ติงยียีเห็นเย่ชูฉิงมีสีหน้าเศร้าซึม ก็รีบชี้ไปที่ปากซอยข้างหน้า “โจ๋ซวน ขอบคุณมากนะ แต่ว่าฉันมีห้องที่ฉันค่อนข้างชอบอยู่แล้ว ให้ฉันลงตรงปากซอยข้างหน้าก็ได้”
รถจอด ติงยียีลงจากรถเหมือนกระโดดลงมา โบกมือให้ทั้งสองคน หลังจากไห่โจ๋ซวนสตาร์ทรถก็ยังพูดกับเธอว่า “คิดพิจารณาคำแนะนำของผมให้ดีๆ”
รถยนต์ขับเคลื่อนใหม่อีกครั้ง บรรยากาศในรถกลับอึมครึมเล็กน้อย นิ้วมือเย่ชูฉิงยังกำกระเป๋าชาแนลที่เพิ่งซื้อมาเอาไว้ ไห่โจ๋ซวนที่อยู่ข้างๆดูเหมือนไม่รู้สึกถึงอาการจิตตกของเธอ พูดว่า “ยียีดูเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า”
“จริงเหรอ” เย่ชูฉิงตอบเขาอย่างอดไม่ได้ เขาพูดต่อไปอีกว่า “พี่มีเพื่อนที่ทำเรื่องอสังหาพอดี เอาอย่างนี้ดีมั้ยวันนี้พวกเราไม่ต้องไปกินข้าวก่อน พี่กลับไปช่วยถามให้เธอ พี่เป็นห่วงเธอ!”
“แต่ว่า!” เย่ชูฉิงอยากจะโต้แย้ง สวรรค์รู้ดีว่าเธอรอวันนี้มานานขนาดไหน สามวันก่อนก็เริ่มเตรียมตัวแล้ว!
ไห่โจ๋ซวนหันหน้ามา เสมือนเป็นการขอความเห็นจากเธอ เย่ชูฉิงฝืนยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก “อืม ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องของพี่ยียีเป็นเรื่องสำคัญ”
บ้านตระกูลเย่
เย่เนี่ยนโม่เดินออกมาจากห้องหนังสือ มองเห็นเย่ชูฉิงเดินเข้ามาอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม “วันนี้เธอไม่ได้ออกไปทานข้าวกับโจ๋ซวนแล้วเหรอ ทำไมกลับมาเร็วจัง”
“พี่ยียีกำลังหาห้องพัก พี่โจ๋ซวนไปช่วยแล้ว” เย่ชูฉิงนั่งลงบนโซฟาอย่างเศร้าซึม ในใจมีความเสียใจอยู่เล็กน้อย ถามอย่างท้อแท้ว่า “พี่คะ ในใจพี่โจ๋ซวน แม้แต่เรื่องพี่ยียียังสำคัญกว่าการใช้เวลาอยู่กับน้องอีกเหรอคะ”
พักใหญ่ไม่มีใครตอบคำถาม เธอหันไปมองอย่างสงสัย ไม่มีเงาของพี่ชายตรงทางขึ้นบันได้แล้ว!
หลังจากลาออกจากงาน ติงยียีคิดว่าตนเองจะนอนตื่นสาย กลับกลายเป็นว่าตื่นตรงเวลาเจ็ดโมงเช้า เธอพลิกตัวมองดูระเบียงที่มีสนิมเกาะเล็กน้อยนอกหน้าต่าง ด้านบนมีนกเกาะอยู่หนึ่งตัว
แพนด้าได้ยินเสียงก็เลยขยับตัว กระโดดข้ามเตียงมาเล่นกับเธอ ติงยียีลูบตัวมัน หลายวันมานี้มัวแต่หาห้องพักเลยไม่ได้สนใจมันเลย อาหารการกินก็ไม่ดี ทันใดนั้นในใจก็นึกถึงเย่เนี่ยนโม่ เป็นความเจ็บปวดในหัวใจ
ไม่อยากให้ตนเองจมอยู่กับความเศร้าที่ไร้ประโยชน์ เธอจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูบหัวของแพนด้า “วันนี้จะพาแกออกไปเดินเล่นสักรอบนะ!”
โรงแรมแห่งนี้เก่าทรุดโทรมมีคนไม่กี่คน นี่คือสาเหตุว่าทำไมเจ้าของถึงยอมให้ติงยียีเอาหมาเข้าไปอยู่ในห้องได้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะเถ้าแก่” ติงยียีจูงแพนด้ามาที่ล็อบบี้ ถามว่า “เถ้าแก่คะ ฉันอยากจะจ่ายเงินตอนนี้ จากนั้นก็จะเช่าต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ จะลดราคาให้หน่อยได้มั้ยคะ”
เถ้าแก่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์ ใช้นิ้วกลางดันแว่นตา พูดว่า “ไม่ต้องแล้ว มีแขกคนหนึ่งช่วยคุณจ่ายแล้ว เขาบอกว่าจะรอคุณอยู่ที่ร้านกาแฟตรงหัวมุม”
ติงยียีพาแพนด้าวิ่งมุ่งหน้าไปที่ร้านกาแฟ ในใจกลับเต้นรัวไม่หยุด ใช่เย่เนี่ยนโม่มั้ย เจอหน้ากันแล้วจะพูดว่าอะไร ถามเขาว่าทำไมต้องกระจายข่าวแบบนั้นหรือว่าถามเขาว่าสบายดีมั้ยดีนะ
ในใจเธอคาดเดาคำตอบไว้มากมายหลายอย่าง เปิดประตูร้านกาแฟตรงหัวมุม ตอนที่มองเห็นคนที่นั่งข้างหน้าต่างเธอก็ตกใจเล็กน้อย “โจ๋ซวนเหรอ”
ไห่โจ๋ซวนยิ้มโบกมือมาทางเธอ พนักงานของร้านเดินผ่านมาพอดีอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลายครั้ง “โจ๋ซวนคุณเป็นคนช่วยฉันจ่ายค่าห้องเหรอ ฉันจะให้เงินคุณ” ติงยียีเริ่มหยิบกระเป๋าสตางค์
ไห่โจ๋ซวนพูดเนิบๆว่า “ความจริงแล้วจุดประสงค์หลักที่มาหาคุณวันนี้คือจะมาขอความช่วยเหลือจากคุณ เงินพวกนั้นก็คิดเสียว่าเป็นการจ่ายมัดจำไว้ล่วงหน้าแล้วกัน”
“ช่วยเหลือเหรอ” ติงยียีถามอย่างแปลกใจ ไห่โจ๋ซวนพยักหน้า “เพื่อนของผมต้องไปทำงานนอกสถานที่ช่วงระยะหนึ่ง เธอหวังว่าจะมีคนมาช่วยดูแลบ้านให้ ช่วยเธอดูแลต้นไม้ในบ้าน ผมคิดว่าคุณน่าจะเหมาะสมมาก”
“จริงเหรอ!” ติงยียีดีใจสุดขีด เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องดีๆแบบนี้จะเกิดกับตัวเอง ไห่โจ๋ซวนมองเธอด้วยรอยยิ้มสดใส “’ไม่ใช่เพียงแค่อยู่ฟรีนะ ทุกเดินเขายังจ่ายเงินค่าเหนื่อยให้คุณด้วย”
เขาพูดพลางเอาบัตรธนาคารหนึ่งใบส่งให้ติงยียี พูดว่า “นี่คือค่าใช้จ่ายเดือนแรกที่จะให้คุณ”
ติงยียีหยิบบัตรมา มองเขาอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณนะคะ” ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุข แพนด้าที่นอนหมอบอยู่ด้านนอกประตูลุกขึ้นมา กระดิกหางให้กับคนที่เดินเข้ามาใกล้ตัวมันเอง
เย่เนี่ยนโม่มองทั้งสองคนพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างผ่านหน้าต่างฝ้า ติงยียียิ้มอย่างสวยหวาน มุมปากของเขาก็ยกสูงขึ้นตามดูดีอย่างไม่รู้ตัว
แพนด้าที่อยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟังจู่ๆก็วิ่งเข้าไปในดงดอกไม้ เย่เนี่ยนโม่เป็นห่วงว่ามันจะหลง รีบไล่ตามไป
เสียงคำรามดังมาจากพุ่มไม้ เด็กสองสามคนกำลังเตะกล่องกระดาษ มองเห็นหมาที่มีหัวโตวิ่งมาก็ตกใจพากันวิ่งหนีแยกย้ายกันไปหมด
แพนด้าวิ่งวนรอบกล่องกระดาษ บางครั้งก็เอาหัวมุดเข้าไปดมอะไรบางอย่าง เย่เนี่ยนโม่ก้าวมาข้างหน้า ศีรษะเล็กๆโผล่ออกมา
นั่นคือแมวสกอตติชโฟลด์สีขาวตัวหนึ่งที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน ในกล่องวางผ้าปูที่นอนเอาไว้หนึ่งผืน แมวสกอตติชโฟลด์อยากจะปีนออกไป
อุ้งเท้าปีนขึ้นไปที่ขอบกล่องกระดาษ เพราะกล่องกระดาษสูงเกินไปเกาะไว้ไม่ได้ มันตกลงมาหน้าชี้ฟ้า เผยให้เห็นพุงสีขาวราวกับน้ำนม
แพนด้าอ้าปากจะเลียมัน แมวสกอตติชโฟลด์ส่งเสียงร้องเบาๆ เห็นชัดว่ากลัวมาก แต่กลับยื่นสองขาหน้าออกไปจับ
เย่เนี่ยนโม่ยื่นมือออกไป มันส่งเสียงครวญครางแล้วก็กัด ฟันที่แหลมคมของมันแทรกเข้าไปในผิวหนัง นำมาซึ่งความเจ็บแปลบเล็กน้อย
เขาปล่อยให้มันกัดด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนกระทั่งมันปล่อยมือเขาจึงอุ้มมันขึ้นมา หมุนตัวหันไปมองแพนด้า “ชอบมันเหรอ”
แพนด้าแลบลิ้นออกมา อยากจะเลยเจ้าแมวสกอตติชโฟลด์อีก เจ้าแมวสกอตติชโฟลด์หดตัวเข้าไปในแขนเสื้อของเขา ก้นครึ่งของมันหดเข้าไปในแขนเสื้อ
เย่เนี่ยนโม่ลูบคางของเจ้าแมวหูพับ มันเงยหน้าอย่างมีความสุข เสียงดังพึมพำออกมาจากลำคอมัน เขายิ้ม พูดว่า “ขี้โมโหง่ายเหมือนยัยบื้อนั่นเลย ต้องลูบตามขน แกชื่อว่าเนี่ยนยีดีมั้ย”
เนี่ยนยีเลียฝ่ามือของเขา เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้น เอามันยัดเข้าไปในกระเป๋า สาวเท้าเดินจากไป
ด้านนอกร้านกาแฟ ติงยียีกำลังตามแพนด้าด้วยความร้อนใจ เห็นมันวิ่งมามีใบไม้ติดมาบนหน้า ก็ลูบหัวมันอย่างดีใจ “แพนด้า! ฉันหาบ้านชั่วคราวได้แล้วนะ แล้วยังได้เงินเดือนด้วย วันนี้พวกเราไปกินอาหารดีๆสักมื้อนะ!”
คนหนึ่งคนหมาหนึ่งตัววิ่งไปด้วยความดีใจ ไห่โจ๋ซวนจิบกาแฟ โบกมือให้ผู้ชายที่ผลักประตูเข้ามา
พนักงานต่างแย่งกันไปบริการชายหนุ่มที่หล่อเหลาสองคนนี้ ต่างอยากจะพูดคุยกับอีกฝ่าย เย่เนี่ยนโม่สั่งนมหนึ่งแก้ว เอาเนี่ยนยีมาวางบนโต๊ะ เนี่ยนยีค่อยๆเลีย เลียไปพลางหันไปมองเขาพลาง กังวลว่าเขาจะหนีไป
“ผมไม่รู้เลยนะว่าคุณชอบสัตว์กับเขาด้วย” ไห่โจ๋ซวนยื่นนิ้วมืออกไปอยากจะเล่นกับแมว เนี่ยนยียื่นอุ้งเท้าออกมาข่วนที่หลังมือเขา เส้นสีแดงสามเส้นปรากฏให้เห็นในสายตา
ไห่โจ๋ซวนก็ไม่ได้ใส่ใจ ดึงมือกลับมามองมันอย่างเงียบๆ ในดวงตามีความเย็นชา จู่ๆเขาก็ยิ้มพูดว่า “แมวโง่ๆตัวหนึ่ง”
“คุณพูดว่าอะไรนะ” เย่เนี่ยนโม่ได้ยินไม่ชัด ถามอีกรอบ ไห่โจ๋ซวนส่ายหน้า พูดว่า “ขอโทษ ผมไม่ทันระวังพลั้งปากไป ถ้ายียีรู้ว่าเป็นห้องของคุณต่อไปคงไม่ยอมอยู่ ผมก็ได้แต่เอาห้องว่างข้างๆของผมให้เธอแล้วนะ”
สีหน้าเย่เนี่ยนโม่ไม่มีอารมณ์อะไรมากมายนัก พยักหน้าควักเช็คออกมาหนึ่งใบ “ห้องราคาเท่าไหร่ ผมซื้อ”
ไห่โจ๋ซวนลุกขึ้นทุบไหล่เขาอย่างไม่เกรงใจ “อยากได้ก็หยิบไปเลย ไม่ต้องมาพูดเรื่องเงินกับผม!”
เนี่ยนยีที่ดื่มนมบนโต๊ะดูเหมือนจะง่วงนอนแล้ว เดินส่ายไปส่ายมาไปทางเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่เอามันใส่เข้าไปในกระเป๋าใหม่อีกครั้ง ลุกขึ้นพูดกับเขาว่า “ผมไปก่อนนะ”
เดินไม่ได้ไม่กี่ก้าว เขาหันกลับมา “ช่วยผมดูแลเธอให้ดี มีคุณอยู่ผมก็ค่อนข้างวางใจ”
ไห่โจ๋ซวนมองด้านหลังของเขาหายลับไปจากด้านหลังประตู ความเยือกเย็นในแววตาระบายออกมาอย่างไม่มีเหลือ “วางใจเถอะพวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมต้องช่วยคุณดูแลเธอให้ดีแน่นอน”
เช้าตรู่ ติงยียีลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านหรู เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองเธออย่างสงสัย แต่หลังจากมองเห็นแพนด้าที่อยู่ข้างๆเธอความคิดนั้นก็หายไป เขาเป็นคนรักสุนัขพอดี ไม่ใช่ว่าใครจะเลี้ยงทิเบตันแมสติฟฟ์ไหว
ติงยียีเดินไปตามที่อยู่มาถึงด้านหน้าประตูคฤหาสน์ที่อยู่ติดกันหลังหนึ่ง ประตูด้านข้างเปิดอยู่ เธอหันไปมองอย่างแปลกใจ แปลกใจที่เห็นดาราแถวหน้าที่มักจะเห็นในทีวีสวมชุดออกกำลังกายเดินออกมา
พระเจ้า นี่เธอกลายเป็นเพื่อนบ้านกับดาราดังเหรอเนี่ย!! เธอเดินเข้าประตูด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้น เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในบ้านเป็นสไตล์ยุโรป เธอเดินไปที่ผนังด้านหนึ่ง มองดูลายเซ็นของดาราดังแต่ละคนบนผนัง หนึ่งในนั้นมีลายเซ็นของ อันหรันด้วย ถ้ารู้ว่ามีแฟนคลับเคยใช้เงิน 10,000 หยวนเพื่อซื้อลายเซ็นของ อันหรัน แต่กลับไม่มีใครยอมขาย!
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ไห่โจ๋ซวนพูดว่า “คุณมาถึงหมู่บ้านแล้วเหรอ ผมไปรับคุณ”
ติงยียีกำลังอธิบายกับเขาว่าตนเองอยู่ในบ้านใหม่ หลังจากวางสายแล้วก็เริ่มหยิบเครื่องดูดฝุ่นออกมา เธอต้องตั้งใจทำงานให้นายจ้างรู้สึกว่าคุ้มค่าจ้างอย่างยิ่ง
ไห่โจ๋ซวนพอเข้าประตูมาก็เห็นเธอกำลังจัดการเครื่องดูดฝุ่น อดพูดอย่างขำๆไม่ได้ “ไม่ต้องใจร้อนขนาดนั้นหรอกครับ ที่นี่มีคุณน้าเข้ามาทำความสะอาดทุกวันจันพุธศุกร์ คุณก็แค่ช่วยดูแลบ้านให้ดีก็พอแล้ว ”
“ไม่เป็นไร ฉันอยากจะทำมากขึ้นอีกหน่อย” ติงยียีก้มหน้ากดปุ่มเครื่องดูดฝุ่น หน้าผากมีเหงื่อผุดออกมา เจ้าเครื่องนี้มันใช้ยากจริงๆ
ทันใดนั้นก็มีมือสองข้างโผล่มาด้านหลังเธอ ไห่โจ๋ซวนยืนอยู่ด้านหลังเธอ สองมือช่วยเธอกดปุ่มทำงาน เพราะปัญหาเรื่องความสูง ทำให้ท่าทางดูเหมือนว่ากอดติงยียี
เขาค่อยเอียงศีรษะ ลมหายใจออกพ่นลงบนต้นคอติงยียี ติงยียีได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจากบนตัวอีกฝ่าย ติงยียีก็อยากจะหนีออกมาด้วยความเขินอาย ไห่โจ๋ซวนถอยออกไปก้าวหนึ่งแล้ว
เครื่องดูดฝุ่นส่งเสียงดังหึ่งๆ เธอตกใจมาก รีบจับให้มั่น ไห่โจ๋ซวนขมวดคิ้ว “ต่อไปกดปุ่มนั้นก็ได้แล้ว”
ติงยียีรีบตอบรับ หมุนตัวไปทำงานทันที เธอไม่ยอมให้ไห่โจ๋ซวนมองเห็นเธอหน้าแดง ด้านหลังเธอ ไห่โจ๋ซวนมองหูที่ตอนแรกขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเงียบๆ ฉีกยิ้มออกมา
“ติ๊งต๊องๆ” โทรศัพท์บนโต๊ะส่งเสียงดังขึ้นมา แพนด้าวิ่งไปบนโต๊ะอย่างดีใจ คาบโทรศัพท์ไว้ในปากวิ่งมาทางติงยียี
ติงยียีหยิบโทรศัพท์มา “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ อืมฉันเองค่ะ ได้ค่ะได้ ฉันจะไปร่วมงานให้ตรงเวลาค่ะ!”
วางสายแล้ว ติงยียีก็พูดกับไห่โจ๋ซวนด้วยความดีใจว่า “เมื่อก่อนเคยเป็นนักแสดงรับเชิญของละครเรื่องหนึ่ง ทีมงานกำลังจะเริ่มถ่ายทำละครเรื่องที่สอง ต้องการให้ แพนด้ารับบทนักแสดง พรุ่งนี้ก็เป็นพิธีเปิดกล้อง! “”