“นายเคยคิดหรือเปล่าว่าหากการคาดเดาของนายผิดพลาด บ้านของเธอไม่ได้ร่ำรวยแบบนั้น หรือว่าไม่สามารถต่อต้านกับแฟนคลับพวกนั้นได้ พอถึงเวลานายจะทำยังไง?”
สวุเหวยเหรินมีความผิดหวังและเสียใจ เรื่องผิดเรื่องถูกในวงการบันเทิงมีเยอะมาก ทว่าเขายืนหยัดในความมีจิตใจที่บริสุทธิ์มาโดยตลอด อันหรันมองออกถึงความโกรธของเขา พูดอย่างมั่นใจว่า “ถ้าหากการคาดเดาของฉันผิด งั้นก็ยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งที่จะปกป้องเธอแน่นอน”
สวุเหวยเหรินฉลาดมาก เขานึกถึงดวงตาที่เย็นชาของชายคนนั้นบนพรมแดงในเมืองเหยาหนานทันที และจากนั้นก็โล่งใจ ผู้ชายคนนั้นเก่งมาก เก่งถึงขั้นสามารถทำให้คนอื่นยอมจำนนอย่างสมัครใจ
ณ ร้านอาหารเสฉวน ในตอนที่ติงยียีมาถึง เป็นเวลาที่นัดกับซ่งเมิ่นเจ๋ไว้พอดี พนักงานให้เธอปล่อยสุนัขไว้ข้างนอกอย่างมีมารยาท เธอจึงได้แต่กำชับกับแพนด้าว่าอย่าวิ่งไปมั่ว
พอเข้ามาถึงร้านอาหาร ติงยียีก็มองซ่งเมิ่นเจ๋ออกในแวบแรก เธอรีบเดินตรงไปทางซ่งเมิ่นเจ๋
“เมิ่นเจ๋ ฉันคิดถึงเธอมากเลย เธอออกประเทศทีหนึ่งผิวดีขึ้นมากเลยนะเนี่ย!” ติงยียียังเหมือนเมื่อก่อนที่ชอบล้อเล่นกับเธอ
“ใช่หรอ?” ซ่งเมิ่นเจ๋ขยับไปข้างหลังเลี่ยงการใกล้ชิดกับตัวเธอ อารมณ์ดูไม่ค่อยปกติ ติงยียีก้มหน้าดูเมนูพอดี จึงไม่เห็นการตอบสนองที่ผิดปกติของเธอ
“พวกเราทานอะไรดี?” ติงยียีพลิกเมนูไปมา ซ่งเมิ่นเจ๋พูดพลางใจไม่อยู่กับตัวว่า “รอก่อนเถอะ ยังมีอีกคนจะมา”
“ยังมีอีกคน?” ติงยียีเงยหน้าขึ้น “ใครหรอ?”
“ผมเอง ขอโทษด้วยครับประชุมที่บริษัทล่าช้าไป” ไห่โจ๋ซวนนั่งอยู่ข้างกายของซ่งเมิ่นเจ๋แล้วยิ้มไปทางติงยียี
ติงยียีมองซ่งเมิ่นเจ๋ด้วยความแปลกใจ ซ่งเมิ่นเจ๋ฝืนยิ้ม “ฉันรู้สึกว่าเราสองคนทานข้าวด้วยกันน่าเบื่อไปหน่อย ก็เลยตามโจ๋ซวนมาทานด้วย”
ติงยียีรู้ดี ขมวดคิ้วทำตาไปทางเธอ ซ่งเมิ่นเจ๋หลบสายตาจากเธอ ไห่โจ๋ซวนหยิบเมนูขึ้นมา ดูไปด้วยพลางพูดไปด้วยว่า “ยียีผมจำได้ว่าคุณชอบทานเผ็ดใช่ไหมครับ งั้นเราก็สั่งพวกนี้กันเถอะ”
หลังจากไห่โจ๋ซวนสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วก็มองไปทางซ่งเมิ่นเจ๋และติงยียี ซ่งเมิ่นเจ๋ยิ้มพลางพยักหน้า ในใจกลับค่อยๆเยือกเย็นลง ติงยียีชอบกินเผ็ด ทว่าเธอกลับกินเผ็ดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ทำไมเขาถึงต้องนัดติงยียีผ่านตัวเอง เป้าหมายเบื้องหลังทำให้ไม่กล้าที่จะคิด
อาหารมาเสิร์ฟแล้ว คนทั้งโต๊ะต่างก็เริ่มทานอาหาร จู่ๆ ติงยียีก็พูดขึ้นว่า “เมิ่นเจ๋เธอไม่ทานเผ็ดไม่ใช่หรอ!”
ซ่งเมิ่นเจ๋รู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูก จู่ๆก็รู้สึกมีความโกรธต่อเธอในใจ เธอพูดแบบนี้ก็เหมือนกับพูดทางอ้อมว่าไห่โจ๋ซวนละเลยตัวเองไป!
“ตอนนี้กินแล้ว” ซ่งเมิ่นเจ๋ดื่มไวน์แดงไปหนึ่งคำ ฝืนตัวเองกินอาหารที่เผ็ดจนทำให้เธอจะเป็นบ้า
ติงยียีแทะกุ้งมังกรน้อยไปด้วย พลางมองไปทางภาพฉายจอทีวีใหญ่ที่อยู่กลางร้านอาหาร พนักงานคนหนึ่งหยิบรีโหมดมาเปลี่ยนช่อง แล้วหยุดอยู่ช่องที่เป็นรายการแฟชั่นโชว์
“อ้าวเสว่?” ไห่โจ๋ซวนมองทีวีแล้วพูดขึ้น
“ได้ข่าวว่าครั้งนี้ดีไซเนอร์เซี่ยชีหรั่นพูดถึงคุณเป็นพิเศษในนิตยสารแฟชั่นฉบับล่าสุดของเธอ ยังวางแผนที่จะเชิญคุณไปเป็นผู้จัดการเครื่องประดับแฟชั่นเพชรพลอยอีกด้วย คุณคิดยังไงกับความสำเร็จพวกนี้ครับ? ”
“ฉันรู้สึกขอบคุณการอบรมบ่มเพาะที่คุณครูเซี่ยมีต่อฉันมากค่ะ และขอบคุณคุณพ่อของฉันมากๆ เขาช่วยเหลือฉันเยอะมากค่ะ” เสียงของอ้าวเสว่ดังผ่านเข้าไปในหูของติงยียีอย่างชัดเจน เธอเงียบแล้วทานอาหารต่อ
ไห่โจ๋ซวนและซ่งเมิ่นเจ๋ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ อ้าวเสว่มีพ่อเพิ่มขึ้นมาอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? การสนทนายังคงดำเนินต่อ พิธีกรถามขึ้นว่า “ได้ข่าวว่าคุณและผู้จัดการของบริษัทเย่ซื่อสนิทกันมาก ขอยืมใช้โอกาสที่โปรโหมดเครื่องประดับเพชรพลอยครั้งนี้ มาพูดคุยกับคุณผู้ชมของเราหน่อยละกันค่ะ”
ความเร็วในการทานอาหารของติงยียีลดช้าลง เธอทานอาหารพลางใจไม่อยู่กับตัว แล้วสนใจกับเสียงที่ดังผ่านมาจากทีวีอีกด้วย
“ขอบคุณทุกคนที่สนใจค่ะ พวกเราคือเพื่อนที่ดีมากๆค่ะ อีกอย่างช่วงนี้เขาก็ออกไปทำงานนอกสถานที่แล้วค่ะ” ถึงแม้ว่าอ้าวเสว่ไม่ได้ตอบคำถามของพิธีกรตรงๆ ทว่าคนที่เข้าใจต่างก็มองออกถึงการอ้อมค้อมของเธอ
ซ่งเมิ่นเจ๋มองติงยียีด้วยความเป็นห่วง พูดขึ้นว่า “เย่เนี่ยนโม่เขาสารภาพรักกับเธอแล้วไม่ใช่หรอ?”
“แค่กแค่กแค่ก” ติงยียีสำลักในความเผ็ด แล้วไออย่างรุนแรงขึ้นมา ซ่งเมิ่นเจ๋รีบลุกขึ้น เงาคนๆหนึ่งเดินผ่านตรงหน้าไปแล้วเดินไปยังข้างหน้าของติงยียีก่อน
ไห่โจ๋ซวนยื่นนมแก้วหนึ่งให้เธอ พลางลูบหลังช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น ภพๆนี้แทงเข้าไปในส่วนลึกของซ่งเมิ่นเจ๋ เธอดื่มไวน์แดงคำใหญ่ ในใจเต็มไปด้วยความลังเล
หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่งเมิ่นเจ๋ปฏิเสธกับข้อเสนอที่ไห่โจ๋ซวนส่งเธอกลับบ้าน เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งแล้วจากไป
ไห่โจ๋ซวนขับรถส่งติงยียีกลับไป หลังจากบอกฝันดีกันแล้ว ติงยียีก็เดินเข้าไปในบ้าน
เธอปล่อยน้ำที่ใช้อาบน้ำให้ตัวเอง ทั้งคนแช่อยู่ในอ่างน้ำอุ่น ได้ข่าวว่าเย่เนี่ยนโม่ไปทำธุระที่นอกสถานที่จากปากของอ้าวเสว่ ความรู้สึกแบบนี้ช่างละเอียดอ่อนและพูดยาก ราวกับทำให้เธอเจอข้ออ้างที่เย่เนี่ยนโม่ไม่มาหาตัวเอง
เธอกำลังเพลียๆ จะหลับ จู่ๆ ไฟของห้องน้ำก็ดับหมด แพนด้าตะโกนร้องอยู่นอกห้อง ติงยียีพันผ้าเช็ดตัวแล้วออกไป ไม่เพียงแต่ห้องน้ำในบ้าน ห้องอื่นๆ ก็มืดไปหมด
ห้องที่มืดมนมีกลิ่นอายและบรรยากาศที่เยือกเย็น ติงยียีสวมเสื้อผ้าชุดหนึ่ง ออกจากห้องไปขอความช่วยเหลือจากไห่โจ๋ซวน
ไห่โจ๋ซวนตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ให้ติงยียีเข้ามา รอตัวเองหาอุปกรณ์เจอแล้วก็กลับบ้านซ่อมสายไฟพร้อมเธอ
ติงยียีรู้สึกหนาวเล็กน้อย ไห่โจ๋ซวนหยิบเสื้อกันหนาวของตัวเองให้เธอตัวหนึ่งด้วยความใส่ใจ เสียงกริ่งข้างนอกดังขึ้น ไห่โจ๋ซวนหาอุปกรณ์ในห้องเก็บของ พลางตะโกนขึ้นว่า “ช่วยเปิดประตูให้หน่อยครับ ไรเดอร์ส่งอาหารน่าจะถึงแล้ว”
ติงยียีสวมเสื้อกันหนาวของเขาแล้ววิ่งออกทางข้างนอก เปิดประตู “สวัสดียามค่ำคืนค่ะพี่โจ๋ซวน!” ในมือของเย่ชูฉิงถืออาหารมื้อดึกไว้ หลังจากที่เห็นติงยียีแล้วตกใจจนเกือบจะโยนอาหารมื้อดึกลงพื้น
เย่ชูฉิงมองเธอด้วยนัยน์ตาที่ซับซ้อน เธอสวมเสื้อกันหนาวของพี่โจ๋ซวน
“ชูฉิง?” ไห่โจ๋ซวนถืออุปกรณ์ออกมาจากห้องเก็บของ เย่ชูฉิงเห็นผมของเขาเปียกฉ่ำ ในใจเต็มไปด้วยความตกใจ หันหลังแล้ววิ่งออกไป
ติงยียีรู้ว่าเธอเข้าใจผิดแล้ว หันหลังไปทางไห่โจ๋ซวนและพูดขึ้นว่า “คุณไม่ตามเธอไปหรอ!”
ไห่โจ๋ซวนมองดูค่ำคืนราตรีที่มืดข้างนอก เดินออกไปทางข้างนอกไม่กี่ก้าว จู่ๆก็ถอยกลับมาที่เดิม
เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไรเด็ดขาดหน่อย ให้เย่ชูฉิงตายทั้งเป็นอยู่ในแผนการของเขาแล้วตั้งแต่แรก ส่ายหัว หยิบอุปกรณ์ บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ไปเถอะ พวกเราไปดูที่คุณก่อนครับ”
เย่ชูฉิงร้องไห้พลางเดินออกไปทางข้างนอก ค่อยๆ ช้าลง เธอหวังว่าไห่โจ๋ซวนจะตามตัวเองมา ยิ่งรอก็ยิ่งผิดหวัง
“ชูฉิง!” ข้างหลังมีเสียงดังขึ้น เธอสั่นไปทั้งตัว รีบหันไป เห็นภาพของคนที่อยู่ข้างหลังสีหน้าก็เข้มขรึม น้ำตาไหลลงมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว น้ำตาเปียกทั่วหน้าเจ็บไปทั้งหัวใจ
หลี่ยี่ซวนโทรไปที่บ้านตระกูลเย่ ได้ยินพ่อบ้านบอกว่าชูฉิงถืออาหารมื้อดึกไปหาไห่โจ๋ซวน ไม่วางใจจึงออกมาตามหา เห็นเธออยู่กลางถนนคนเดียวยิ่งตกใจไปใหญ่
“นายมาได้ยังไงเนี่ย?” เย่ชูฉิงอยากหัวเราะ ทว่าหากหัวเราะน้ำตาก็จะไหลลงมา
“ยี่ซวน ฉันขอกอดนายหน่อยได้ไหม” เย่ชูฉิงพูดพลางร้องไห้ ตอนนี้เธอต้องการจุดพักพิงที่อบอุ่นมากๆจริงๆ ยืนหยัดมาหลายปีขนาดนี้ เธอเหนื่อยมากจริงๆ
แขนคู่หนึ่งโอบกอดเธอไว้ ราวกับผู้ที่ปกป้องสมบัติอันล้ำค่าที่สุดในโลก น้ำตาของเธอหยดลงบนเสื้อเชิ้ตของเขา มอดไหม้หัวใจของเขา เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้น ดังนั้นจึงไม่เห็นว่าบนใบหน้าของเขาก็มีน้ำตาหยดหนึ่งไหลผ่านไปเช่นกัน ในไม่ช้าก็หายไป
หลี่ยี่ซวนส่งเธอกลับไปถึงบ้านของตระกูลเย่ อารมณ์ของเย่ซูฉิงคงที่แล้ว หลังจากลงจากรถก็ยิ้มไปทางเขาแล้วเข้าบ้านไป
“ชูฉิง เป็นแฟนกับฉันเถอะ ฉันจะไม่ทำให้เธอร้องไห้แน่นอน” หลี่ยี่ซวนลงจากรถ เดินไปยังข้างหน้าของเธอ
เย่ชูฉิงตกใจมาก มองดูเขาด้วยความตะลึงงัน จู่ๆใบหน้าที่แน่นแฟ้นของหลี่ยี่ซวนก็ยิ้มออกมา ยื่นมือมาลูบผมที่อ่อนนุ่มของเธอพูดขึ้นว่า “ในเมื่อนอกจากเขาแล้วใครก็ไม่ใช่ งั้นก็เฝ้ารอปกป้องเขาอยู่ข้างกาย ให้เขาเห็นความดีของเธอเถอะ”
เย่ซูฉิงยังไม่ทันออกมาจากความโศกเศร้าในคำพูดของเขา หลี่ยี่ซวนก็ขับรถจากไปแล้ว
แสงที่นุ่มนวลของดวงจันทร์ส่องลงบนตัวของเธอ คำพูดของหลี่ยี่ซวนทำให้เธอเปิดใจ หยิบโทรศัพท์ออกมา เธอดินอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าในบ้านตัวเองแล้วโทรหาพี่ชายของตัวเอง
หลังจากที่เย่เนี่ยนโม่ฟังเธอพูดเรื่องราวจบแล้ว เงียบไปสักพักก่อนในตอนแรก จากนั้นก็พูดเรื่องที่รบกวนไห่โจ๋ซวนให้ดูแลติงยียีออกมา
เย่ชูฉิงวางสายด้วยคาวมพอใจ เย่เนี่ยนโม่จับโทรศัพท์แต่กลับมีความใจไม่อยู่กับตัว แมวหูพับกระโดดมายังบนตัวของเขา นอนลงบนหน้าอกของเขาด้วยท่าที่สบาย เขามองดูมัน ยับยั้งความคิดถึงทั้งหมดลงไปยังส่วนลึกของจิตใจ
ตอนเช้าตรู่ ติงยียีออกจากบ้าน กลับเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ สวีเห้าเซิงเห็นเธอ รีบเดินขึ้นมา อยากจะเปิดปากพูดแต่กลับเงียบไป
“ฉันกับเย่เนี่ยนโม่เลิกกันแล้ว จะไม่มีแย่งความสุขของลูกสาวคุณอีก” ติงยียีปิดประตู พาแพนด้าเดินผ่านหลังของเขาไป
สวีเห้าเซิงตามอยู่หลังเธอ พูดด้วยความรีบร้อนว่า “ลูก พ่อรู้ หนูก็คือลูกสาวของพ่อ”
ติงยียีเผยรอยยิ้มที่ประชดตรงมุมปาก ไม่ได้พูดตอบ สวีเห้าเซิงพูดด้วยความอึดอัดว่า “ทำไมหนูถึงไม่ใช้เงินในบัตร? ”
ติงยียีหยุดเดิน มองเขาแล้วพูดออกมาทีละคำว่า “คุณให้หัวใจกับเธอ ให้เงินกับฉัน น่าเสียดายมาก นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ”
หลังจากพูดจบเธอโบกรถแท็กซี่แล้วจากไป สวีเห้าเซิงยืนอยู่ที่เดิม ในใจยิ้มด้วยความฝืน ซือซือ พวกเราติดค้างเด็กสองคนนี้มากเกินไปแล้ว
พึ่งมาถึงกองถ่าย ติงยียีก็ได้รับประกาศว่าทุกคนในกองถ่ายจะต้องไปที่จุดชมวิวชายทะเลในเมืองหลิน แพนด้าก็มีฉาก ดังนั้นตัวเองก็ต้องตามไปด้วย
ทีมงานกลุ่มใหญ่กำลังจะเตรียมตัวออกเดินทาง อันหรันเชิญติงยียีขึ้นรถของตัวเอง กลับไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้ถูกคนอื่นถ่ายไว้หมดแล้ว
แพนด้าขึ้นรถไป กลับมีความรู้สึกขี้เกียจ ติงยียีเข้าใกล้มัน เห็นว่าในปากของมันมีกลิ่นของไส้กรอก ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลก ทว่าก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก
ทีมงานจำนวนมากในกองตรงไปที่เมืองหลิน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวออกไป ระหว่างทางที่พวกเขาต้องผ่าน มีแฟนคลับของอันหรันและแช่ถิงถิงยกป้ายรออยู่ข้างถนน
อันหรันเห็นทั้งหมดนี้ไม่เหมือนกับสิ่งที่ตัวเองคาดไว้ กำลังอยากจะเปิดหน้าต่างทักทายกับแฟนคลับ ก็จะได้ให้แฟนคลับเห็นติงยียีพอดี มือถูกจับไป เขาหันหลัง สวุเหวยเหรินมองเขาด้วยความไม่เห็นด้วย เขาก็ยังไม่สามารถรับได้กับการที่อันหรันหลอกใช้คนอื่น