ตอนที่ 356 : หน่วยรบพิเศษ (1)
“กําลังเสริมงั้นเหรอ?”
ไรเด็นเอ่ยถามขณะขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่หลายวันก่อนเธอบอกเหรอว่าแค่พวกนาคุจักก็พอแล้วนะ?”
“นะ-นั่นมัน…”
จีเวลอีกอักไปเพราะคําพูดของอีกฝ่ายปลายสาย ตอนนี้สถานการณ์คล้ายไปไกลกว่าที่ได้ยินมา เพราะอาร์ค กลุ่มทัณฑ์บน และสมาคมแห่งความมืด การรุกรานโลกใต้พิภพของเผ่านาคูจักจึงไม่อาจเป็นได้ดังที่หวัง อย่างไรแล้วจีเวลกลับปฏิเสธการสนับสนุนจากไรเด็นหลังได้รับชัยชนะติดกันหลายครั้งในช่วงเริ่มสงคราม นั่นเป็นเพราะจีเวลกลัวว่าจะได้ส่วนแบ่งจากโลกใต้พิภพน้อยลง หากยอมรับความช่วยเหลือจากไรเด็น
แต่แล้วสถานการณ์กลับต้องพลิกผันจนเกิดความยากลําบากเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล นอกจากนี้ พวกเขายังไม่เหลือลูกแก้วจดหมายเคลื่อนย้ายเพื่อจัดสร้างหอคอยเรียกกําลังพล เผ่านาคูจักมาเพิ่มโดยเร็วจบเท่านี้หรือ? ทุกครั้งที่จีเวล ดุ๊ค และสมาชิกเฮอร์มีสเข้าร่วมการต่อสู้สถานการณ์จะกลายเป็นวุ่นวายเพราะพวกเขาต้องรับมือกับอาร์คและแชมบาร่า
“ตอนนี้อยากได้กําลังเสริมเพราะเจอตอเข้าสินะ”
“พวกเราสํานึกแล้ว”
จีเวลตอบกลับเสียงอ่อย จนทําให้ไรเด็นถอนหายใจออกมา
“ก็ได้ แต่ตอนนี้กําลังหลักของเราในซิลวาน่าไม่อาจออกไปไหน ฉันจะไปจ้างทหารรับจ้างจํานวนหนึ่งแล้วส่งไปช่วยพวกเธอ แต่คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะผ่านป่าสีแดงไปได้ พอจะถ่วงเวลาถึงตอนนั้นไหวหรือเปล่า?”
“การรุกคืบต่อไปยากก็จริง แต่พวกมันก็มีกําลังไม่พอกวาดล้างพวกเราทั้งหมดแน่”
“งั้นก็อดทนไว้แล้วกันนะ”
ไรเด็นพอวางสายก็เชื่อมต่อเข้าสู่นิวเวิลด์ จากนั้นจึงเริ่มใช้เหรียญทองเข้าว่าจ้างทหารรับจ้าง เขาคิดว่าจ้างสักหนึ่งพันคนน่าจะเพียงพอเปลี่ยนสถานการณ์ในโลกใต้พิภพได้
“พวกนั้นเอาจริงแล้ว!”
ขณะนี้เอง ก็มีสายตาคู่หนึ่งกําลังรับชมกองทหารรับจ้างที่เตรียมมุ่งหน้าไปยังโลกใต้พิภพ สายตานี้มาจากผู้จัดการธุรกิจฝ่ายนอกของสํานักงานการค้าซิลวาน่าซิดนั้นเอง ไรเด็นได้ทําการลอบจ้างวานและรวบรวมทหารรับจ้างมาก็ใช่ แต่การทําธุรกรรมครั้งใหญ่ในซิลวาน่าไม่มีทางรอดพ้นหูตาของซิด อาร์คได้คาดเดาไว้แล้วว่าจีเวลย่อมต้องรู้เรื่องขอความช่วยเหลือ จึงฝากฝังให้ชิดคอยจับตาดูไรเด็นเอาไว้ จากนั้นจึงค่อยส่งต่อข้อมูลให้กับอาร์ค
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“พวกเราจัดการพวกมันได้แล้ว ตอนนี้ช่องแคบหุบเขาคุราตะก็กลับคืนมา”
“ผู้บัญชาการจัสติสแมนจงเจริญ!”
นี่ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่เริ่มการศึกกับเผ่านาคูจัก…
ในระหว่างนั้น พวกเขาสู้รบกันห้าครั้งภายในช่องแคบหุบเขา และก็เป็นเผ่าบารันจัดการเผ่านาคูจักจนถอยทัพไปได้ นั่นจึงเป็นผลให้ความนิยมในตัวอาร์ค แชมบาร่า และจัสติสแมน รวมทั้งกลุ่มทัณฑ์บนต่างพุ่งขึ้นสูงลิบ
“เหมือนที่คิดไว้ นับว่าถูกต้องที่ฝากฝังเรื่องราวไว้กับพวกเจ้า”
เหล่าผู้อาวุโสต่างกลายเป็นผู้เห็นดีเห็นงามกับอาร์คกันจนสิ้น ความแข็งขึ้นของเขาเป็นผลให้เหล่าผู้อาวุโสเปลี่ยนท่าที่อีกทั้งตอนนี้สถานการณ์ยังกลายเป็นดี ใครกันจะต่อว่าออกมา
“ ชัยชนะครั้งนี้ใหญ่หลวง แนวป้องกันของพวกเราก็สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
จัสติสแมนพูดทั้งสีหน้าพึงพอใจขณะมองแผนที่ เพราะชัยชนะเมื่อครู่นี้ พวกเขาจึงสามารถก่อสร้างหอคอยปราการสิบแห่งในแต่ละด้านของช่องแคบหุบเขาคุราตะได้ เผ่านาคูจักตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรุกคืบผ่านช่องแคบหุบเขาคุราตะหากต้องการมาถึงป้อมปราการฮามาน
แน่นอนว่าหอคอยปราการไม่ใช่เครื่องป้องกันสมบูรณ์แบบ ถ้าหากไม่มีทหารรักษาการณ์มันก็ไม่ต่างอะไรจากสิ่งก่อสร้างธรรมดา แต่เมื่อใดที่การต่อสู้รุกคืบเข้าสู่ช่องแคบหุบเขา เมื่อนั้นมันจะเผยพลังอํานาจที่มีพร้อมยกระดับโอกาสในชัยชนะ นอกจากนี้ ระยะการเฝ้าสังเกตการณ์ยังเพิ่มขึ้นมากเพราะหอคอยปราการตอนนี้ หากเผ่านาคูจักยกทัพมา พวกเขาย่อมสามารถมองเห็นแต่ไกล
“เมื่อป้อมปราการฮามานขยายพื้นที่ออกไปได้ พวกมันย่อมไม่อาจหาญโจมตีเข้ามาอีก นอกจากนี้เสบียงของพวกมันทางตะวันออกเฉียงใต้ก็ใกล้หมดสิ้นแล้ว อีกทั้งหอ คอยปราการยังช่วยสกัดการเคลื่อนไหวของดราเห็นได้ พวกมันตอนนี้คงไม่คิดถ่วงรั้งอยู่แถวนี้ขณะถอยทัพกลับหมู่บ้านหุบเขา”
“ตอนนี้พวกเรามีพลังอํานาจเหนือกว่า และพื้นที่ก็ค่อนข้างมั่นคงกว่า”
แชมบาร่าพยักหน้ารับ ปาร์ตี้ของอาร์คตอนนี้สามารถควบคุมสถานการณ์สงครามของโลกใต้พิภพเอาไว้ได้ มีโอกาสน้อยนิดที่สงครามจะเกิดอย่างกระจายตัวภายในเกม นี่เป็นศึกความเป็นตายของเอ็นพีซีก็จริง แต่สําหรับผู้เล่นก็แค่เกมเท่านั้น เมื่อได้รับประสบการณ์ร้อนแรงจากการศึกพวกเขาย่อมต้องพึงพอใจ ขณะเดียวกันจัสติสแมนและแชมบาร่าต่างมีแรงใจเพิ่มขึ้นด้วย นับว่าสถานการณ์พลิกกลับหากเทียบกับการบุกโจมตีที่เคยเข้าร่วมครั้งก่อนหน้า การบุกโจมตีนับเป็นสงครามก็ใช่ แต่การสงครามในครั้งนี้มีเหตุผลยิ่งกว่านั้น จัสติสแมนคิดช่วยเหลือประชากรเหล่านี้เพราะเห็นเป็นเรื่องดี ขณะที่แชมบาร่าต่างมองเป็นการสร้างรากฐานให้แฟนสาวของตน ทั้งหมดนี้ เพื่อเติมเต็มคําสัญญาที่ให้ไว้กับอิสซาเบล!
พวกเขาเผชิญหน้ากับสงครามด้วยความตั้งใจที่ต่างกัน นอกจากนี้ศัตรูยังเป็นมอนสเตอร์อย่างเอ็นพีซี ไม่เหมือนกับการบุกโจมตีที่เป็นการเข้าร่วมของผู้เล่นทั้งสองฝั่งอย่างเต็มอัตรา สงครามครั้งนี้เพื่อชื่อเสียง ค่าประสบการณ์ และไอเทม อีกทั้งสงครามครั้งนี้ยังมีส่วนช่วยเสริมประสบการณ์ให้กับผู้เล่นที่รับตําแหน่งสําคัญ ทางด้านลาริ เอ็ตเต้และจัสติสแมนเป็นรองผู้บัญชาการ สมาชิกกลุ่มทัณฑ์บนต่างเป็นหัวหน้าหน่วยที่รับผิดชอบ กระทั่งบุคซิลยังมีหน้าที่รับผิดชอบการหาเสบียง นั่นจึงทําให้แต่ละคนได้รับค่าประสบการณ์กันไปมาก ที่ชัดเจนที่สุดคืออาร์คซึ่งเป็นผู้บัญชาการ ในฐานะผู้บัญชาการของเผ่าบารัน เขาได้รับค่าประสบการณ์ทุกครั้งที่เผ่านาคูจักตายตก เพ าะเหตุนี้ เพียงสัปดาห์เดียวอาร์คจึงเลเวลเพิ่มขึ้น 16 ระดับจนเข้าถึงเลเวล 300 ได้ในที่สุด
=====
ชื่อตัวละคร : อาร์ค
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
แนวโน้ม : ความดี +400
ชื่อเสียง : 10,725 (+500)
เลเวล : 300
อาชีพ : ผู้เดินทางแห่งความมืด
ฉายา : อัศวินแห่งแมว, ผู้เยียวยาแห่งผู้ถูกทอดทิ้ง, วีรบุรุษแห่งแจ็คสัน, สุดยอดนักผจญภัย
พลังชีวิต : 4,710 (+150)
พลังมานา : 4,700
พลังจิตวิญญาณ : 200
พละกําลัง : 593 (+28)
ความคล่องตัว : 753 (+55)
ความอดทน : 893 (+20)
สติปัญญา : 107 (+10)
ความฉลาด : 912
โชค : 103 (430)
ความยืดหยุ่น : 119
ศาสตร์แห่งการสื่อสาร : 66
ความรัก : 31 (410)
ยืดหด : 358
ค่าสถานะพิเศษ ภูมิความรู้โบราณวัตถุ : 138
ผลจากอุปกรณ์สวมใส่
– ชุดเกราะผู้พิทักษ์แห่งชาวเงือก : ภูมิต้านทานธาตุน้ํา +100%, ขีดจํากัดของน้ําไร้ผล
– อุ้งตีนแมว (ถุงมือ) : ความเร็วโจมตี +10%, ความคล่ องตัว +15, อัตราการโจมตีคริติคอล +10%
– หมวกแรคคูน (หมวก) : ความคล่องตัว +10, สติปัญญา
+10
*ผลลัพธ์จากเซ็ตไอเทม [ราชัน] : พละกําลัง +10, ความ คล่องตัว +10, ความอดทน +10, พลังป้องกัน
– บันทึกแห่งนักรบ (เกราะไหล่) : พละกําลัง +3
– รองเท้าจิตวิญญาณวายุ (รองเท้า) : ความคล่องตัว 130, ความเร็วเคลื่อนที่ +30%, ความเร็วโจมตี +10%, สา มารถใช้ทักษะ ไถลตัว”
– ชุดขนแกลกาชิ (ผ้าคลุม) : ภูมิต้านทานความหนาว +100%, ความคล่องตัว +20, เมื่อพลังชีวิตน้อยกว่า 50% “เวทมนตร์คุ้มกัน” จะทํางานโดยอัตโนมัติ
– สร้อยคอของอเดเลียน (สร้อยคอ) : พลังป้องกัน 440, เสน่หา +10
– ปลุกวิญญาณ (แหวน) : พละกําลัง +5, ฟื้นฟูพลังมานา +5%
– แหวนแห่งราดูกัน (แหวน) : ความคล่องตัว +10, ความเร็วการโจมตี +10%, โอกาสโจมตีคริติคอล 48%, สามารถใช้งาน การคุ้มครองจากความมืด”
– เครื่องรางแห่งพลัง (กําไล) : พลังชีวิต +50, ฟื้นฟูพลังชีวิต 5 หน่วยทุกระยะเวลา 20 วินาที
– เกียรติยศแห่งนักสู้ (กําไล) : พละกําลัง +10, ความคล่องตัว +10, ความอดทน +10, ชื่อเสียง +500, อัตราเติบโตทักษะทางดาบ +5%
*ทุกความสามารถเพิ่มขึ้น 40% ในความมืด
*ท่านได้รับความสามารถหลบซ่อนตัวตนในความมืด ระยะเวลาส่งผล 20 นาที ยกเลิกเมื่อเข้าสภาวะต่อสู้
*ภูมิต้านทานความกลัวความมืด ตาบอด และคาถาเสน่ห์เพิ่มขึ้น 50%
*ท่านสามารถนําเอาความสามารถแท้จริงออกมาได้จากอุปกรณ์ทุกชนิด
“ดูดซับแรงกระแทกเพิ่มขึ้น 20%
*ภูมิต้านทานพิษเพิ่มขึ้น 50%
*เพิ่มพลังโจมตีและพลังป้องกัน 10%
ค่าชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นมากเพราะฐานะผู้บัญชาการ ค่าเฉลี่ยเลเวลของกลุ่มทัณฑ์บนตอนนี้ก็อยู่ราว 220 ขณะที่ลาริเอ็ตเต้ก็เลเวล 200 เป็นที่เรียบร้อย พวกเขาต่างได้รับค่าประสบการณ์น้อยกว่าอาร์ค แต่เพราะเลเวลน้อยกว่าจึงมีความก้าวหน้าที่ค่อนข้างเร็วกว่า
“ถ้าเลเวลเพิ่มขึ้นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ดีแล้ว ยิ่งนานค่าประสบการณ์ยิ่งเพิ่มช้าลง
อาร์คบ่นออกมาอย่างเหนือความคาดคิด ในส่วนของเหรียญทองและไอเทมทําให้อาร์คยินดีเสียยิ่งกว่าเลเวลที่เพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้อัตราส่วนที่เผ่าบารันได้รับอาวุธจากชาวแรคคูนมาใช้งานคือ 80% หนึ่งพันคือจํานวนที่ต้องมี แต่ตอนนี้มีแค่แปดร้อยชุดที่จัดสร้างแล้วเสร็จและส่งถึงมืออาร์ค เพราะเหตุนั้นอาร์คจึงได้รับส่วนต่างจากการค้าแร่มาทั้งสิ้น 1,600 เหรียญทอง แน่นอนว่าเขาได้จากการนาพวกมันไปจัดทําเป็นอาวุธและขายในร้านค้า เพื่อรับเงินอีกต่อหนึ่ง
“การซื้อขายแลกเปลี่ยนนี่สุดยอด!”
อาร์คประทับใจเป็นอย่างยิ่งต่อสิ่งที่ได้รับผ่านการซื้อขาย แลกเปลี่ยน เขาแทบไม่ต้องยกนิ้วเลยด้วยซ้ําก็ได้รับมาแล้ว 1,600 เหรียญทอง ถ้าหากเขาสามารถผูกขาดการซื้อขายที่ใหญ่กว่านี้ได้ ปริมาณผลกําไรที่ได้รับย่อมเกินคาดเดา
“หลังโลกใต้พิภพฟื้นคืน หากเราสามารถผูกขาดทางการค้าเอาไว้ได้ ทั้งยังมีซิลวาน่ากับหมู่บ้านแลนเซล แบบนั้นการล่าเพื่อหาเงินก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!”
เมื่อมองเห็นโอกาส คนเราก็มักจะคิดไปไกลถึงเส้นทางที่สามารถกระทํา อาร์คตอนนี้เป็นเพราะสถานการณ์นําพาสามารถทําธุรกิจเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังได้รับสิ่งของที่ดร็อปจากสมรภูมิรบไม่น้อยอีกด้วย และตอนนี้บุคซิลก็นําเอาสิ่งของเหล่านั้นไปจัดเป็นสินค้าแสดงภายในร้านค้าของอาร์คเรียบร้อย แต่ต่อให้ทั้งหมดที่ได้รับมาถูกนาขาย เขาก็คงได้รับเงินเพียง 300-400 เหรียญทองเป็นอย่างมาก ไอเทมดีที่สุดนั้นได้รับมาจากกิลด์เฮอร์มีส ต่อให้มันไม่ใช้ไอเทมดีที่สุดซึ่งพวกเขามีไว้ในครอบครอง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นไอเทมวิเศษเลเวลสูง หากนาขายในสถานที่จัดประมูลคงได้สัก 30-50 เหรียญทอง ดังนั้นแล้วไอเทมจากกิลด์เฮอร์มีสที่เขาเก็บเอาไว้อีกยี่สิบชิ้นก็น่าจะเป็นเงินได้ราว 600-1000 เหรียญทองโดยประมาณ
“หึหึหึ ยอมเป็นฆาตกรทั้งที่เลเวลขนาดนี้ พวกนั้นช่างโง่ จริง”
หลังคิดอ่านคํานวณ ภายในหนึ่งสัปดาห์เขาสมควรมีผลประกอบการราว 3,000 เหรียญทอง! นั่นหมายความว่าเขาได้รับมาแล้วทั้งสิ้นสามสิบล้านวอน
“เราเพิ่งเซ็นสัญญาเช่าไป เพียงข้ามคืนก็ได้รับมาแล้ว 3,000 เหรียญทอง กว่าจะครบกําหนดสองเดือนก็ยังมีเวลาอีกมาก ถ้าหากยังได้อัตราเท่านี้ต่อไป ค่าเช่าก็ไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว!?
อาร์ครู้สึกคล้ายจะโบยบินเสียให้ได้ แต่ไม่ว่าเขาจะชอบความเป็นอยู่ในตอนนี้สักเท่าไหร่ เขาก็ไม่อาจลากถ่วงการสงครามไปได้ตลอด
“การเคลื่อนไหวของพันธมิตรเฮอร์มีสก็เริ่มจริงจังขึ้นแล้ว
อาร์คได้รับข้อมูลจากซิดว่ากิลด์เฮอร์มีสได้เข้าว่าจ้างทหารรับจ้างเป็นที่เรียบร้อย ทางด้านซิลวาน่าก็ไม่มีที่ท่าว่าการบุกโจมตีครั้งใหม่จะเข้ามาแต่อย่างใดด้วย
“ชัดเจนว่าพวกมันคิดอยากยึดครองโลกใต้พิภพ ถึงกับยอมว่าจ้างและส่งกําลังเสริมมาที่นี่
อัตราต่อรองของสงครามในโลกใต้พิภพครั้งนี้คือหกต่อสี่ โดยมีเผ่าบารันค่อนข้างได้เปรียบกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าสถานการณ์จะไม่มีทางพลิกกลับ ถ้าหากบ้านเกิดของเผ่านาคูจักทําการเสาะหาลูกแก้วจดหมาย เคลื่อนย้ายมาเพิ่มได้ทันเวลาแบบนั้นแล้วกําลังเสริมก็สามารถมาเพิ่มขึ้นได้อีก ถ้าหากรวมเข้ากับกองทหารรับจ้างที่กิลด์เฮอร์มีสจ้างวาน แบบนั้นสถานการณ์อาจเกินควบคุมช่องแคบหุบเขาแห่งนี้มีหอคอยปราการเพียงแค่สิบแห่ง หากเป็นเหมือนเกมวางแผนกลยุทธ์ มันสามารถใช้จํานวนเข้าว่า เพื่อทํายุทธการณ์ได้และฝั่งที่มีคนมากกว่าย่อมได้รับชัยชนะ และในโลกแห่งนี้ก็ไม่มีระเบิดให้ใช้งานอย่างในโลกจริง กับการต่อสู้ในยุคกลางที่ใช้กันเพียงแค่ดาบกับโล่จึงว่าด้วยการมีกําลังพลเป็นใหญ่ย่อบเหนือกว่าทุกสิ่ง