สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – บทที่ 1496 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1396

บทที่ 1496 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1396

“พวกนายอยู่ด้วยกันตลอดเวลา?” น้ำเสียงของเมิ่นเจ๋ค่อนข้างแหบ เส้นเลือดตรงขมับกระตุกขึ้นกะทันหัน กระตุกจนเธอปวดหัว

“คิดอะไรเนี่ย พอแล้วไม่พูดแล้ว เธอพึ่งตื่นฉันไปช่วยเธอเก็บกวาดก่อนนะ” ไห่โจ๋ซวนฟังเสียงในสายที่หายไปกะทันหัน วางสายไปโดยที่อารมณ์ดีมาก

เย่เนี่ยนโม่รักติงยียี เขาจะให้เย่เนี่ยนโม่เจ็บปวด ให้ตระกูลเย่เจ็บปวด ก่อนอื่นก็ต้องให้ติงยียีเจ็บปวดก่อน

หลังจากที่ติงยียีทานอาหารกับไห่โจ๋ซวนเรียบร้อยแล้วก็ตรงไปที่บริษัทเย่ซื่อเลย ทั้งสองนัดกันแล้วว่าจะไปตีกอล์ฟด้วยกัน

ณ สนามกอล์ฟ เย่ป๋อรับโทรศัพท์แล้วก็เดินเข้าไปใกล้กับทั้งสอง “คุณชายครับ ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญทางอเมริกาเรียบร้อยแล้วครับ ได้นำขาเทียมมาด้วยแล้วครับ”

ไห่โจ๋ซวนพูดด้วยความแปลกใจว่า “ขาเทียม?”

เย่ป๋ออธิบายอยู่ข้างๆ “คุณชายเป็นห่วงอาการของคุณพ่อคุณยียีมาโดยตลอดครับ ครั้งนี้จึงสั่งทำขาเทียมที่อเมริกาโดยเฉพาะ แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญดูด้วย”

เย่เนี่ยนโม่ตีลูกเอซลงหลุม ไห่โจ๋ซวนเดินขึ้นหน้าพูดแนะนำว่า “ช่วงนี้นายลงทุนกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่งไม่ใช่เหรอ? นายทำแบบนี้หากคนอื่นรู้แล้วจะเป็นผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเธอหรือเปล่า ไม่ว่ายังไงแล้วตอนนี้เธอก็ถือเป็นบุคคลสาธารณะครึ่งหนึ่งอยู่”

เย่เนี่ยนโม่เงียบไป เขาคิดพิจารณาเยอะกว่านี้ ตอนนี้ศัตรูอยู่ในที่ลับเขาอยู่ในที่แจ้ง หากให้คนที่หวังร้ายรู้ว่าติงยียีคือจุดอ่อนของเขา พอถึงเวลาไปทำร้ายเธอก็แย่แล้ว

“เย่ป๋อไปจัดการ” เย่เนี่ยนโม่คิดอย่างรอบคอบถี่ถ้วนแล้ว บนใบหน้ากลับเงียบสงบ

“ฉันไปละกัน ฉันตกลงกับนายแล้วว่าจะดูแลเธอ” ไห่โจ๋ซวนพูด เย่เนี่ยนโม่วางไม้กอล์ฟแล้วพยักหน้า ในแววตาเต็มไปด้วยความเชื่อใจและความตื้นตันเล็กน้อย

ในกองถ่าย เสียงกรี๊ดของโม่ซวนหลินทำเอานกบนต้นไม้โบยบินไปหมด นี่คือฉากที่ถ่ายในน้ำ ม้าเหินหยวนที่แสดงโดยแพนด้าช่วยเชียนหิมะจากการจมน้ำ ทว่าผิดพลาดไปสี่ห้ารอบ แพนด้าเหมือนตั้งใจต่อต้านเธอ ทำผิดพลาดทุกครั้ง โม่ซวนหลินแช่อยู่ในน้ำไปประมาณสามสี่ชั่วโมง หนาวจนสั่นไปหมด สุดท้ายทนไม่ไหวคลานขึ้นมาบนพื้นดินแล้วพูดว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่ถ่ายแล้ว

ติงยียีก็สงสารแพนด้ามาก ในอากาศที่หนาวเย็นขนาดนี้มันก็แช่อยู่ในน้ำนานขนาดนั้นเช่นเดียวกัน ทันใดนั้นบรรยากาศในกองถ่ายเริ่มเย็นลง

แช่ถิงถิงพูดไกล่เกลี่ยอยู่ข้างๆ “หรือว่าให้คุณติงเป็นนักแสดงแทนครั้งหนึ่งไหมคะ? ฉันว่า รูปร่างของพวกเธอก็พอๆกัน น่าจะได้นะคะ”

หลังจากเธอพูดจบนัยน์ตาที่ไม่เห็นด้วยจากคนรอบข้างต่างก็มองมาทางตัวเอง เธอมองไปทางอันหรัน โยนจุดสนใจนี้ไปให้เขา พูดขึ้นว่า “อันหรันคุณคิดว่ายังไงล่ะ? ?”

ที่เธอพูดประโยคนี้เพราะอยากให้อันหรันสนับสนุนเธอ อยู่ในวงการบันเทิงมานานขนาดนี้ จุดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่จะช่วยเหลือกันและกัน อันหรันแค่ทำตามที่เขาพูดก็ได้แล้ว

แช่ถิงถิงและอันหรันเคยร่วมงานกัน รู้ว่าเขาฉลาด กำลังเตรียมตัวยิ้มตอบคำพูดของอันหรัน อันหรันพูดขึ้นว่า “ผมว่าน่าจะไม่ได้นะครับ ถึงแม้ว่ารูปร่างจะพอๆกัน แต่ว่าท่าทางและภาพลักษณ์โดยรวมต้องแตกต่างกันแน่นอนครับ”

แช่ถิงถิงได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้วได้แต่ยิ้มกลับอย่างอายโดยไม่พูดอะไร อันหรันก็เข้าใจดีว่าสิ่งที่ตัวเองพูดเมื่อกี้คนอื่นๆก็น่าจะรู้สึกว่ามีเหตุผล ทว่านักแดงเก่าอย่างแช่ถิงถิงและผู้กำกับหวูต่างก็รู้ว่า ฉากของemilyนั้นไม่สำคัญ ฉากที่อยู่ในน้ำสามารถใช้เอฟเฟกต์สร้างออกมาได้ แล้วค่อยตัดต่อภายหลังน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ทว่าเขาไม่อยากให้ติงยียีลงน้ำเย็นเท่านั้นเอง

ผู้กำกับหวูมองออกว่าเขากำลังปกป้องติงยียี โม่ซวนหลินที่อยู่ข้างๆพูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “ฉันว่าไม่เลวค่ะ ให้เธอมาเป็นนักแสดงแทนฉันละกัน”

ฉีเหวินมองดูอยู่ข้างๆอย่างชัดเจน แอบด่าเธอในใจ คนที่ซุปเปอร์สตาร์จะปกป้องเธอกลับมองไม่ออก สีหน้าของอันหรันเริ่มไม่พอใจแล้วจริงๆด้วย

“ฉันมาเป็นนักแสดงแทนละกันค่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะแอคติ้งไม่เก่ง แต่ว่าฉันจะพยายามค่ะ ขอโทษทุกคนจริงๆนะคะ แพนด้าสร้างความลำบากให้ทุกคนแล้วค่ะ” จู่ๆติงยียีก็พูดขึ้น

อันหรันด่าฝ่ายตรงข้ามว่าซื่อบื้ออยู่ในใจ ทว่าก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไม่ว่ายังไงแล้วเขาก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับการหลอกใช้ผู้อื่นมากเกินไป

ผู้กำกับหวูตบโต๊ะดัง “พอแล้ว! งั้นติงยียีเป็นนักแสดงแทน ทุกคนเตรียมตัว!”

เพราะว่าเสื้อผ้าการถ่ายทำมีจำกัด ชุดที่ติงยียีเปลี่ยนจึงเป็นตัวที่สวมอยู่บนตัวของโม่ซวนหลิน เสื้อผ้าที่ทั้งเปียกทั้งหนักสวมอยู่บนตัวของเธอ ลมเย็นพัดผ่านมาทำให้หนาวเข้าไปถึงกระดูก

เธอกัดฟันลงน้ำ แม่น้ำในเดือนสิบก็หนาวเย็นจนราวกับว่าสามารถแช่เลือดให้แข็งได้ เธอพยายามรักษาความสงบ ทำท่าตามที่ผู้กำกับหวูบอก

“คัท!” ผู้กำกับหวูโบกมือด้วยความผิดหวัง แข็งทื่อเกินไปแล้ว ติงยียีแสดงเป็นนักแสดงทั่วไปถือว่ายังใช้ได้ ทว่าหากจะแสดงเป็นนางรองนั้นยังต่างเกินไป

“คัท”

“คัท”

“คัท!”

อันหรันขมวดคิ้วมองติงยียีที่ตัวสั่นในแม่น้ำจากที่ไม่ไกล ขมวดคิ้วแน่น เขาเคยแช่อยู่ในแม่น้ำแบบนั้น รู้ว่าความหนาวแบบนั้นแม้กระทั่งผู้ชายก็ทนไม่ไหว เธออ่อนแอขนาดนั้น กลับยืนหยัดอดทนตลอด

“ก็แค่ถ่ายภาพข้างหลังไม่กี่ท่านิ ช้าจริงๆ ฉันหนาวจะตายแล้ว!” ทีมงานที่อยู่ข้างๆคนหนึ่งบ่นพึมพำอยู่ จู่ๆก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาที่แหลมคมจ้องตัวเองอยู่ข้างๆ เขาหันไปด้วยความสงสัย จนกระทั่งเห็นซุปเปอร์สตาร์ที่อ่อนโยนมาโดยตลอดแต่ในขณะนี้นัยน์ตาที่กำลังมองตัวเองกลับเหมือนกำลังมองศัตรูเลย เขาสั่นไปทั้งตัว แล้วปิดปาก

สวุเหวยเหรินก็รู้สึกสงสาร หาข้ออ้างแล้วจากไป เบอร์โทรศัพท์บริการของบริษัทเย่ซื่อนั้นหาไม่ยาก ผ่านไปไม่นาน ห้องทำงานของเย่ป๋อก็ได้รับสายเบอร์แปลก

“ฉันหาเย่เนี่ยนโม่” สวุเหวยเหรินมองดูติงยียีที่ถ่ายผิดพลาดอีกครั้งจากที่ไกล น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด

“สวัสดีครับ ผมคือเลขาของผู้จัดการเย่ครับ คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” เสียงที่เข้มขรึมในสายทำให้สวุเหวยเหรินที่หงุดหงิดรู้สึกสบายใจขึ้น

“ฉันตามหาเขาเพราะเรื่องของติงยียี” สวุเหวยเหรินพูดขึ้น

ในโทรศัพท์มีเสียงแผ่วเบาดังผ่านมาเป็นช่วงๆ ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงที่เข้มขรึมดังผ่านมา “ผมคือเย่เนี่ยนโม่”

“ติงยียีเจอความยากลำบากในกองถ่าย” สวุเหวยเหรินพูดตรงๆเลย

“แค่เพราะเรื่องนี้? เธอโตแล้ว สามารถจัดการเองได้” เย่เนี่ยนโม่ตรวจเอกสารไปด้วยพลางพูดไปด้วย

“แล้วแต่คุณ หากคุณเจอที่กองถ่ายเองคุณก็จะไม่พูดแบบนี้แล้ว” โทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้ง เย่เนี่ยนโม่ก้มหน้าลง มองตัวหนังสือในเอกสารไม่ลงแล้ว รีบลุกขึ้น พึ่งเดินออกมาจากบริษัทเย่ซื่อ เย่ป๋อก็ได้ขับรถออกมาจากโรงจอดรถแล้ว

“ฉันคิดว่าฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้นาย” เย่เนี่ยนโม่ยักคิ้ว เย่ป๋อยิ้มอย่างมีความสุข “งั้นผมจะเลี้ยงข้าวคุณยียีนะครับ”

ในกองถ่าย ติงยียีหนาวจนสีหน้าเริ่มซีดม่วง ผู้กำกับทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว พูดขึ้นว่า “พักสิบนาทีก่อน เดี๋ยวค่อยถ่ายต่อ!”

ติงยียีลูบหัวของแพนด้า พูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขอโทษจริงๆนะ ให้แกหนาวไปพร้อมกับฉันเลย”

“พี่อัน!” ทีมงานตะโกนร้องด้วยความตกใจ อันหรันโดดลงน้ำโอบเอวของติงยียีแล้วอุ้มเธอขึ้นมา

โม่ซวนหลินมองอยู่ข้างๆ รู้สึกเสียใจ หากเมื่อกี้คนที่แช่อยู่ในน้ำคือตัวเอง งั้นก็สามารถลิ้มรสการอยู่ในอ้อมกอดของอันหรันแล้ว

ผิวที่เผยอยู่นอกเสื้อผ้าการถ่ายทำของติงยียีเย็นจนม่วง อันหรันรีบกอดเธอแน่น ไม่สนใจเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวเลยว่าจะเปียก

สวุเหวยเหรินได้เตรียมผ้าห่มที่หนาไวแล้ว อุ้มเธอขึ้นมาทั้งตัว เพราะว่าอีกสิบนาทีจะต้องถ่ายต่อ ดังนั้นเสื้อผ้าจึงไม่สามารถเปลี่ยนได้ ติงยียีสั่นไปทั้งตัวในผ้าห่ม

ผู้กำกับหวูรับสายโทรศัพท์ ทางสายพูดขึ้นว่า “คุณเย่ผู้ลงทุนภาพยนตร์เรามาเยี่ยมทุกคนแล้วครับ!”

รถคันหนึ่งจอดอยู่ข้างๆ มีคนยกกล่องฉนวนมาสองสามคน ผู้ช่วยรีบช่วยแจกซุปที่อยู่ในกล่องฉนวน

ทีมงานคนหนึ่งเปิดกล่องซุปออก พูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ทำไมคุณชายเย่ถึงส่งซุปขิงให้ทุกคนเนี่ย อากาศแบบนี้ถึงแม้ว่าจะหนาว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดื่มซุปขิงนิ”

ผู้กำกับหวูเป่าซุปขิงเบาๆ “มีซุปขิงให้ดื่มก็ไม่เลวแล้ว”

เย่ป๋อหยิบซุปขิงมาให้ติงยียีถ้วยหนึ่ง เธอจิบทีละคำ นัยน์ตาหยุดอยู่บนเย่เนี่ยนโม่โดยไม่รู้ตัว

เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้มองเธอ เดินไปยังตรงหน้ากล้องถ่าย ขยับกล้องอย่างชำนาญไปสักพัก ดูภาพที่ถ่ายทำเมื่อกี้ ผู้กำกับหวูแอบกังวลในใจ เขาเป็นผู้กำกับ ถ่ายทำขึ้นมาไม่สนหรอกว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผีหรือคน ทว่าเย่เนี่ยนโม่ก็ไม่เหมือนกันแล้ว ตัวเองทรมานติงยียีขนาดนี้ เขาจะปล่อยตัวเองไปหรอ?

“ผู้กำกับหวู ผมสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ตั้งใจอยากให้เป็นความสำเร็จครั้งแรกของศูนย์กลางการค้านานาชาติในเมืองตงเจียง” เย่เนี่ยนโม่พูดขึ้นอย่างลึกซึ้ง

“ผมถ่ายทำภาพยนตร์มาหลายเรื่องขนาดนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นเค้าโครงไอเดียหรือนักแสดงล้วนสามารถเข้าชิงรางวัลช่อดอกไม้ในปีนี้แน่นอนครับ” ผู้กำกับหวูพูดขึ้น

เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า “ผมว่าเค้าโครงเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงหน่อยน่าจะดีกว่านะครับ เชียนหิมะถูกมนุษย์ทำร้าย แล้วหลับใหลไปนับหมื่นปี”

“นี่…” ผู้กำกับหวูเข้าใจดี คุณชายเย่ไม่เพียงแต่ช่วยติงยียีรอดพ้นจากฉากนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือการเตือนโม่ซวนหลิน

แววตาของเย่เนี่ยนโม่กวาดสายตามา ผู้กำกับหวูตัดสินใจทันที “ความคิดนี้ของคุณชายเย่ไม่เลวเลยครับ”

ติงยียีได้รับข่าวว่าฉากเมื่อกี้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว พึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ได้ยินฉีเหวินและผู้กำกับกำลังถกเถียงด้วยเหตุผลกันอยู่ ส่วนเย่เนี่ยนโม่ไม่นั้นไม่อยู่แล้ว

“เขาไปแล้ว ไม่ต้องหาแล้ว” อันหรันพูดประชดอยู่ข้างๆ

“ฉันไม่ได้หาเขาสักหน่อย!” ติงยียีเก็บสายตากลับมา หลังจากที่ฉีเหวินคุยผู้กำกับหวูเรียบร้อยแล้วก็มาบอกเรื่องนี้กับโม่ซวนหลิน

“ทำไม! ทำแบบนี้กับฉันไม่ยุติธรรมเลย!” โม่ซวนหลินอดไม่ได้ พูดเสียงสูงปรี๊ด ต้องรู้ว่าหากเปลี่ยนบทแล้ว เธอที่มีฉากน้อยอยู่แล้วตั้งแต่แรก ตอนนี้น่าสงสารมากจริงๆ บทนางรองของเธอเกือบจะเหมือนกับนักแสดงที่คนอื่นๆที่มีเพียงสามสี่ฉากแล้ว

“แกจงพอใจเถอะ!” ฉีเหวินรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่เป็นตามที่หวัง คุณชายเย่เปลี่ยนบทเป็นแบบนั้นก็เหมือนกับบอกเธอทางอ้อมว่าหากกล้าทำอะไรมั่วๆอีกก็จะเก็บตัวเธอแบนตัวเธอ การที่บอกเธออ้อมๆ แบบนี้ถือว่าดีมากแล้ว ในวงการบันเทิงสิ่งที่ไม่ขาดก็คือคนใหม่!

เปลี่ยนบทไป ก็ไม่มีฉากของแพนด้าแล้ว ติงยียีหยิบอาหารที่แฟนคลับมอบให้แพนด้าเป็นรางวัลให้มัน มีรถบูกัตติคันหนึ่งจอดอยู่ข้างๆ

ไห่โจ๋ซวนลงจากรถแล้วเดินมาตรงหน้าเธอ “โจ๋ซวน? วันนี้คุณว่างมาด้วยหรอคะ?” ติงยียีถามด้วยความแปลกใจ

สวุเหวยเหรินปกป้องติงยียีอยู่ข้างหน้าอย่างเงียบสงบ ติงยียีในตอนนี้ก็เหมือนกับคนที่มองความชั่วร้ายของคนอื่นไม่ออกเลย เขาไม่สามารถปล่อยเธอไปโดยไม่สนใจได้

“ตอนนี้อยู่ระหว่างการถ่ายทำคนนอกห้ามเข้าครับ” สวุเหวยเหรินพูดอย่างเงียบสงบ

“พี่เหวยเหริน!” บนรถมีเงาของคนตัวเล็กโดดลงมา ผมลอนยาวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวมีผิวพรรณที่ขาวใส เหมือนดั่งตุ๊กตาเลย

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

Status: Ongoing

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท