“คุณผู้หญิง!” เย่ป๋อรู้สึกประหลาดใจ มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ ที่ได้พบกับคุณหนูรองในตอนนี้เย่ชูฉิงยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเธอสามารถกลับบ้านได้ด้วยตนเอง เย่ป๋อจึงปล่อยให้เธอไป และเมื่อกลับไปนั่งในที่นั่งคนขับอีกครั้ง เขาก็เหลือบมองไปยังยาแก้หวัดซึ่งตั้งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ก่อนรถจะสตาร์ทใหม่อีกครั้ง
ชิวไป๋ที่อยู่ในชุดนอน หน้าอกที่ดูอิ่มเอิบนั้นตั้งตรงออกมาเพราะไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน เธอเคาะแป้นพิมพ์พลางคิดในใจว่าจะหาโฆษณาบางส่วนให้ติงยียีอย่างไรดี
เกิดแสงสว่างวาบที่ด้านหน้าของหน้าต่าง ตามมาด้วยเสียงของรถที่ดับลง เธอมาที่หน้าต่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นในตอนกลางคืนจึงไม่ค่อยมีผู้คน
รถยนต์สีดำหยุดลงใต้อาคารที่พัก ไฟของรถยังคงเปิดอยู่ แต่ก็ยังไม่มีใครลงจากรถ เธอเตรียมจะหันกลับ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมากะทันหัน
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสายของเย่ป๋อ พอได้ยินว่าอีกฝ่ายอยู่ด้านล่างของตึก ก็พุ่งตัวไปยังหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งอย่างรีบร้อน ช่วงนี้เธอนอนดึกทำให้เป็นสิว ขอบตาก็คล้ำขึ้นมาก ตอนนี้คงแต่งหน้าไม่ทันแน่ เธอร้อนใจมาก จนไม่ได้ยินคำพูดของคนปลายสายเพราะประหม่าแถมยังพูดจาตะกุกตะกักอีก
เธอรีบวิ่งลงไปด้านล่าง เมื่อมาถึงด้านล่างก็หนาวจนตัวสั่น เย่ป๋อรีบเข้ามาหา แล้วถอดเอาเสื้อตัวนอกของตนเองออกมาคลุมไว้บนไหล่ของเธอ
เธอได้กลิ่นบุหรี่อ่อนๆ บนเสื้อตัวนอก แอบสูดหายใจเข้าลึกๆ ทั้งคู่ต่างเงียบไปชั่วขณะ เย่ป๋อยืนตัวตรง สายตาตกอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่หิมะขาวเพิ่งตกลง “คุณชายบอกว่าพรุ่งนี้อยากจะพบคุณ”
ชิวไป๋พยักหน้า เย่เนี่ยนโม่จะมาหาเธอ เธอไม่ได้แปลกใจสักนิด แต่ว่าอารมณ์ของเธอก็ค่อยๆ หดหู่ลงไปตามคำพูดของเย่ป๋อ
เย่ป๋อก็สามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของเธออีกครั้ง เขายืดหลังขึ้นอย่างไม่ค่อยสบายใจ อยากจะพูดแต่ทว่าคำพูดกลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก
“รีบไปเถอะ” ชิวไป๋ฝืนยิ้มขึ้นมาพลางบอกอย่างเร่งรัด คำพูดที่เอ่ยออกมานั้นจับตัวกันจนกลายเป็นหมอกขาวจางๆ ในอากาศ
เย่ป๋อพยักหน้าลงอย่างทื่อๆ หมุนตัวกลับไปยังที่นั่งคนขับ ชิวไป๋โบกมือให้เขาแล้วเตรียมตัวจะขึ้นตึกไป ทันใดนั้นนึกขึ้นได้ว่า เสื้อของเขายังอยู่ที่เธออยู่เลย จึงรีบหมุนตัวกลับไป พบกับเขาที่ถือถุงสีขาวก้าวออกมาจากฝั่งคนขับ
“อันนี้ให้คุณ! คุณหมอบอกว่าตอนค่ำให้กินสีขาวหนึ่งเม็ด สีเหลืองหนึ่งเม็ด พรุ่งนี้เช้ากินสีขาวอีกสองเม็ด” เย่ป๋อกำชับอย่างจริงจัง ด้วยท่าทางที่เย็นชามากขึ้น
ชิวไป๋ชะงักไป ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตนเองโกหกเอาไว้ หลอกเขาว่าตนเองเป็นหวัด เธอรับยามาอย่างประหลาดใจ แล้วเอาเสื้อนอกที่คลุมอยู่บนไหล่ยื่นไปให้เขา
สีหน้าของทั้งคู่เห่อร้อนเล็กน้อย รีบกล่าวราตรีสวัสดิ์หลังจากนั้นก็แยกกัน ชิวไป๋ซ่อนตัวอยู่ทางขึ้นบันได เมื่อได้ยินเสียงของรถยนต์ไกลออกไปแล้วถึงเดินออกมาที่ทางเดิน
วันถัดมา สภาพอากาศก็มีหิมะตกอีกแล้ว โลกถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวเป็นผืนเดียว มีกลิ่นอายของฉากจากนิทานสำหรับเด็กสองสามเรื่อง ชิวไป๋กะพริบตา ได้ยินเสียงเคาะประตูที่เลือนรางก่อนจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เธอเด้งตัวขึ้นมา พลางหยิบมือถือขึ้นดูก่อนจะพบว่ามีสายเรียกเข้ายังไม่ได้รับของติงยียีสองสามสายแล้วยังมีข้อความอีกอันหนึ่ง
เธอเปิดประตูออก มองเห็นติงยียีที่ยืนห่อตัวราวกับเป็นก้อนหิมะที่หน้าประตูบ้านของเธอ เมื่อยอมให้เข้ามาแล้ว ติงยียีก็พูดเสียงสั่น : “ชิวไป๋บ้านของเธอหนาวจริงๆ เลย”
ชิวไป๋เอาผ้าห่มไฟฟ้ามาเพิ่มความร้อน แล้วถือโอกาสรินกาแฟร้อนมาให้เธอ “ฉันคิดว่าทั้งเมืองตงเจียงก็หนาวเหมือนกันหมดนั่นแหละ”
เพิ่งพูดจบ ติงยียีก็เข้ามาใกล้ด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ : “ชิวไป๋ เธอรู้ไหมว่าที่ไหนมีขายบ้านบ้าง?”
“เธอจะซื้อบ้านเหรอ?” ชิวไป๋รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย ตระกูลเย่ที่มีอสังหาริมทรัพย์ทั้งใหญ่เล็กมากมายขนาดนั้น แค่เธอเอ่ยปากพูดไม่ใช่ว่าก็ได้สักหลังแล้วเหรอ? แต่เธอก็รู้นิสัยของติงยียีที่จะไม่ยอมเอ่ยปากขอเป็นอันขาด
“ฉันเห็นด้วยที่เธอจะซื้อบ้าน ไม่ว่ายังไงตอนนี้เธอก็เป็นบุคคลสาธารณะ จริงๆ แล้วควรจะต้องอยู่ในที่ที่เหมาะสมสักหน่อย” ชิวไป๋ว่าพลางจิบกาแฟ
ติงยียีหัวเราะ : “ประเด็นคือพ่อของฉัน ฉันอยากให้เขามีสภาพแวดล้อมที่ดีสักหน่อย เพราะงั้นวันนี้เธอไปดูอสังหาริมทรัพย์กับฉันได้ไหม? ฉันกังวลว่าตัวเองจะดูไม่เป็น”
ชิวไป๋ลังเลนิดหน่อย วันนี้เธอมีนัดกับเย่เนี่ยนโม่แล้ว ถ้าหากว่าบอกกับติงยียีไป ก็ต้องกังวลกับความคิดอันวุ่นวายของเธออีก ถ้าอย่างนั้นซ่อนเอาไว้ก็สิ้นเรื่อง “เช้านี้ฉันมีธุระแล้วล่ะ ไปตอนบ่ายกันเถอะ เดี๋ยวตอนบ่ายฉันไปกับเธอเอง”
เมื่อเธอบอกไปแบบนั้น ติงยียีก็แสดงสีหน้ารู้สึกผิดออกมา คิดว่าตนเองไปรบกวนเวลาของเธอ จึงตอบรับในทันที กำลังจะลุกขึ้นบอกลา ชิวไป๋ขมวดคิ้ว : “ช่วงนี้เธอนอนไม่ค่อยหลับหรือ? เธอดูโทรมมากเลยนะ”
ติงยียีผงะไป ก่อนจะเหลือบตาไปส่องกระจกโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ข้างๆ เธอในกระจก ใต้ตาเป็นสีเข้ม สีหน้าไม่ค่อยดีนัก เผยความหม่นหมองออกมานิดๆ
“ฉันไม่เป็นไร แค่ช่วงนี้นอนไม่ค่อยพอน่ะ” ติงยียีก็ไม่อยากที่จะคุยเรื่องที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเสียใจ ไม่อยากที่จะนึกถึงคนที่ทำให้ตัวเองฝันถึงตลอดเวลา แทบจะบอกลาชิวไป๋อย่างเร่งรีบ
ชิวไป๋มองไปยังประตูที่ปิดอยู่ มีหัวข้อที่จะคุยกับเย่เนี่ยนโม่เพิ่มเข้าไปอีกอย่างหนึ่งแล้ว ในห้องน้ำชา มีพนักงานบริการคนหนึ่งกำลังจะเข้ามาเติมชาในห้องน้ำชา หนุ่มหล่อคนหนึ่งก็ขวางเธอเอาไว้ “ขอบคุณ ไม่ต้องบริการ”
พนักงานบริการแอบมองหนุ่มหล่อคนนี้อยู่สองสามครั้ง ก่อนจะหมุนตัวกลับไป เย่ป๋อหันหน้ากลับมามองประตูที่ปิดสนิททีหนึ่ง
ภายในห้องน้ำชา กลิ่นของชาร้อนที่ลอยออกมาทำให้ห้องเกิดความอบอุ่นนิดๆ เย่เนี่ยนโม่จิบชาเบาๆ พูดว่า : “ถ้าว่าตามที่คุณเพิ่งบอกมานั้น ผมสามารถสร้างบริษัทการแสดงที่มีแค่เปลือกนอกออกมาช่วยเธอเมื่อไหร่ก็ได้