ติงยียีรีบพยักหน้า บ้านยังไม่ทันได้เข้าไป ก็วิ่งมาหาเขา พูดอย่างดีใจว่า “คุณต้องเป็นคนแรกที่เป็นฝ่ายขอออกจากโรงพยาบาล”
เย่ชูหวินมองเธออย่างอ่อนโยน อยากจะบอกเธอว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อวางแผนสารพัดที่จะหาโอกาสจะได้อยู่กับเธอ แต่ในใจกลับรู้ดีว่าหลังจากพูดออกไปผลลัพธ์อาจจะทำให้เธอยิ่งทำตัวไม่ถูกมากขึ้น
ภายในโรงพยาบาล คุณหมอมองดูประวัติ “คุณมีประวัติการรักษาอยู่ที่ลอสแองเจลิส พวกเราแนะนำว่าคุณกลับไปรักษาที่ลอสแองเจลิสจะดีกว่านะครับ”
เย่ชูหวินยิ้มอ่อน “คนที่ผมรักอยู่ที่นี่ ดังนั้นผมจึงต้องมารักษาที่นี่”
มีศีรษะใครบางคนโผล่มาจากด้านนอก เห็นเย่ชูหวินกวักมือเรียกเธอ ติงยียีก็แลบลิ้นปลิ้นตาเดินเข้ามา
“คุณหมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร” หน้าตาของเย่ชูหวินอ่อนโยน แต่เมื่อหันกลับไปมองคุณหมอสายตาก็มีความวิงวอนขอร้องอย่างมีเลศนัย
ใจของติงยียีว้าวุ่นสับสน เธอจ้องมองคุณหมออย่างกังวล “เป็นอย่างนี้จริงเหรอคะ”
คุณหมอได้แต่พยักหน้า พวกเขาเห็นความเป็นความตายมามากมายเหลือเกิน คนไข้หลายคนไม่อยากให้คนในครอบครัวหรือคนรักรู้จึงให้พวกเขาโกหก นี่ก็เป็นความรักประเภทหนึ่ง “กลับไปพักผ่อนเถอะครับ จำเป็นต้องทานสารอาหารที่มีประโยชน์ให้ตรงเวลาด้วยนะครับ”
คุณหมอกำชับอย่างหนักแน่น เย่ชูหวินพยักหน้ากับเขา ออกจากห้องแล้ว ติงยียีถอนหายใยอย่างโล่งอก สำหรับเธอแล้ว คุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไร เธอก้มลงมองที่แขนเขา “คุณผอมเกินไปแล้ว มีโอกาสฉันจะแสดงฝีมือทำอาหารอร่อยๆให้คุณทาน ขุนคุณให้อ้วนๆ !”
ภายในโรงพยาบาลมีคนเดินไปมา เอะอะวุ่นวาย แต่คำพูดที่ดังฟังชัดของเธอทะลุเข้าไปในหูของเขา เขายิ้มอย่างดีใจ “ได้เลย”
ตอนที่ทั้งสองกำลังออกจากประตูโรงพยาบาล จู่ๆติงยียีก็เอามือกุมที่ท้องบอกว่าอยากจะเข้าห้องน้ำเย่ชูหวินเห็นเธอกระโดดโลดเต้นไปหาห้องน้ำ ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
รถยนต์คันหนึ่งมาจอดที่หน้าโรงพยาบาล เขาหยีตามองป้ายทะเบียนที่คุ้นเคย ประตูรถเปิดออก อ้าวเสว่เดินลงมา จากนั้นก็มีบอดี้การ์ดและคนรับใช้ตระกูลเย่สองคนตามลงมาจากรถอีก.
บอดี้การ์ดสองคนคอยคุ้มกันข้างกายอ้าวเสว่ คนรับใช้อีกคนถือกระเป๋าของเธอ คนหนึ่งประคองเธอ คนกลุ่มนี้เดินเข้ามาในห้องโถงของโรงพยาบาล
คนกลุ่มนี้ไม่ได้สังเกตเห็นเย่ชูหวินที่อยู่ด้านหลังชั้นวางหนังสือพิมพ์ เพิ่งเข้ามาในห้องโถง คนรับใช้คนหนึ่งก็เริ่มโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ ท่านผู้อำนวยการ อืม ใช่ค่ะ คือคุณอ้าวเสว่”
ไม่นานก็วางสาย อ้าวเสว่ลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นมีเด็กคนหนึ่งวิ่งมา เกือบจะชนอ้าวเสว่ ตอนที่เด็กจะวิ่งมานั้นบอดี้การ์ดสองคนรีบมาคุ้มกันตรงหน้าเธอ
อ้าวเสว่โบกมือให้เด็กผู้ชายที่ถูกทำให้ตกใจคนนั้น “จริงๆแล้วไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ พวกนายทำให้เด็กคนนั้นตกใจแล้ว”
“ยังไงก็ต้องระวังไว้หน่อยครับ คุณนายให้พวกเราดูแลคุณให้ดี อย่างไรเสียช่วงแรกเป็นช่วงสำคัญที่สุดที่ต้องดูแลเด็กให้ดี
คนกลุ่มนี้พูดคุยไปพลางเดินไปทางห้องรับรองพลาง เย่ชูหวินมีความสงสัยในใจ อ้าวเสว่ท้องแล้ว ลูกของใคร คุณนายหมายถึงคุณป้าเหรอ
ความสงสัยมากมายวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเขา เขามองดูนาฬิกาข้อมือ รีบทิ้งข้อความให้ติงยียี ตามไปอย่างเงียบๆ
ห้องตรวจเฉพาะทาง ผู้อำนวยการคลำที่ท้องของเธอ ยิ้มพลางเอ่ยว่า “เด็กในท้องแข็งแรงมาก”
อ้าวเสว่พยักหน้าอย่างใจลอย ท้องของเธอค่อยนูนขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว และเด็กในท้องก็ไม่ใช่ลูกเธอกับเย่เนี่ยนโม่ ถ้าไม่อาศัยเด็กคนนี้เข้าตระกูลเย่ เธอก็ไม่ต้องเด็กไว้ เด็กคนนี้ก็เป็นเหมือนมลทินในชีวิตของเธอ
“ใช่แล้ว คุณชายเย่ไม่ได้มาด้วยเหรอครับ” ผู้อำนวยการ เขียนรายงานการตรวจพลางถามขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
อ้าวเสว่สีหน้าอึ้งๆ ได้แต่ตอบว่า “เขายุ่งมากค่ะ อีกอย่างเดือนหน้าพวกเราก็จะแต่งงานกันแล้ว ปัง!”
จู่ๆด้านนอกก็มีเสียงดังขึ้น พยาบาลในห้องรีบวิ่งไปดู ที่ระเบียงทางเดินว่างเปล่า ไม่มีใครสักคน
บ้านตระกูลเย่ เย่ชูฉิงวนไปวนมาอยู่ในห้องของพี่ชาย สุดท้ายก็พูดว่า “พี่คะ ถ้าเดือนหน้าพี่กับพี่อ้าวเสว่หมั้นกัน อย่างงั้นเธอก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพวกเราเหรอคะ”
ปากกาในมือเย่เนี่ยนโม่กำลังลงชื่อในเอกสารอย่างคล่องแคล่ว ตอบรับด้วยเสียงเบาๆ เย่ชูฉิงรวบรวมความกล้า “แล้วพี่ยียีจะทำยังไงล่ะคะ”
เย่เนี่ยนโม่ชะงัก เพียงแค่เอ่ยถึงเธอ เขาก็ไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้ เย่ชูฉิงร้อนใจแล้ว “หรือว่าพี่จะเลิกกับพี่ยียีจริงๆเหรอคะ”
“พี่ไม่มีทางเลิกกับเธอ” เย่เนี่ยนโม่เงยหน้าขึ้นมาอย่างแรง เย่ชูฉิงตกใจสีหน้าที่น่ากลัวของเขาจนถอยหลังไปสองสามก้าว ในใจยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลขึ้นมาไม่หยุด นี่คือเงื่อนตาย พี่อ้าวเสว่ท้องแล้ว พี่จะต้องแต่งงานกับเธอแน่นอน แต่คนที่เขารักคือพี่ยียีนะ
“เย่เนี่ยนโม่!” เสียงโกรธเกรี้ยวดังมาจากบันไดประตูถูกเปิดอย่างแรง เย่ชูหวินเดินเข้ามาด้วยความโมโห
“พี่ชูหวิน” เย่ชูฉิงเห็นเขาพุ่งเข้าไปจะต่อยพี่ชาย ก็รีบไปเกาะแขนเขาไว้ เย่ชูหวินกำลังโกรธจนหน้ามืด สะบัดแขนอย่างแรง เย่ชูหวินเซถลาล้มลงชนเข้ากับโต๊ะ
“พอแล้ว!” เย่เนี่ยนโม่เดินไปตรงหน้าเขา พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ไม่คิดบ้างเหรอว่าสภาพร่างกายนายตอนนี้เป็นยังไง ถ้าอาการกำเริบขึ้นมาจะทำยังไง”
“ถ้าแกกล้าผิดต่อติงยียี ต่อให้ฉันตายก็ไม่ปล่อยนายไว้” เย่ชูหวินพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อว่า “นายจะแต่งงานกับอ้าวเสว่เหรอ”
“ถูกต้อง” เสียงเย่เชินหลินดังมาจากด้านหลัง เขากวาดสายตามาที่พวกเขาสองคนอย่างดุดัน “เขาต้องรับผิดชอบในเรื่องที่ตนเองทำ”
เซี่ยชีหรั่นมองพวกเขาอย่างกังวล เธออยากจะเดินไปข้างหน้า แต่กลับเซไปด้านหลัง เย่เชินหลินตกใจมาก รีบไปอุ้มเธอไว้ได้ทัน
ภายในห้องกว้างใหญ่ เครื่องทำความชื้นกำลังทำงาน พ่นละอองน้ำออกมาด้านนอกไม่หยุด เย่เชินหลินกุมมือเซี่ยชีหรั่นไว้ไม่ปล่อย เขาไม่ขยับเขยื้อนแบบนี้มาสองชั่วโมงแล้ว
เซี่ยชีหรั่นค่อยๆขมวดคิ้วเข้าหากัน ลูกตาใต้เปลือกตาบางกลอกไปมาเบาๆ สัมผัสได้ถึงพละกำลังที่กระชับแน่นขึ้นที่ฝ่ามือ เธอลืมตาอย่างยากลำบาก
“แม่คะ!” เย่ชูฉิงร้องไห้พลางพุ่งตัวไป เย่ชูหวินและเย่เนี่ยนโม่เองก็รีบปรี่เข้าไป เซี่ยชีหรั่นฝืนยิ้มให้ทุกคน สุดท้ายสายตาก็มองไปยังเย่เชินหลิน
สีหน้าเย่เชินหลินย่ำแย่มาก ปรงที่มือเขาไม่ผ่อนลงเลยสักนิดเดียว เย่เนี่ยนโม่ส่งสายตาให้เย่ชูหวิน ลากเย่ชูฉิง ออกไปจากห้อง
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง เซี่ยชีหรั่นตบที่หลังมือเขาเบาๆ “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”
“งั้นคุณคิดว่าแบบไหนที่เรียกว่าเป็นอะไร” เย่เชินหลินหน้าดำคร่ำเครียด อดพูดอย่างโมโหไม่ได้ “หมอบอกว่าคุณวิตกกังวลมากเกินไป จนทำลายสภาพจิตใจ
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจ “ไม่กังวลใจได้เหรอคะ เรื่องงานแต่งของเนี่ยนโม่ เรื่องการป่วยของชูหวิน แล้วยังเรื่องชูฉิงกับโจ๋ซวน ยังมี···”
ยังพูดไม่จบ ริมฝีปากเธอก็ถูกอุดไว้แล้ว จนกระทั่งเธอหายใจไม่ออกแล้วจึงถูกปล่อย เย่เชินหลินนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แล้วจึงพูดอย่างหนักแน่นว่า “หลังจากเสร็จงานแต่งเนี่ยนโม่แล้วไปเที่ยวต่างประเทศกัน”
“ได้ยังไงคะ ตอนนี้ในบ้านมีเรื่องมากมายขนาดนั้น!” เซี่ยชีหรั่น รีบลุกขึ้น จากนั้นก็เวียนศีรษะจนอ่อนแรงล้มลงไปอีก
หัวใจของเย่เชินหลินที่เดิมสั่นไหวก็หนักแน่นมั่นคงขึ้นมา ย้ำอีกครั้ง เปิดลิ้นชักเอาแผนที่โลกยัดใส่ไว้ในมือของเธอทันที
ด้านนอก เย่ชูหวินสูดหายใจเข้าลึกๆ อวัยวะในหน้าอกเขาเต้นอย่างเร็วมาก เขายื่นมือเข้าไปหยิบขวดยาในกระเป๋ากางเกง มองเย่เนี่ยนโม่ตาไม่กะพริบ “ถ้านายทำผิดต่อเธอจริงๆ ฉันจะพาเธอไป”
“ฉันไม่มีทางปล่อยเธอ” เย่เนี่ยนโม่จ้องมองดวงตาเขา น้ำเสียงหนักแน่น เย่ชูหวินเหลือบมองเขา เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นต่อเนื่อง เบอร์โทรศัพท์ของติงยียีกะพริบขึ้นมาไม่หยุด
เย่ชูหวินมองเขาอย่างลึกซึ้ง แล้วหมุนตัวเดินจากไป เย่เนี่ยนโม่กลับห้องด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว เย่ชูฉิงตาเข้ามา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็พูดว่า “พี่ พี่เห็นจดหมายที่ฉันวางไว้ในกระถางต้นไม้แล้วใช่มั้ยคะ”
เย่เนี่ยนโม่เงยหน้าขึ้นมามองเธอ พยักหน้า เธอหมุนนิ้วอยู่ สีหน้ากังวลเล็กน้อย“ตอนนั้นฉันคิดจะไปหาพี่อ้าวเสว่เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เธอถอยออกตอนนั้นฉันเห็นลูกชายของน้าจิ่วจิ่วอยู่ในห้องของเธอ แต่ไม่รู้ว่าพูดอะไรกันฉันได้ยินไม่ชัด”
“เธอรู้ตัวมั้ยว่ากำลังพูดอะไรอยู่” เย่เนี่ยนโม่จ้องมองเธอ น้ำเสียงดุดัน เย่ชูฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า
เย่เนี่ยนโม่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ไม่นานก็มีเสียงเย่ป๋อดังมา เขาคิดไปคิดมา ก็วางสาย แปลกใจมาก ที่เขาไม่ได้ไปสืบ ก็เพราะเขารู้ดีถึงความรู้ของอ้าวเสว่ที่มีต่อเขา แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เช่นนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็ต้องไปพิจารณาใหม่อีกครั้ง
ยามค่ำคืน ชิวไป๋มาส่งติงยียีที่ประตูบ้าน เธอลงจากรถ กำลังจะขึ้นชั้นบน ก็มีเสียงเบาๆดังมาจากด้านหลัง ติงยียีแน่ใจว่ามีคนตามตนเองมา
เธอแกล้งทำเป็นเข้าไปในลิฟต์ จากนั้นก็วิ่งออกมาจากลิฟต์ ที่ประตูมีร่างหนึ่งแวบผ่านไป ประตูลิฟต์ มีภาพถ่ายสี่เหลี่ยมวางอยู่หนึ่งใบ
เธอก้มตัวลง หลังจากมองเห็นคนในภาพก็กรีดร้องอย่างตกใจ นั่นคือภาพของโม่ซวนหลินตอนที่มีชีวิตอยู่ ดวงตาในภาพก็จ้องมองเธอนิ่งแบบนี้
วันต่อมา เย่ชูหวินมองเธอที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า พูดอย่างระมัดระวัง “คุณสบายดีหรือเปล่า”
ติงยียียิ้มอย่างฝืนๆ เมื่อวานเธอฝันถึงโม่ซวนหลินทั้งคืน ในฝันเธอกลับไปที่บ้านของโม่ซวนหลิน เธอยืนอยู่ตรงกลางบ้าน แพนด้านอนตรงหน้าเธออย่างไม่รู้เรื่องราวอะไร
ในใจเย่ชูหวินขมขื่นเล็กน้อย เขาอยากให้เธอพูดออกมาเยอะๆ แต่เธอกลับไม่ยอมพูด
ตอนนี้โทรศัพท์มือถือที่ติงยียีวางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์รุ่นเก่าที่ได้ยินบ่อยๆเมื่อหลายปีก่อน เย่ชูหวินแอบคิดในใจว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือดีๆให้เธอสักเครื่อง
เย่ป๋อที่อยู่ในโทรศัพท์หดหู่สิ้นหวังเล็กน้อย เขาถามว่า “เธอเป็นยังไงบ้างครับ”
“ชิวไป๋เหรอ” ติงยียีถอนหายใจ “ฉันมองออกว่าเธอมีความรู้สึกดีๆกับคุณ แต่เธอยังไม่กล้าที่จะข้ามเส้นนั้นออกมาสักที”
ปลายสายนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงของเย่ป๋อแฝงด้วยความหนักแน่น “ถ้าเธอไม่กล้าออกไป ผมจะช่วยเธอเอง คุณยียีครับ มีเรื่องหนึ่งผมอยากให้คุณช่วย”
“ได้ ให้ช่วยอะไร”
“ศูนย์การค้าสากลก็จะเปิดตัวในวันนี้ จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ คุณชายก็จะไปร่วมงาน ผมเองก็ไปด้วย”
ติงยียีเข้าใจในทันที “คุณอยากให้ชิวไป๋ไปด้วยเหรอ”