ชิวไป๋เดินมากอดติงยียีไว้ พร้อมพูดกับเย่เนี่ยนโม่ว่า:“ฉันดูแลเธอเองค่ะ คุณไปเถอะ”
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าแล้วมองติงยียีอย่างลึกซึ้งทีนึง บังคับให้ตัวเองมองข้ามสายตาที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือของเธอแล้ววิ่งไปตามทิศทางที่ผู้หญิงหนีไป
ติงต้าเฉินวิ่งได้ไม่ถือว่าเร็ว แต่โชคดีที่ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าก็วิ่งได้ไม่เร็วเช่นกัน เห็นเธอวิ่งเข้าไปในปากซอยเล็กๆ แพนด้าได้วิ่งตามไปก่อน
จู่ๆมีเสียงปืนก้องมา ติงต้าเฉินตกใจ จากนั้นได้ถือไม้เท้ารีบวิ่งเข้าไปในซอย
ถูกบีบให้จนมุม หัวปืนดำสนิทในมือเธอได้เล็งเจ้าแพนด้าไว้
“แพนด้า กลับมา!”ติงต้าเฉินรีบเรียกแพนด้ามาที่ข้างกายตัวเอง ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน มือของติงต้าเฉินสั่นเล็กน้อย
ผู้หญิงเห็นแล้วได้มองเขาด้วยความเยาะเย้ย พร้อมทั้งเขยิบตัวไปที่ปากซอยอย่างระมัดระวัง ติงต้าเฉินกัดฟัน ในใจคิดถ้าให้เธอหนีไป วันข้างหน้าผู้หญิงคนนี้มาเล่นงานลูกสาวตัวเองอีกจะทำยังไง
ผู้หญิงคิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนั้นจะกระโจนมาจริงๆ เธอตกใจจนมือลั่น เสียงปืนได้ดังขึ้น หัวปืนสีดำมีเขม่าปืนฟุ้งอออกมา จากนั้นมือของเธอได้ถูกคนจับขึ้นไปสูงๆ
เย่เนี่ยนโม่มองเธออย่างเย็นชา“คุณลุงไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
ติงต้าเฉินถือไม้เท้าเดินมาข้างหน้า สีหน้าแววตาที่มองเย่เนี่ยนโม่ค่อนข้างตะลึงและละอายใจ ฉากเมื่อกี๊ช่างอันตรายจริงๆ อีกนิดเดียวก็จะยิงใส่เย่เนี่ยนโม่แล้ว
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า จากนั้นได้ใช้มือข้างนึงจับผู้หญิงไว้ มืออีกข้างดึงหมวกของเธอออก ผมที่ยาวสลวยได้ทิ้งตัวลงมา เขาหรี่ตาลงอย่างอันตราย“Emily?”
โม่ซวนหลินมองหน้าเขาอย่างหวาดผวา ปืนที่ถืออยู่ในมือได้ตกลงไปที่พื้น แววตาของเย่เนี่ยนโม่แฝงด้วยความอันตรายขั้นสุด
เวลานี้ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงก้องมา ชายเสื้อดำหลายคนได้วิ่งมา เย่ป๋อก้าวมาข้างหน้า“คุณชายไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า ชายเสื้อดำหลายคนได้เดินมาจับโม่ซวนหลินไว้ เธอทั้งตกใจทั้งหวาดผวา คอยตะโกนอย่างเสียงดัง“ขอร้องคุณล่ะ อย่าจับฉันเลย ฉันสำนึกผิดแล้ว”
“คุ้มกันเธอให้ดีๆ”เย่เนี่ยนโม่พูดเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นที่เขาพยักหน้าให้ติงต้าเฉิน ก็ได้นั่งเข้าไปในรถที่บอดี้การ์ดขับมาแล้วจากไปอย่างไม่มีการลังเล
“เขาไม่เป็นไรใช่มั้ย”ติงต้าเฉินค่อนข้างเป็นห่วง หลังจากผ่านเรื่องเมื่อครู่นี้ ทำให้ท่าทีที่เขามีต่อเย่เนี่ยนโม่ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เย่ป๋อปลอบใจเขา“คุณลุง ไม่เป็นไรครับ คุณชายไม่ชอบให้บอดี้การ์ดติดตาม แต่บอดี้การ์ดของตระกูลเย่ก็ไม่ใช่ย่อยหรอกครับ”
เย่ป๋อกลับมายังที่เหตุเกิดพร้อมติงต้าเฉิน ติงยียีเห็นพ่อตัวเองปุ๊บก็ได้เดินมาหา“พ่อ พ่อมาได้ไงคะ?!”
ติงต้าเฉินกับเย่ป๋อต่างก็เลือกที่จะปิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เอาไว้ เย่ป๋อได้พูดว่า“คุณยียี ผมพาคุณไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลครับ”
“เขาล่ะ?”ติงยียีเพ่งมองเขา ในใจยิ่งอยู่ยิ่งร้อนรน พร้อมทั้งได้พูดเสริมว่า“ตอนนี้ฉันอยากเจอเขา เขาอยู่ไหน?”
เย่ป๋อรู้อารมณ์ของเธอดี แต่กลับไม่สามารถเปิดเผยที่ๆคุณชายไป ได้แต่พูดซ้ำว่า:“คุณยียี ผมพาคุณไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลก่อนดีกว่าครับ”
ชิวไป๋เดินมาปลอบเธอ“เราไปโรงพยาบาลกันก่อนดีกว่า เขาจะต้องมีธุระต้องทำแน่นอน ฉันเชื่อว่าเดี๋ยวทำธุระเสร็จเขาจะต้องมาหาเธอแน่นอน”
แววตาที่เย่ป๋อมองมาที่เธอแฝงด้วยความซาบซึ้งเสี้ยวนึง เธอรีบหันหน้าหลบหลีกสายตาของเขา ติงยียีไม่อยากให้คนที่เป็นห่วงเธอเสียใจ จึงได้พยักหน้า
ผู้กำกับก็อนุญาติให้ลางาน ชิวไป๋กำลังจะไปขับรถ เย่ป๋อผายมือแล้วชี้รถสีดำที่จอดอยู่ห่างออกไปหลายเมตร พร้อมทั้งพูดว่า:“ขับคันนั้นครับ”
ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถสีดำยังมีรถคอยประกบอยู่สองคัน บอดี้การ์ดคนนึงได้เปิดประตูรถให้กับติงยียี เธอเห็นเขาค่อนข้างเคร่งขรึม นี่ถึงนึกขึ้นได้ว่าตอนที่มีข่าวกับอันหรัน เคยมีบอดี้การ์ดสองคนโผล่ที่ๆพักเธอ ตอนนั้นพวกเขาบอกว่าไห่โจ๋ซวนส่งมาคุ้มกันเธอ ที่แท้คือเย่เนี่ยนโม่นี่เอง
เธอบอกไม่ถูกว่าในใจตัวเองมีความรู้สึกยังไง มีความซึ้ง มีความประหลาดใจ เธอสูดหายใจลึกๆทีนึงถึงทำให้อารมณ์สงบลงมา
รถขับเคลื่อนอย่างช้าๆ รถสองคันที่อยู่ด้านหลังและด้านหลังคอยขับตามรถคันกลางอย่างช้าๆ ชิวไป๋หันไปขึ้นรถแม่บ้านของตัวเอง พอประตูรถเปิดปุ๊บ เย่ป๋อก็ได้นั่งเข้าไปในรถเฉยเลย
“ทำไมคุณไม่ไปนั่งรถคันพวกนั้นคะ”ชิวไป๋ค่อนข่างตื่นเต้น พอนึกถึงทั้งสองคนต้องอยู่ในพื้นที่ๆมิดชิดและหายใจจากอากาศแผ่นเดียวกัน เขาใกล้กับเธอมาก แขนแนบอยู่ข้างกาย เธอแค่ยื่นมือก็สามารถเอื้อมถึงแล้ว
“ไปกันเถอะ”จู่ๆเย่ป๋อได้ไปหมุนวิทยุ เสียงดนตรีที่ดังขั้นมากะทันหันทำทั้งสองตกใจหมด ในที่สุดชิวไป๋ก็ได้หันหน้ามองมองเขา และเห็นแววตาที่อึดอัดของเขาอย่างชัดเจน
“คุณกำลังตื่นเต้น?”เธอเพิ่งถามออกมาก็รู้สึกเสียใจเลย แต่เสียดายบนโลกใบนี้ไม่มียาย้อนเวลา เย่ป๋อแค่ประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ยอมรับอย่างไว“อยู่กับคุณแล้วผมชอบตื่นเต้นครับ”
ชิวไป๋กัดริมฝีปาก ริมฝีปากที่ทาลิปสีชมพูไว้ถูกกัดจนเป็นรอย เธอค่อยๆขับรถไปที่โรงพยาบาล พร้อมทั้งแกล้งพูดอย่างไม่แคร์ว่า:“งั้นก็อย่าอยู่ด้วยกันสิคะ”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ”ทันใดนั้นมือของเย่ป๋อได้ยื่นมือไปจับแขนที่เธอจับพวงมาลัยไว้ เธอรู้สึกมือตัวเองเหมือนถูกลวกยังไงอย่างงั้น
เธอปล่อยมือออกกะทันหัน รถได้เสียหลักอยู่ข้างถนน เย่ป๋อรีบเอียงตัวจากเบาะนั่งข้างคนขับไปบังคับพวงมาลัย เสียงดัง“เอี๊ยด”เสียงนึง จากนั้นรถได้จอดลง
ชิวไป๋นั่งหายใจหอบอยู่ที่เบาะนั่งฝั่งคนขับ เธอกดปุ่มเลื่อนกระจกลง สายลมเย็นพัดเข้ามา“ขอโทษค่ะ”
เธอรู้สึกตัวเองสงบสติอารมณ์ได้แล้ว อยากจะสตาร์ทรถใหม่อีกครั้ง แต่มือของเย่ป๋อได้จับพวงมาลัยไว้แล้วมองเธอด้วยสายตาเศร้า“ผมชอบคุณ”
“บึ้ม”คำว่าผมชอบคุณก็เหมือนเมฆรูปเห็ดที่ลอยขึ้นสู่ฟ้าหลังจากที่นิวเคลียร์ระเบิด จู่ๆชิวไป๋รู้สึกขำ เธออายุ32แล้ว อีกไม่นานก็จะย่างเข้า33แล้ว เธอได้เตรียมใจที่จะอยู่เพียงลำพังทั้งชีวิตแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีคนมาบอกรักเธอ
“ปีนี้ฉันอายุ32แล้ว”เธอก้มหน้ามองดูเล็บของตัวเอง เธอมีความเคยชินอย่างหนึ่ง ตอนที่ตัดเล็บมักจะตัดเข้าไปลึกเกินไป เธอถูขอบเล็บไว้ คอยสัมผัสความเจ็บจี๊ดที่ส่งมาจากขอบเล็บ
เย่ป๋อนั่งกลับมาที่เบาะนั่งข้างคนขับ“ผมรู้ครับ”
เธอค่อนข้างประหลาดใจกับความสงบนิ่งของเขา เธอเงยหน้ามองเขาแว๊บหนึ่ง จากนั้นก็ได้ดึงสายตากลับอย่างไว
“ผมไม่แคร์”เย่ป๋อโตมาจากค่ายทหาร เขาหยอดคำหวานไม่เป็น ได้แต่พยายามสื่อสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาให้ชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าชิวไป๋ไม่รู้ เธอแค่รู้สึกคำว่าไม่แคร์มันลวกๆเกินไป เธอเลียริมฝีปากแห้ง“แต่ฉันแคร์ค่ะ ฉันอายุ32แล้ว อาจจะมีลูกไม่ได้แล้ว เนื่องจากทำงานหนักเลยแก่เร็วมาก หุ่นของฉันจะเสีย หน้าอกจะยานและจะกลายเป็นป้าแก่คนนึง”
เขาเห็นความเศร้าที่เข้มข้นจนเจือจางไม่ได้จากแววตาเธอ จู่ๆรู้สึกอยากปกป้องเธอมาก เขาเอียง ยื่นมือเอาศีรษะเธอมาซบที่ไหล่ตัวเอง
เธอซบไปอย่างเชื่อฟัง กลิ่นน้ำหอมบนตัวเธอได้อบอวลอยู่ในรถ
เขาตื่นเต้นจนไม่กล้าขยับตัว ได้แต่ทวนซ้ำว่า“ผมไม่แคร์”
ชิวไป๋ซบที่ไหล่ของเขาและส่งเสียงหัวเราะออกมา เธอนั่งตัวตรงและจ้องมองเขา ความอ่อนแอที่อยู่ในแววตาได้ถูกอำพรางเรียบร้อย เธอเอ่ยว่า:“โอเค ฉันรู้แล้วค่ะ”
เขารู้ว่านี่เป็นนัยที่จะจบสิ้นการสนทนา ทั้งสองเงียบไปพักนึงแล้วได้สตาร์ทรถใหม่
โรงพยาบาล
ติงยียีถูกบังคับให้เช็คร่างกาย พอเธออยากจะปฏิเสธ เย่ป๋อก็จะพูดว่า“อย่าให้คุณชายต้องเป็นห่วงเลยนะครับ”
จัดการเรื่องของติงยียีเสร็จ ถึงแม้เขายังอยู่กับชิวไป๋อีกสักพัก แต่แนวความคิดที่ภักดีตั้งแต่เล็กจนโตทำให้เขาคำนึงถึงคุณชายก่อนเป็นอันดับแรก
เย่ป๋อให้บอดี้การ์ดคุ้มกันติงยียีดีๆ จากนั้นได้ไปที่ๆคุณชายอยู่อย่างเร่งรีบ เย่เนี่ยนโม่มีบ้านหลังนึงอยู่ที่ชานเมืองของเมืองตงเจียง เขารู้ว่าคุณชายน่าจะอยู่ที่นั่น
เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย ตอนที่เขาผลักประตูบ้านออก ด้านในมีเสียงของแตกร้าวก้องมา เขาตกใจแล้วรีบผลักประตูเข้าไป
เย่เนี่ยนโม่นั่งอยู่ในห้อง บนตัวเขาได้เปลี่ยนมาเป็นชุดลำลองเรียบร้อยแล้ว รอบๆมีบอดี้การ์ดยืนอยู่สองคน โม่ซวนหลินเขวี้ยงปาข้าวของที่อยู่รอบๆที่สามารถมองเห็น สีหน้าท่าทางเหมือนบ้าไปแล้ว
“เธอนึกว่าแกล้งบ้าก็จะสามารถหลอกให้ผ่านพ้นไปได้งั้นหรอ?”เย่เนี่ยนโม่พูดจาเรียบเฉย
โม่ซวนหลินสีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นได้ตามมาด้วยก้มหน้า“ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดอะไรอยู่?”
“ที่จริงฉันรู้ว่าใครเป็นคนบงการเธอ”เขามองเธอด้วยสีหน้าเยาะเย้ย และพูดอย่างช้าๆ เหมือนกำลังเพลิดเพลินใจกับการลงทัณฑ์อีกฝ่ายให้ทรมานตาย
“นายรู้!”โม่ซวนหลินประหลาดใจสุดๆ พอสงบสติอารมณ์ได้ เธอรู้ถ้าเธอแฉอ้าวเสว่ออกมา งั้นก็ไม่มีใครสามารถช่วยตัวเองได้แล้ว ถ้ากัดฟันอดทนไว้ไม่แน่อาจจะยังมีทางรอดอยู่
“ไม่!ฉันทำเอง ฉันทำเพราะหมั่นไส้ติงยียี”โม่ซวนหลินหลบสายตาเขา ริมฝีปากขยับอย่างไว
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วแน่น เท่าที่เขารู้จักกับโม่ซวนหลิน ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่คนที่มีคุณธรรมเด็ดขาด
จู่ๆเสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น เย่ป๋อเดินมาที่ตรงหน้าเขาแล้วพูดเสียงต่ำ:“คุณชายครับ สายเรียกเข้าจากคุณอ้าวเสว่ครับ”
จู่ๆโม่ซวนหลินที่อยู่ข้างๆตาเปล่งประกาย เย่เนี่ยนโม่จำสีหน้าของเธอไว้ในใจ เขาหยิบมือถือขึ้นมาอย่างสงบเยือกเย็น“ฮัลโหล”
“เนี่ยนโม่ ฉันท้องค่ะ”เสียงของอ้าวเสว่ก้องมาจากมือถืออย่างชัดเจน แขนของเย่เนี่ยนโม่ชะงักเล็กน้อย จากนั้นทั้งขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า“คุณอยู่ไหน?”
หลังจากวางสาย เขาได้ลุกขึ้นมาฉับพลัน สีหน้าแววตามีความหงุดหงิดและความประหลาดใจเสี้ยวนึง เขาสั่งการด้วยเสียงทุ้มต่ำ“เตรียมรถ”
บอดี้การ์ดคนนึงได้พยักหน้าแล้วเดินออกไป สายตาของเย่ป๋อได้มองไปที่โม่ซวนหลิน สีหน้าแววตาเคร่งขรึม จากนั้นได้ถามเสียงต่ำว่า:“จะให้คนจับตาดูเธอไว้มั้ยครับ?”
เย่เนี่ยนโม่หันไปมองเธอ ในใจคิดเธอก็หนีไปไม่ได้ จากนั้นจึงได้หันหลังจากไป ไม่นานบ้านที่กว้างขวางก็เงียบสงบลงมา โม่ซวนหลินทรุดลงไปที่พื้น ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงเปิดลูกบิดประตู
“อ้าวเสว่!”เธอลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“เพี๊ยะ!”เธอกุมหน้าไว้พร้อมถอยหลัง อ้าวเสว่วางมือลงและจ้องเธออย่างโหด แก้มของเธอยังบวมเล็กน้อย ดูแล้วยิ่งมีความดุร้ายขึ้น
“เธอนี่ความสามารถในการทำให้งานสำเร็จนี่ไม่มี แต่ความสามารถในการทำลายงานนี่มีเหลือเฟือซะจริงๆนะ ถึงกับมาทำลายแผนการของฉัน”อ้าวเสว่แค่นึกถึงเพื่อช่วยโม่ซวนหลินแล้ว ถูกบีบให้ใช้เรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์หลอกล่อให้เย่เนี่ยนโม่ไปก็โมโหขึ้นมาทันที
โม่ซวนหลินรู้สึกกล้ำกลืนสุดๆ“ฉันทำแบบนั้นก็มีผลดีกับเธอเหมือนกันนะ!”เธอร้องห่มร้องไห้ คอยพึมพำว่าจะแฉเรื่องทั้งหมดออกมาและพินาศไปพร้อมๆกับอ้าวเสว่