นเรียนก็แอบหัวเราะเยาะเขา
‘หน้าฉันมีอะไรติดอยู่รึไงกันนะ?’ เบ็นลูบแก้มของเขา
“เบนจามินซัง…” มิยูกิมีท่าทีกังวลเธอชี้ไปที่หน้าอกของเขา
เบ็นมองลงไปที่ป้ายชื่อของเขา “เบ-เบ-เบ-เบนจามิน”
เขามองไปยังแซคลีที่มีท่าทางขบขันขณะกำลังจดโน๊ตอยู่
อาจารย์นั้นกำลังยุ่งอยู่กับการเขียนบนกระดานดังนั้นเขาจึงไม่สังเกตุเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
เบ็นขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหมอนี่ถึงพุ่งเป่าหมายมาที่เขา
มิยูกิเอื้อมมือเข้าหาเบ็น พร้อมหยิบปากกาและขีดฆ่าตัวอักษร B ทิ้ง แซคลีขมวดคคิ้วขึ้นเป็นปม แทนที่เขาจะโกรธมิยูกิกลับกันเขากลับทำหน้าบึ้งใส่เบ็น
เบ็นเข้าใจได้ทันที ‘อย่างงี้เองสินะ…อิจฉาเพราะผู้หญิงนี่เอง’ เขายิ้มออกมา มันน่ารำคาญ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้เสียแล้ว เบ็นมาสนใจท่าทางของแซคลีพร้อมทั้งกลับมาตั้งใจจดเลคเชอร์ต่อ
***
การสัมมนาครั้งแรกนั้นจบลงแล้วและคนส่วนใหญ่ก็ออกจากห้องกันเรียบร้อยแล้ว เบ็นนั้นอยู่ด้านนอกและช่วยมิยูกิเคลื่อนย้ายโต๊ะและเก้าอี้ในห้องและขอบคุณกับความใจดีก่อนหน้าของเธอ
“เบนจามินซัง คุณรู้หรือยังว่าในอาทิตย์สุดท้ายคุณจะพูดปราศัยเกี่ยวกับอะไรดี?” มิยูกิถามออกมา
เขาส่ายหัวออกมา เขายังไม่ได้คิดเกี่ยวกับมันเลย
เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากทางเข้าห้องเรียน แซคลีพูดออกมาด้วยหน้ากวนส้นตีน “พูดปราศัย? หมอนี่เนี่ยจะจะพูดได้? ถ้าหากมันเหมือนกับวันนี้ละ เขาคงใช้เวลาสักสามชั่วโมง ฮ่าฮ่า”
เบ็นและมิยูกิขมวดคิ้วท้ายท่าทีแปลกๆ
“แซคลีซัง คุณรุนแรงเกินไปแล้ว” มิยูกิพูดเถียงออกมา
“ฉันแค่ให้คำแนะนำจากประสบการณ์ของตัวเองก็แค่นั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถพูดหน้าชั้นได้ บางคนยังขาดสิ่งสำคัญอยู่นั่นก็คือ…ความกล้า” เขาจ้องไปทางเบ็นที่ยืนอยู่ใกล้กับมิยูกิ
แซคลีได้ลอบสังเกตุเบ็นมาตั้งแต่ตอนเริ่มเรียนแล้ว เจ้าคนที่ชื่อเบ็นนี่มันใครกันแน่ ทำไมมันถึงกล้าคุยกับมิยูกิต่อหน้าเขา? เธอเป็นของแซคลีคนนี้ เธอเป็นของของเขาจนกว่าเขาจะได้ตัวเธอ
มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดหากเขาเลือกที่จะทำให้เบ็นกลัวตั้งแต่วันนี้ จากนั้นมิยูกิก็จะพูดกับเขาเพียงแค่คนเดียวในคลาส ถึงแม้ว่ามิยูกิเองก็ทำงานกับอาจารย์คนเดียวกันกับเขา แต่ว่าเนื่องจากช่วงเวลาที่ต่างกันทำให้เขาไม่ได้มีโอกาสดีๆแบบนี้บ่อยนัก เขาประปล่อยโอกาสให้เจ้าเด็กนี่ได้ไงกัน?
มันดูใจแคบใช่ไหมละ? แต่นี่แหละคืออำนาจของผู้ช่วยอาจารย์ที่อยู่เหนือนักเรียนทั้งหมด แย่หน่อยนะ!
เบ็นมองดูแซคลีที่พยายามจะขู่เขาและอวดเบ่ง เจตนาของเขาชัดอยู่บนใบหน้าอยู่แล้ว ‘หมอนี่คิดจริงๆเหรอว่าแค่แกล้งฉันแค่นี้จะทำให้ฉันออกจากสัมมนานี่ได้? ฉันเคยผ่านเรื่องเลวร้ายกว่านี้มาแล้ว ในสมัยมัธยม มีเจ้าบ้าคนหนึ่งตัดต่อหน้าฉันเข้ากับวีดีโอหนังโป๊สัตว์ จากนั้นทุกคนต่างเรียกฉันว่าเบ็นผู้พิชิตแพะกว่าสองปี! นายต้องการสั่นคลอนความตั้งใจของฉันงั้นเหรอ?!? ฉันจะแสดงศักดิ์ศรีของฉันผ่านบททดสอบนี้ให้ดู โดยการถูกบูลลี่ดั่งอยู่ในสงครามเอาชีวิตรอด’
ดวงตาเบ็นลำลึกไปถึงความทรงจำในอดีตที่เต็มไปด้วยเสียงไซเรนและเสียงระเบิด ‘จากนั้นเจ้านั่นก็ปล่อยภาคใหม่ออกมาและคราบนี้ฉันก็กลายเป็น เบ็นเจ้าแพะ! นั่นมันไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย! ไปฝึกฝนมาใหม่ซะเจ้ากาก’
เขาผ่านสงครามสองสัตว์นั่นมาได้!
เบ็นยิ้มขึ้นมา “แซคลี ใช่ไหม? สนใจเดิมพันกันหน่อยไหม?”
แซคลีกอดอก เขาไม่รู้ว่าเบ็นจะมาไม้ไหน
เบ็นพูดต่อว่า “เท่าที่ฉันได้ยินมาดูเหมือนนายที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์ก็ต้องพูดปราศัยในตอนท้ายสัปดาห์เหมือนกับพวกนักศึกษาใช่ไหมละ?”
“แล้วมันทำไม?” แซคลีถามออกมา
“ถ้างั้นมาพนันกันไหมว่าตอนอาทิตย์สุดท้ายใครที่พูดปราศัยได้แย่กว่ากันคนนั้นต้อง…เลิกยุ่งกับคุณมิยูกิ!”
แซคลีอ้าปากค้างทันที ‘เจ้าเด็กนี่!’
มิยูกิยืนกระพริบตาปริบๆ มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ไงกัน? แต่เมื่อเธอเห็นแซคลีแสยะยิ้มขณะที่เบ็นมองมาที่เธอพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเธอก็เข้าใจทันที ‘เบนจามินซังพยายามปกป้องฉันเองสินะ…’
เธอเข้าใจแล้วว่าเบ็นนั้นเห็นแซคลีตามตอแยเธอและเบ็นก็พยายามช่วย…ถึงอย่างนั้นก็เถอะการพูดในหน้าชั้นแบบนั้นก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่…ดูขี้อายมากๆ มิยูกิมองไปยังเบ็นและเธอก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา
แซคลีพูดขัดขึ้นมา “นายไม่มีโอกาสจะชนะด้วยซ้ำ สิ่งที่นายพูดมันน่าขันสิ้นดี ฉันกับเธอทำงานร่วมกันดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้นายยังพยายามตอแยเธองั้นเหรอ? นี่ฉันจำเป็นต้องจัดการไอ้เด็กใหม่ที่แสนต่ำต้อยเพื่อจะให้ได้คุยกับเธองั้นเหรอ?!? นายไม่สามารถพูดได้แม้แต่ประโยคเดียวด้วยซ้ำ! น่าขำชะมัด! นายทำให้ฉันโกรธซะแล้ว! เลือกมาซะออกจากสัมมนานี่ไปหรือจะให้ฉันทำให้ชีวิตแกในคลาสนั้นราวกับอยู่ในนรก!”
ตอนนี้มิยูกิเข้าใจแล้วว่าทำไมแซคลีถึงกลั่นแกล้งเบ็นก่อนหน้านี้ และเธอยังเข้าใจอีกด้วยว่าเธอเป็นคนเดียวที่สามารถทำบางอย่างภายใต้สถานกาณ์นี้ได้ โดยต้องสร้างหลักประกันขึ้นมาโดยทำให้แซคลีไม่สามารถทำให้เบ็นลำบากได้ เธอรู้จักแซ็กลีดี เขานั้นเป็นคนที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมากมาย
เมื่อตอนที่พวกเขานั่งลงกันในคลาส เบ็นได้บอกเธอว่าสัมมนาในครั้งนี้สำคัญกับเขายังไง นอกจากนี้มันยังเป็นความผิดของเธอที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้ เธอจุดไฟในตัวขึ้นมา เธอไม่สามาถปล่อยให้เขาถูกรังแกหรือต้องดรอปสัมมนานี้เพราะเธอได้…”ไม่…ฉันจะ…ฉันจะไปเดท!” ใบหน้าของมิยูกิแดงเถือกขึ้นเมื่อเธอพูด
เบ็นและแซคลีเงียบลงทันที และมองไปที่เธอ พวกเขาไม่มั่นใจว่าเธอพูดอะไรออกมากันแน่ “อะไรนะ?” แซคลีถามออกมา
“ฉันจะไปเดทกับคนที่ชนะการแข่งครั้งนี้ แต่ฉันมีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง แซคลีซังห้ามรบกวนเบนจามินซังในการสัมมนาครั้งนี้เป็นอันขาด” มิยูกิพยายามที่จะเป็นคนใจดีและเธอจะตอบแทนเมื่อมีคนมอบน้ำใจให้แก่เธอ
ในเมืองนิวยอร์คที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ เธอรู้ว่ามันยากขนาดไหนที่จะเจอคนที่เป็นแบบเบ็นซึ่งยอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือเธอ ถึงแม้ว่าเบ็นจะแพ้อย่างแน่นอนและถึงแม้ว่าเธอต้องไปเดทกับแซคลี มันก็แค่เป็นเดทครั้งเดียวเท่านั้น อย่างน้อยเธอก็ต้องการให้เขาสามารถเข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ได้อย่างเป็นสุข
“คุณมิยูกิคุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้…” เบ็นพูดขึ้น
‘เอาเลย…เอาเลย’ สิ่งที่เบ็นคิดอยู่ในใจ
“ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้สบายมาก” มิยูกิยิ้มให้กับเบ็นอย่างสุภาพ
แซคลียิ้มจนเห็นฟันขึ้นมา “ก็ได้เราจะพนันกัน! เยี่ยมไปเลย! มิยูกิเธอสามารถขอให้อาจารย์เป็นผู้ตัดสินได้ เธอน่าจะมั่นใจว่าเขาจะให้คำตัดสินที่เป็นกลางใช่ไหม?”
มิยูกิพยักหน้า
แซคลีนั้นมั่นใจในชัยชนะของตัวเองมาก แม้เขาจะไม่ใช่ผู้พูดที่ยอดเยี่ยมนัก แต่เขาก็เป็นผู้ช่วยอาจารย์มาเป็นปีแล้ว เขาได้รับประสบการณ์มากมายในการพูดต่อหน้าคนอื่น
ในขณะที่เบ็นไม่สามารถสะกดชื่อตัวเองออกมาด้วยซ้ำ! เดทของเขาเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริง! ‘กลายเป็นข้อเสนอที่ดีเสียจริง!’
ในตอนนี้เองเบ็นไม่ถือเป็นอุปสรรคอีกต่อไปแล้ว แซคลีเปลี่ยนท่าทีของตัวเองเป็นท่าทีทางการทัน เขาทำตัวต่อหน้าอาจารย์ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เบ็นจามิน อีกอาทิตย์เรามาตัดสินกันว่าเราสองคนใครจะพูดปราศัยได้ดีกว่ากัน โชคดี!”
เบ็นกลับมาสวมรอยยิ้มเย็นชา ‘สิ่งเดียวที่นายจะได้เห็นคือความห่างชั้นเมื่อฉันจัดการนายต่อหน้าเจ้านายของนายและนักศึกษาทั้งหมด’