ติงยียีมองเขาด้วยความสงสัย เตรียมจะช่วยเขาเปิดหน้าต่างรถ จู่ๆ อันหรันก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ จู่ๆ ฉันก็ไม่อยากรับลมชมวิวแล้ว”
สวุเหวยเหรินโล่งอกไปที วอร์ที่อยู่ข้างหูมีเสียงของผู้กำกับหวูดังผ่านมา จำนวนของแฟนคลับมีมากกว่าที่คาดไว้เยอะมาก ทำให้พวกเขาต้องไปทางประตูหลังของโรงแรม
สวุเหวยเหรินจ้องอันหรัน จึงจะกดวางวอร์ รถขับลงไปทางใต้โถงจอดรถ กลุ่มทีมงานมาถึงห้องโถงใหญ่ของโรงแรม จึงจะรู้ว่าเป็นเพราะการละเลยของเจ้าหน้าที่ ลืมจองห้องให้กับติงยียี เหลือเพียงแต่ห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีทที่จองให้อันหรัน
“ฉันเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีทมีห้องนอนสองห้อง คุณมาพักห้องหนึ่งละกันครับ ผมกับเหวยเหรินเบียดกันหน่อยก็ได้แล้วครับ”
อันหรันเชิญติงยียีด้วยความเป็นมิตร สวุเหวยเหรินมองเขาด้วยสีหน้าที่เย็นชา ลองมองอย่างละเอียดก็จะเห็นว่าบนใบหน้าของเขามีความแดงก่ำอ่อนๆ
ในคืนนั้น ทีมงานในกองก็เริ่มทำการถ่ายทำอย่างเข้มงวด สองสามวันนี้แพนด้ามีความจดจ่อค่อนข้างน้อย ดูแล้วเหมือนจะเบื่อๆ ติงยียีเป็นห่วงมัน จึงอยู่ข้างกายมันตลอดเวลา
เพราะว่าต้องการวิวตรงชายทะเล เริ่มเข้าใกล้ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ลมค่อนข้างแรง ติงยียีคลุมเสื้อกันหนาวแน่น
เธอหันหลังอยากจะหยิบเสื้อกันหนาวอีกตัว กลับเห็นเย่เนี่ยนโม่ยืนนิ่งๆ อยู่ในระยะห่างไม่กี่เมตร เธอยืนอยู่บนหาดทรายใต้แสงไฟที่สว่าง เขายืนอยู่ในความมืด ทว่าเธอรู้สึกได้ว่า แววตาของเขามองมาที่ตัวเองตลอดเวลา
“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?” เขาเดินออกมาจากความมืด สวมชุดลินินลำลองทั้งตัว ผมถูกลมทะเลพัดผ่านจนมีความยุ่งเหยิงเล็กน้อย ภายใต้แว่นตากรอบสีดำ แววตาที่คู่หนึ่งสะท้อนภาพของเธออย่างชัดเจน
“ฉันสบายดีมาก” ติงยียีพูดขึ้น ตกใจในน้ำเสียงที่แหบของตัวเอง มีความกระวนกระวายเล็กน้อย เขาเผยรอยยิ้มออกมา เปลี่ยนตำแหน่งยืนกับเธอช่วยเธอบังลมที่พัดมา
ติงยียีฟังเสียงคลื่นทะเล นึกถึงสายโทรศัพท์เงียบสงบที่ได้รับเมื่อวันก่อน กลับไม่รู้ว่าจะถามยังไงดี
เย่เนี่ยนโม่หยักหน้า เขามองเธอด้วยนัยน์ตาอ่อนโยน “ถึงแม้ว่าเธอจะจากไปแล้ว ฉันก็ยังปล่อยวางเธอไม่ได้เหมือนกัน”
“งั้นทำไมนายถึงต้องทำเรื่องแบบนั้น นายรู้อยู่แล้วแท้ๆว่าฉันชอบการออกแบบเครื่องประดับเพชรพลอย” จริงๆ แล้วในใจของติงยียีไม่ได้รู้สึกโกรธ ทว่าสติปัญญาบอกกับตัวเองว่าจะต้องขุดความชั่วของเขาออกมา จึงจะสามารถทำให้ตัวเองไม่รู้สึกเจ็บปวดเร็วขนาดนั้น
“มีคนอยากจะทำร้ายเธอ และคนที่อยากทำร้ายเธออาจจะมีเป้าหมายอยู่ที่ตระกูลเย่ ฉันไม่สามารถให้เธออาศัยอยู่ท่ามกลางความอันตรายได้” เสียงของเย่เนี่ยนโม่พึ่งเกาะกลุ่มรวมกัน กลับถูกลมทะเลพัดกระจายไปหมด
“คือใคร?” ติงยียีถาม เขาส่ายหัว เธอยังไม่รู้ว่าตัวเองรู้แล้วว่าเธอและอ้าวเสว่คือพี่น้องกัน เขาไม่อยาก เขาไม่อยากเพิ่มความเจ็บปวดให้กับเธออีก
ติงยียีเงียบไป จู่ๆ ก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา “ไม่เป็นหรอก ยังไงพวกเราก็ไม่เคยคบกันอยู่แล้ว”
“ยียี!” เขาหันข้างอยากจะจูบเธอ เธอหลบ รีบเดินขึ้นไปแล้วพูดว่า “พวกเราไปเถอะ”
เย่เนี่ยนโม่รู้ว่าเธอไม่ยอมคุยต่อแล้ว เดินตามเธอไป แล้วนำเสื้อคลุมของตัวเองคลุมไว้บนตัวของเธอ
ติงยียีได้กลิ่นยาสูบอ่อนๆ บนเสื้อกันหนาวของเขา รู้สึกแปลกใจ “นายไม่สูบบุหรี่นานแล้วไม่ใช่หรอ? ”
เขาไม่พูด กลับมองเธอด้วยนัยน์ตาที่ลึกซึ้งไปนานมาก เพียงแค่แวบเดียวก็ทำให้เธอรู้สึกขี้ขลาด เธอเดินไปข้างหน้าด้วยความเงียบ เหลือเพียงรอยเท้าสองทางไว้บนหาดทราย
แรงต้านของชายหาดทำให้แขนของทั้งสองแนบชนกันเป็นระยะๆ ติงยียีรู้สึกว่าเหมือนมีบางอย่างติดกับเสื้อไหมพรมของตัวเอง ก้มหน้าดู ในกระเป๋ากางเกงของเย่เนี่ยนโม่ มีแมวหูพับตัวหนึ่งยื่นเล็กออกมาอยากจะข่วนเสื้อไหมพรมของตัวเอง
เย่เนี่ยนโม่จับมันออกมา มันนั่งอยู่บนไหล่ของเขา ติงยียีชอบมาก ยื่นมืออยากจะอุ้ม เนี่ยนยีขยับอุ้งเท้าไปข้างหน้า เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มว่า “เนี่ยนยี”
เนี่ยนยีฟังออกว่าในน้ำเสียงมีการขู่อยู่ จึงให้ติงยียีอุ้มดีๆ เธออุ้มมันอย่างระมัดระวัง พลางพูดไปด้วยว่า “เนี่ยนยี เนี่ยนตัวไหน ยีตัวไหน?”
เย่เนี่ยนโม่ยิ้มออกเสียงเบาๆ ยื่นมือขยี้ผมที่ยาวถึงบ่าของเธอจนยุ่ง เดินตรงไปข้างหน้า ติงยียีอุ้มเนี่ยนยียืนอยู่ที่เดิมด้วยความตะลึงงัน จู่ๆ ก็ดึงสติกลับมา บนใบหน้ามีความแดงก่ำอ่อนๆ
“พี่ยียี แพนด้าไม่เชื่อฟังแล้วค่ะ!” ผู้ช่วยน้อยตะโกนเรียกเธอผ่านอากาศ เธอโบกมือไปทางเย่เนี่ยนโม่แล้วก็รีบวิ่งกลับไปที่กองถ่าย
ผู้ช่วยน้อยเห็นเจ้าแมวน้อยในอ้อมกอดของเธอ ตกใจร้องไปเสียงหนึ่ง ยื่นมือจะไปลูบ เนี่ยนยีข่วนเธอไปหนึ่งทีโดยไม่มีการลังเล
ผู้ช่วยเจ็บเล็กน้อย มองติงยียีด้วยสีหน้าความไม่เป็นธรรม ติงยียีจึงจะนึกขึ้นว่าตัวเองพาแมวของเย่เนี่ยนโม่มา หันหลังไป ตรงชายหาดก็ไม่มีเงาของเขาแล้ว
แพนด้าที่ค่อนข้างเหนื่อยล้าเมื่อเจอเนี่ยนยีแล้ว ก็รีบวิ่งมา เนี่ยนยีนั่งลงบนคอของมันด้วยความไม่เกรงใจ แมวตัวหนึ่งสุนัขตัวหนึ่งกลายเป็นจุดสนใจ ทำให้ผู้คนอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“พอแล้ว ฉากนี้แพนด้าต้องวิ่งอ้อมสองสามจุดนี้ เดี๋ยวจะมีกราฟิกพิเศษทีหลัง จุดพวกนั้นจะกลายเป็นต้นไม้ แสดงออกถึงลักษณะพิเศษในการเคลื่อนย้าย ยียีเธอเตรียมตัวหน่อยนะ”
ติงยียีพยักหน้า หลังจากที่พาแพนด้าอ้อมสองสามจุดนี้ไปไม่กี่รอบ จากนั้นก็ป้อนไส้กรอกให้มัน หลังจากเริ่มถ่ายทำแล้ว แพนด้าอ้อมสองสามจุดนี้ วิ่งไปวิ่งมาแล้ววิ่งผิดทาง ไม่ให้ความร่วมมือเลย
“แพนด้า!” ติงยียีมีความโมโหเล็กน้อย เมื่อก่อนเธอก็เคยทำเกมแบบนี้ แพนด้าปฏิบัติได้ดีมาก ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็นแน่นอน แต่เพราะว่าไม่ยอมทำ
แพนด้านอนอยู่บนพื้น ใช้อุ้งเท้าปิดตา งอแงไม่ยอมขยับ คนในงานต่างก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่ถ่ายใหม่อีกครั้ง
ผิดพลาดไปสิบกว่ารอบ ไม่ว่าใครก็สีหน้าแย่ไปหมด ติงยียีรนมาก ผู้กำกับหวูโบกมือ “ช่างเถอะ ฉากที่เหลือค่อยเร่งเอาคืนพรุ่งนี้ ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“อันหรัน! แช่ถิงถิง!” จู่ๆ ก็มีแฟนคลับพุ่งเข้ามาจากชายหาด ถึงแม้ว่าอันหรันและแช่ถิงถิงจะรู้สึกแปลกใจ ทว่าก็ยังเผยรอยยิ้มถ่ายภาพร่วมกับแฟนๆ
ติงยียีพึ่งเห็นว่าแพนด้าก็มีแฟนคลับเหมือนกัน พวกเขานำอาหารสุนัขที่คุณภาพสูงต่างต่างนานา มาให้แพนด้า
สวุเหวยเหรินเดินมายังข้างกายของเธอแล้วพูดขึ้นว่า “มันคงไม่กินอาหารพวกนี้สินะ แต่ว่าความหวังดีของแฟนคลับห้ามปฏิเสธ รับไว้ก่อนค่อยกลับไปจัดการก็ได้แล้ว”
“มันไม่เคยกินของพวกนั้นจริงๆค่ะ” ถึงแม้ว่าติงยียีจะรู้สึกเศร้า ทว่าก็ยังรวบรวมพลังอารมณ์พูดคุยกับเขา
“แล้วมันกินอะไรครับเนี่ย?” สวุเหวยเหรินมีความแปลกใจ เขาเคยได้ยินอันหรันพูดว่า สุนัขพันธ์ทิเบตันมาสทิฟนั้นต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก มีทิเบตันมาสทิฟหลายตัวที่ลักษณะไม่ค่อยดีต้องเสียค่าอาหารหลายหมื่นเลย ขนของแพนด้ามันเงา แข็งแรงมาก ปกติน่าจะกินดีอยู่ดี
“กินข้าวค่ะ” ติงยียีพูดขึ้น
“มีอีกไหม?” สวุเหวยเหรินอึ้งไปเลย
ติงยียีส่ายหัว จริงๆแล้วตอนแรกเธอจะซื้อเนื้อไก่และเนื้อหมูตลอด ต่อมาแพนด้าออกบ้านทุกวัน กลับมาก็ดูอิ่มตลอด ยังไม่กินเนื้อด้วย เธอจึงไม่สนใจแล้ว
สวุเหวยเหรินตกใจมาก เริ่มสงสัยว่าติงยียีใช่คุณหนูมหาเศรษฐีเหมือนที่อันหรันพูดจริงๆหรือเปล่า อยากจะถามเพิ่มอีก ติงยียีโบกมือไปทางเขา จากนั้นก็พาแพนด้าจากไป
ในค่ำคืนราตรี นอนอยู่ในห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีท ติงยียีกลับนอนไม่หลับ หางของแพนด้าม้วนเนี่ยนยีไว้ แมวตัวหนึ่งสุนัขตัวหนึ่งหลับอยู่บนไหมพรม
เธอเรียกแพนด้าตื่นด้วยเสียงเบา พาแพนด้าออกไป ในไม่ช้าบนชายหาดก็มีเงาของคนและสุนัข ลมทะเลในกลางดึกพัดผ่านอยู่ท่ามกลางคลื่นทะเล ทำให้เงาของทั้งสองที่อยู่บนหาดทรายขยับเคลื่อน
“ช่างเป็นหญิงสาวที่ซื่อจริงๆ ” อันหรันจับไวน์แดงบนมือ ดื่มลงไปช้าๆ คำหนึ่ง
สวุเหวยเหรินพาดแขนทั้งสองไว้บนเสา แววตามองไปทางเงาของคนที่กำลังวิ่งอยู่ในระยะที่ไม่ไกล พูดขึ้นว่า “อย่าให้เธอเจ็บปวด เธอเป็นหญิงสาวที่ซื่อจริงๆ ซื่อจนน่าสงสาร”
อันหรันไม่พูดอะไร เขาก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ ทั้งสองมองไปยังเงาคนที่อยู่บนหาดทรายพร้อมกัน นัยน์ตากลับไม่ได้เต็มไปด้วยความหลอกใช้แล้ว
ณ เช้าตรู่ ติงยียีหลับสบายอยู่ในม้วนผ้าห่ม รู้สึกเหมือนว่าจมูกถูกบีบไว้ “เย่เนี่ยนโม่อย่าทำ!”
แรงต้านไม่ได้หายไป เธอลืมตาขึ้นด้วยความรำคาญ สบตากับอันหรันที่กำลังมองเธอพร้อมยิ้มแฉ่ง
“อ้า!อ้า!อ้า!” เธอตะโกนร้องอย่างตกใจ เสียงตกใจค่อยๆ ดังสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งอันหรันก็ทนไม่ไหวถอยออกไปสองสามก้าว
ติงยียีรีบจัดเสื้อนอนที่ย่งเหยิง อันหรันมองเธอด้วยความเข้มขรึม พูดขึ้นอย่างแผ่วเบา ว่า “A”
“เรื่องของฉัน!” ถึงแม้ว่าจะเป็นไอดอลของตัวเอง จู่ๆวิ่งเข้ามาในห้องของตัวเอง ยังเห็นท่าทางทุเรศในการนอนของตัวเองอีก ติงยียีกัดฟันกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะทำให้ประสบความพินาศไปด้วยกันดีไหม
“วางใจได้เลย ผมไม่ชอบผู้หญิง” อันหรันพูดออกมาตรงๆ เนี่ยนยีโดดไปยังข้างกายของเขา เกาะไปที่กางเกงของเขา อันหรันโค้งตัวลงเล่นกับมัน
“เนี่ยนยีมานี่” ติงยียีตบไปที่เตียงเรียกให้มันมา เนี่ยนยีมองเธอไปหนึ่งที หันตูดให้เธอแล้วอ้อนกับอันหรันต่อ
ติงยียีเงียบไปเลย เธอรู้สึกว่าแมวหูพับส่วนมากมักจะเป็นมิตรกับผู้ชายที่หล่อเป็นพิเศษ สำหรับผู้หญิงนั้นเหมือนจะไม่ค่อยเป็นมิตรมากสักเท่าไหร่
หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ติงยียีเดินออกจากห้อง คำพูดประโยคแรกก็คือ “เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณไม่ชอบผู้หญิง หมายความว่า?”
อันหรันเดินไปยังข้างกายของสวุเหวยเหริน หันข้างแล้วจูบไปยังคนที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ มองไปทางติงยียีที่หลอมละลายไปแล้ว “ความหมายนี้แหละครับ”
สวุเหวยเหรินจ้องเขาด้วยความสุขุม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจสายตาของผู้อื่น แต่ว่าเขาไม่อยากทำให้เซี่ยชีหรั่นตกใจ
“ทำไมถึงบอกฉันคะ?” ติงยียีรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองได้รับการกระตุ้นตั้งแต่เช้าเลย ทำให้สมองของเธอแจ่มแจ้งเป็นพิเศษ
“พูดหลุดปากไปแล้ว คุณจะเก็บเป็นความลับไหมครับ?” ดวงตาโตสองชั้นของอันหรันยิ้มเป็นจันทร์เสี้ยวแล้ว ภายในแววตาไม่มีความรู้สึกว่าเหมือนว่าพูดหลุดปากเลย
ติงยียีหยักหน้า เธอไม่ได้ดูถูกการพูดของพวกเขา ทว่ารู้สึกตกใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง
อันหรันพลิกบทสนทนา จู่ๆก็ถามขึ้นว่า “คุณกับเย่เนี่ยนโม่เป็นแฟนกันหรอ?”
ติงยียีรีบส่ายหัว สุวเหวยเหรินจับไปที่หน้าผาก ถึงแม้ว่าในภายนอกอันหรันจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่เย็นชา ความจริงแล้วในใจของเขาก็คือราชาสอดรู้สอดเห็นคนหนึ่งนั่นเอง โชคดีที่บริษัทมีความสามารถสูง ไม่เช่นนั้นเขาสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ เรื่องนี้คงจะถูกแพร่ออกไปตั้งนานแล้ว
“ไม่ใช่ซะหน่อย!” ติงยียีรีบปฏิเสธ ใบหน้าแดงกระหน่ำ เรียกแพนด้าแล้วเดินออกไปข้างนอก เดินไปไม่กี่ก้าวก็เดินวนกลับมา อุ้มเนี่ยนยีที่อยู่ในอ้อมกอดของอันหรันออกมา แล้วรีบเดินออกไปทางข้างนอก
อันหรันฟังเสียงเท้าเดินค่อยๆ ไกลออกไป บนใบหน้ามีรอยยิ้มเพิ่มขึ้น สุวเหวยเหรินปวดหัวมาก “อย่าเล่นจนเกินไป!”