สาวผมบลอนด์จ้องไปที่เบ็นพร้อมกับพูดไม่ออกไปหลายนาที จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา “นายจริงจัง?”
“แน่แท้เลยล่ะ…มันเป็นสัตว์ในจิตวิญญาณของฉันเอง จิตใจของฉันมันร่ำร้องบอกว่าหากฉันสามารถสื่อสารกับมันได้ โชคชะตาของฉันก็จะสามารถครอบคลุมได้ทั้งโลก มันแนะนำให้ฉันค้นหาจิตกรในตำนาน” เบลูก้าได้ให้เคล็ดลับนี้มา เขาบอกว่าพวกผู้หญิงนั้นชื่อชอบความแฟนตาซีอย่างเช่นโชคชะตา, การทำนายดวง, สัตว์วิญญาณและแวมไพร์ ด้วยเหตุนี้เบ็นเลยลองรวมพวกมันเข้าด้วยกันดู
ทักษะการพูดของเบ็นนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ทำให้หญิงสาวเชื่อว่าเบ็นนั้นจริงจัง “โอ้…แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันเป็นจิตกรในตำนาน?”
เขาจับความสนใจของเธอได้แล้ว
[ระดับค่าแรงดึงดูดใจของเป้าหมายในปัจจุบัน: สงสัย]
เบ็นพูดต่อไปว่า “สัตว์วิญญาณของคุณ…เป็นตัวบ่งบอก”
ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความสนใจ “สัตว์แบบไหนงั้นเหรอ?”
เขาทำหน้าเลื่อมใสราวกับพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่สูงศักดิ์ “กบดิสโก้”
หญิงสาวไม่รู้ว่าจะด่าหรือหัวเราะออกมาดี เธอเอียงคอและถามว่า “จริงๆงั้นเหรอ? กบ?”
เบ็นพยักหน้า “อย่าดูแคลนอำนาจของกบดิสโก้ไป มันมีพลังในการสร้างอันมหาศาล…และมีการเต้นที่แสนน่ารัก”
*พุ๊ฟ* ตอนนี้เองเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ‘บอกไม่ถูกเลยว่าเขาแค่ล้อเล่นหรือเขาบ้ากันแน่…แต่เขาก็เข้ามาหาฉันอย่างให้เกรียติ และไม่เคยมีใครเรียกฉันว่าจิตกรในตำนานมาก่อน…’
มันยากที่จะบอกปฎิเสธคนที่มาชื่นชม เบ็นได้เรียนรู้มันมาในระหว่างที่เขาศึกษามีอิทธิพลกับผู้คนในการพูด มันมีข้อแม้สำหรับพวกสาวๆคือนายไม่สามารถกล่าวชมพวกเธอเรื่องความสวยได้! มันต้องเป็นสิ่งอื่น
มันมีเหตุผลอยู่ อย่างแรกคือมีผู้ชายมากมายต่างชื่นชมความงามของพวกเธอ มันซ้ำซาก อย่างที่สองคือผู้หญิงต่างต้องการเชื่อว่าพวกเธอมีดีกว่าหน้าตา หากนายชมอย่างอื่นที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงนัก มันจะทำให้เธอรู้สึกว่านายชื่นชมในตัวเธอ
อย่างที่สามและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เบ็นนั้นหน้าเหี้ยเกินไป!
เขามักจะจีบสาวน่ารัก และผู้หญิงเกือบทั้งหมดที่เขาคุยด้วยนั้นดูดีกว่าเขามาก ถ้าหากเขาพูดถึงเรื่องหน้าตา สิ่งแรกที่พวกเธอจะคิดเกี่ยวกับตัวเขาก็คือเรื่องหน้าตา หรือรูปร่างที่ไม่ดีนัก!
นั่นเป็นเรื่องโง่เขลา กฎง่ายๆของชีวิตคือวิเคราะห์จุดแข็งและหลีกเลี่ยงจุดอ่อน การกระทำอย่างชื่นชมรูปร่างหน้าตาจะได้ผลก็ต่อเมื่อองค์ประกอบโดยรวมของเขานั้นมีมากกว่าผู้หญิง ดังนั้นมันจะดีกว่าหากเขาเลือกที่จะเน้นไปที่สิ่งอื่น จิตกรในตำนาน? ทำไมจะไม่ดีล่ะ?
เมื่อเห็นเบ็นอยู่ในท่าทีที่สุภาพ เธอก็ตามน้ำไปในที่สุด “เอาล่ะ ฉันจะวาดสัตว์วิญญาณของนายก็ได้ แต่ฉันไม่เคยเห็นมังกรตัวเป็นๆมาก่อน ฉันไม่มั่นใจว่าจะวาดมันออกมาได้ไหม…”
“แน่นอนว่าเธอไม่เคยเห็นมาก่อนอยู่แล้ว ใครก็รู้ว่าตอนนี้มังกรใกล้สูญพันธ์แล้ว”
เธอกระพริบตาอยู่หลายครั้ง ‘ใกล้สูญพันธ์?’
“พวกเรามาทำแบบนี้กันดีกว่า เอารูปของเธอมาให้ฉันดูหน่อยแล้วฉันจะบอกสไตล์ที่เหมาะสมให้” เบ็นนั่งลงข้างๆเธอพร้อมมองไปยังสมุดสเก็ตและหวังว่าเธอจะโชว์รูปวาดให้เขาดู
หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเบ็นเข้าใกล้เธอ ทว่าด้วยนิสัยกล้าได้กล้าเสียของเขาทำให้เธอทำตามที่เขาพูด พร้อมแสดงรูปวาดของเธอให้เขาดู
นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่เบ็นได้เรียนมาในระหว่างการฝึกพูด มันเกี่ยวข้องกับการสร้างอิทธิพลกับคนอื่นของพวกเซล การเคลื่อนไหวนี้เรียกว่า “เทคนิคการขายแบบสมมุติ” และนี่คือการทำงานของมัน หากคุณได้กำหนดกรอบไว้ว่าเป็นคำสั่งไม่ใช่การถาม พร้อมกับมีภาษากายที่ดูมั่นใจและทำเหมือนว่าคุณคาดหวังว่าจะให้อีกฝ่ายทำมัน จากนั้นเกือบทั้งหมดจะเลือกไหลตามน้ำไป มันจะเกิดขึ้นต่อให้พวกเขามีอาการขัดขืนอยู่เล็กน้อยก็ตาม นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนนี้
ทั้งสองเริ่มมองไปยังสมุดภาพ, พูดคุย และหัวเราะออกมา และเมื่อถึงจุดหนึ่งเบ็นก็จะหยุดเธอพร้อมกับภาพวาดของเธอรวมถึงหยอกล้อเธอเป็นบางครั้ง “เดี๋ยวก่อนเธอไม่รูปสเก็ตแปลกอย่างคนแปลกหน้าเปลือยกายงั้นเหรอ? นั่นต้องเป็นเหตุผลแน่ๆว่าทำไมเธอถึงแตกต่าง เธอจะเปลือยพวกเขาด้วยสายตาของเธอเองสินะ…” เบ็นพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ไม่ใช่สักหน่อย! ฉันแค่วาดภาพธรรมดาๆเท่านั้นเอง!” หญิงสาวหัวเราะออกมาพร้อมตบไปที่แขนของเขาอย่างหยอกเย้า เธอทำท่าทีเป็นโกรธ ทว่ากลับเต็มไปด้วยความหลงไหล ลดระยะห่างระหว่างพวกเขาลงด้วยการโต้ตอบกันอย่างน่ารัก
[ระดับค่าแรงดึงดูดใจของเป้าหมายในปัจจุบัน: สนใจ]
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง สัญชาติของเบ็นได้สั่งให้เขาเคลื่อนไหว เขาเลยพูดไปว่าฮวงจุ้ยของที่นี่ไม่ดีนัก พวกเราควรย้ายไปที่คาดเฟ่…เขาพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเหมือนผู้เชี่ยวชาญ
หญิงสาวนั้นเคลิ้มไปกับสเน่ห์ของเบ็นแล้ว การเดทแบบเร่งด่วนรอบนี้ได้ผล
จุดที่พวกเขานั่งอยู่ไม่ได้แย่ ทว่าเบ็นก็ต้องการให้พวกเขาย้ายไปที่อื่นมันช่วยให้เขาคุมสถานการณ์ได้ มันจะช่วยให้เขาหาเรื่องคุยและสร้างความสบายใจได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาควรสนใจมากที่สุดในตอนนี้ ค่าของความสบายใจนั้นอยู่ห่างจากค่าแรงดึงดูดใจมาก มันไม่ได้เปลี่ยนเลยแม้ว่าจะคุยกันมานานก็ตาม
[ระดับค่าความสบายใจของเป้าหมายในปัจจุบัน: คนแปลกหน้า]
ระหว่างที่วกเขาเบ็นเดินไปยังสตาร์บัค เบ็นก็เปลี่ยนเรื่องจากภาพสเก็ตมังกรไปเป็นอย่างอื่น พวกเขาคุยกันว่าทำไมเธอถึงมาวาดภาพอยู่ที่สวนสาธารณะนี่กันและเขาก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอเพิ่มขึ้นมา ชื่อของเธอคืออันนาเบลเป็นนักศึกษาภาคศิลปะ
ส่วนเรื่องพวกสัตว์วิญญาณ, จิตกรในตำนาน และกบดิสโก้นั้นมันเป็นเพียงประวัติศาสตร์โบราณเท่านั้น เธอพูดเกี่ยวกับมันขึ้นมาครั้งหนึ่งและเบ็นตอบกลับไปว่า “เธอยังสนใจมันอยู่อีกเหรอ? มันเป็นอดีตไปแล้ว มาให้ความสำคัญกับอนาคตกันเถอะ”
สัตว์วิญญาณ? แม่งคืออะไรกันแน่? เบ็นแค่ใช้มันเข้าหาสาวก็เท่านั้น!
ก่อนหน้านี้ เบลูก้าและอันโตนิโอ้มีรอยยิ้มยินดีเมื่อเขาเห็นว่าเบ็นได้นั่นลงพูดคุยกับอันนาเบล ในที่สุดลูกนกก็บินด้วยปีกของตัวเองได้แล้ว! เหล่าผู้ฝึกสอนแสนอดทนต่างมองดูเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ทว่าความอดทนของพวกเขาก็ทนอยู่ได้เพียง 2 นาทีเท่านั้นก่อนที่มันจะถูกกลืนกินด้วยความชั่วร้ายจากปฐมกาล!
พวกเขาเองก็ต้องการให้จะงอยปากของพวกเขาเปียกชื้นเช่นกัน! พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เข้าหาสาวด้วยตัวเอง
เมื่อเบ็นเดินมาถึงสตาร์บัค เขามองเบลูก้าที่มาพร้อมกับสาวที่อยู่ไม่ไกลจากเขานัก พวกเขาให้สตาร์บัคราวกับเป็นฐานของพวกเขา!
ขณะที่กำลังคุยอยู่กับอันนาเบล เบ็นก็สั่งกาแฟ ทว่าเขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยออเดอร์ที่เขาต้องการอีกต่อไป เขามาที่นี่หลายครั้งแล้วในเวลาอันสั้นพนักงานรู้ใจเขาดีเรียบร้อยแล้ว สิ่งเดียวที่วกเขาไม่รู้ก็คือความคิดในหัวของเหล่าพนักงาน พวกเขาคิดว่าทำไมพวกตัวละครจากแมคโดนัลถึงพาสาวมาที่นี่ในทุกๆ 10 นาที?
พนังงานบางคนถึงกับถ่ายรูปพร้อมแชร์ลงโซเชียลมีเดีย และมีมก็เกิดขึ้น
“เจ้าแมงดาเกรมัส”
“ลูกเรือแมคโดนัลก็ต้องการความรักเหมือนกัน”
“แฮมเบอเกอร์ 2.0 จากหัวขโมยเป็นนักล่าสวาทไปแล้ว”
วันนั้นเองหุ้นของแมคโดนัลก็ตกลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ