เขายิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น ใบหน้าที่ซีดขาวค่อยๆเป็นสีแดง เขาหันมามองเย่เนี่ยนโม่ “ฉันรักเธอ”
“ฉันเองก็รักเธอเหมือนกัน”เย่เนี่ยนโม่สบตาของเขากลับ ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ไม่ว่าตัวเขานั้นจะมีความรับผิดชอบมากมายเพียงใด เขาก็จะไม่ยอมปล่อยผู้หญิงคนนั้นไป
เย่ชูหวินหันกลับไปมองเพดานสีขาวหิมะ ในเมื่ออ้าวเสว่นั้นเป็นความรับผิดชอบของเย่เนี่ยนโม่ ถ้าอย่างนั้นเขาช่วยเธอทำให้ความรับผิดชอบนี้หมดไป
ติงยียีได้รับแจ้งชั่วคราวว่าให้ไปปารีสก่อนหนึ่งวัน เดินทางอย่างรีบร้อน ทำได้เพียงส่งข้อความถึงเย่เนี่ยนโม่และเย่ชูหวินอย่างละข้อความทันเท่านั้นเอง
เวลาของปารีสต่างกับจีนหกชั่วโมง เพิ่งลงจากเครื่องบิน ทั้งๆที่มืดแล้ว ติงยียีและชิวไป๋กลับยังมีสีหน้ากระปรี้กระเปร่า
ทางงานเดินแบบได้จองโรงแรมไว้ให้กับทั้งสองคนแล้ว ติงยียีมาเห็นอ่างอาบน้ำที่มีขนาดเท่ากับสระว่ายน้ำขนาดเล็กก็ตกตะลึงจะเก็บไว้ไม่อยู่ ถูกชิวไป๋หัวเราะในความบ้านนอกคอกนาอยู่นาน
เปิดเครื่องโทรศัพท์ ข้อความในเครื่องไม่มีเลยแม้แต่ข้อความเดียว ในใจของติงยียีนั้นรู้สึกวังเวง มองไม่เห็นว่าชิวไป๋นั้นอยู่ด้านข้าง ลุกขึ้นมาคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอ หาเบอร์โทรศัพท์ของเย่เนี่ยนโม่เจอได้อย่างง่ายดาย กดโทรแล้วโยนให้เธอ
ติงยียีรับอย่างตื่นตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูก โทรศัพท์ดังเพียงสองครั้งเท่านั้นก็มีคนรับ ได้ยินเสียงของเย่ป๋อแว่วๆ
“ยียี?”น้ำเสียงเบาของเย่เนี่ยนโม่ มีพลังในการปลอบโยนคนจริงๆ
ติงยียีเอนตัวดูดาวอยู่ที่ระเบียง สรรหาคำพูดมาพูดคุยกับเย่เนี่ยนโม่ ไม่นานเธอก็หาวออกมา
“ยียี”เย่เนี่ยนโม่เอ่ยปากออกมาอย่างกะทันหัน น้ำเสียงเคร่งขรึมไม่เหมือนแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง
ติงยียีกลับไปที่ห้องกลิ้งไปมาบนเตียงใหญ่นุ่มแสนสบาย ตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจ “หือ?”
ปลายสายโทรศัพท์นั้นเงียบไปเป็นเวลานาน เธอฟังเสียงหายใจยาวของเขา รอเขาพูดออกมาอย่างเงียบๆ
เป็นเวลานานสักพักใหญ่ คนที่อยู่ปลายสายพูดอย่างเชื่องช้า: “ปิดหูของคุณเอาไว้ อย่าไปฟังข้อความอะไรทั้งนั้น ปิดตาทั้งคู่ของคุณเอาไว้ อย่าไปดูข้อเท็จจริงอะไรทั้งสิ้น”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?” ดวงตาของติงยียีค่อยๆหรี่ลง ความง่วงทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก คิดแต่เพียงว่าจะนอนหลับอย่างแรงกล้า
“ไม่มีอะไร? นอนเถอะ ฝันดีนะ”เย่เนี่ยนโม่พูดทุกคำทุกประโยคด้วยรอยยิ้ม
ตระกูลติง เย่เนี่ยนโม่นั่งอยู่บนโซฟาที่ติงยียีเคยนั่ง ที่ประเทศจีนเพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า ห้องที่อยู่ตรงข้ามมีแสงสว่างลอดเข้ามาจากผ้าม่านที่กั้นอยู่ มีเสียงรายการข่าวท้องถิ่นดังเข้ามา
แพนด้านอนหมอบอย่างเงียบข้างมือของเขา รู้สึกได้ถึงการลูบไล้เป็นครั้งคราวของเขา ภายในห้องนั้นไม่ได้เปิดไฟ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในความมืดอย่างเชื่องช้า
“คุณชาย คุณจะทำแบบนี้จริงๆอย่างนั้นเหรอครับ?” เย่ป๋อที่ยืนอยู่ในมุมมืดพูดออกมาอย่างระมัดระวัง
แสงไฟสีส้มส่องสว่างท่ามกลางความมืด แพนด้าขยับตัวด้วยความไม่สบายตัว เสียงถอนหายใจของชายในความมืดดังขึ้นมา“แพร่ข่าวออกไปในวันพรุ่งนี้”
“เย่เนี่ยนโม่เป็นคนเสนอว่าต้องการจะแต่งงาน และเป็นหลังจากนี้หนึ่งอาทิตย์?”ซือซือลุกขึ้นมาจากโซฟาด้วยท่าทางตื่นเต้น
ไม่นาน เธอก็ส่ายศีรษะ “จากนิสัยของเขาไม่น่าจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ จะต้องมีแผนร้ายอยู่ข้างในแน่ๆ”
“แม่!” อ้าวเสว่พูดออกมาขณะที่กำลังแต่งหน้าอยู่ “จะมีแผนร้ายอะไรได้ วันนี้เย่ป๋อโทรศัพท์มาบอกว่าให้รอเย่เนี่ยนโม่มารับฉันไปลองชุดแต่งงาน”
ซือซือเหล่ตามองเธอ “รอจนได้เข้าตระกูลเย่จริงๆแล้วก็อย่าลืมแม่ของคุณอย่างฉันคนนี้ละกัน”
“แม่คุณพูดอะไรนะ แน่นอนว่าฉันไม่มีวันลืมคุณอยู่แล้ว”อ้าวเสว่รีบลุกขึ้นมานั่งข้างๆเธอ ซือซือมองท้องของเธอ พูดพึมพำ: “ทำไมถึงไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ของตระกูลเย่นะ”
ใบหน้าของอ้าวเสว่ถอดสีขึ้นมาทันที ประตูก็ถูกผลักออก สวีเห้าเซิงเดินเข้ามา เขาดีใจมากอย่างเห็นได้ชัด ถือเอกสารกองหนึ่งเดินเข้ามา
“เสี่ยวเสว่มาดูว่าพ่อของคุณเตรียมสินเดิมอะไรไว้ให้บ้าง”สวีเห้าเซิงขณะที่พูดไปด้วยก็เปิดรายการที่อยู่ในมือออก
“เนี่ยนโม่เป็นคนที่ฉันเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต เป็นครอบครัวเดียวกัน บ้านของพวกเขาถึงแม้ว่าจะไม่ได้โต้แย้งอะไรมากมาย แต่ว่าพ่อต้องการให้คุณผ่านมันไปอย่างราบรื่น” สวีเห้าเซิงพูดจากใจพร้อมกับตีมืออ้าวเสว่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆเย่เนี่ยนโม่ถึงเต็มใจที่จะขออ้าวเสว่แต่งงาน แต่นี่ก็เข้าใจได้ว่าเขายอมรับที่จะเป็นคุณพ่ออย่างเต็มใจ
“ให้ฉันดูหน่อยว่ามีอะไรบ้าง?”ซือซือลุกขึ้นมาหยิบรายการไป มองทีละบรรทัด “เงินสดห้าล้าน ห้องชุดห้าห้อง รถยนต์สี่คัน ร้านค้าสิบร้าน คุณน่าจะไม่ได้มีแค่เท่านี้หรอกนะ”ซือซือปิดรายการ เหล่ตามองเขา
“มีเหลือไว้ให้ยียีบางส่วน พวกเราติดค้างเธอไว้เยอะเหลือเกิน” สำหรับติงยียีลูกสาวคนนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบสวีเห้าเซิงรู้สึกว่าไร้พละกำลังเป็นอย่างมาก เขานั้นรู้ว่าอ้าวเสว่อยากได้อะไร แต่ว่าเขากลับไม่รู้เลยว่าลูกสาวทั้งสองของเขานี้อยากได้อะไร
“คุณจะใส่ใจเธอไปเพื่ออะไร เธอลูกสาวคนนี้ไม่ต้องการแม่อย่างฉันคนนี้ ฉันยังจะต้องมาสนใจเธอไปทำไม?”ซือซือที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดด้วยความดูหมิ่น
อ้าวเสว่ยืนขึ้นมาอย่างเงียบๆเดินกลับไปที่ห้อง นั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง สองคนที่อยู่ด้านนอกยังทะเลาะกันอยู่ไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ เธอหยิบหวีขึ้นมาหวีผมยาวที่นุ่มสลวยของตัวเอง
ผู้หญิงที่อยู่ในกระจกนั้นสวยสะพรั่งและเปล่งปลั่งเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เธอนั้นประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีร้านจิวเวลรี่เป็นของตัวเองร้านหนึ่ง เธอมีบิดาที่ร่ำรวยเงินทองที่สามารถให้เธอนั้นแต่งงานได้อย่างหรูหรา แต่ว่าอย่างไรก็ตามเรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เงินพวกนั้นใครอยากได้ก็เอาไป เธอนั้นสนใจเพียงแค่เย่เนี่ยนโม่คนเดียวเท่านั้น
ตระกูลเย่ ดีไซเนอร์ที่มาจากอิตาลีกำลังวัดส่วนสูงและรอบเอวให้กับอ้าวเสว่ เย่เนี่ยนโม่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“คุณเป็นผู้หญิงจากทางตะวันออกที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเจอมา”ดีไซเนอร์เอ่ยขมด้วยภาษาจีนที่กระท่อนกระแท่น อ้าวเสว่ยิ้มหวาน เธอหันกลับมา มองเย่เนี่ยนโม่ที่นั่งอยู่ข้างอย่างไม่สนใจเหมือนไม่เกี่ยวข้องใดๆ
เธอหันไปโบกมือให้กับดีไซเนอร์ หยิบวารสารชุดแต่งงานเดินมาที่ข้างกายเขา“เนี่ยนโม่ คุณคิดว่าชุดแต่งงานชุดนี้สวยหรือเปล่า? ดาราของอเมริกาบางคนเคยใส่มาก่อน ฉันคิดว่าไม่เลวเลยทีเดียว”
ดวงตาของเย่เนี่ยนโม่กวาดตามองวารสารภาพอย่างลวกๆ พูดอย่างเมินเฉย: “คุณชอบก็พอแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของอ้าวเสว่ชะงักค้างเอาไว้เกือบจะไม่อยู่ เธอลูบท้องของตัวเอง พยายามดึงความสนใจของเขา “ระยะนี้นอนหลับไม่ค่อยสนิทตลอด ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะเจ้าตัวเล็กก่อกวนหรือเปล่า เวลาที่ใส่ชุดแต่งงานจะต้องปิดยังไงดี?”
สุดท้ายสายตาของเย่เนี่ยนโม่ก็ตกลงมาที่บนท้องนูนเล็กน้อยของเธอ ในใจคิดว่าถ้าวันนี้คนที่ยืนอยู่ที่นี่เป็นติงยียี นั่นก็คงจะดีไม่น้อย
เขาก็คงจะเลือกชุดเจ้าสาวที่สวยที่สุดด้วยมือของเขาเองเพื่อเธอ และจะอยู่อย่างมีความสุขร่วมกันกับเธอรอจนกว่าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนั้นจะมา อ้าวเสว่มองเขาที่ลุกขึ้นเดินไปชั้นบน ตะโกนร้องอย่างฉุนเฉียว “เนี่ยนโม่!”
เย่เนี่ยนโม่ที่อยู่ที่บันไดหยุดฝีเท้า มองลงมาจากที่สูงจ้องมองเธอ “คนรับใช้สิบกว่าคนของตระกูลเย่ก็น่าจะตอบสนองความต้องการของคุณได้เพียงพอนะ”
ไม่ฟังเสียงร้องอย่างฉุนเฉียวของคนด้านหลัง เย่เนี่ยนโม่เองก็ไม่เคยหันกลับไปมอง สระว่ายน้ำกว้างมีเงาหนึ่งกำลังว่ายน้ำด้วยความเร็วอยู่ในน้ำ
น้ำที่ไหลผ่านทั้งสองข้างของร่างกายของเขาแกว่งไกวอย่างนุ่มนวล ทันใดนั้นก็มีเสียงน้ำกระจาย เย่เนี่ยนโม่ขึ้นมาจากภายในสระว่ายน้ำอย่างเชื่องช้า คนรับใช้รีบยื่นผ้าเช็ดตัวให้
วิสกี้ถูกวางไว้ตรงระเบียงที่มีหน้าต่างกว้างจรดพื้น คนรับใช้อีกคนหยิบน้ำแข็งออกจากถังน้ำแข็ง ส่งแก้วเหล้าให้ด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม
เย่เนี่ยนโม่ยื่นมือออกไปหยิบ ปลายนิ้วกับปลายนิ้วสัมผัสกัน สีหน้าของหญิงรับใช้แดงขึ้นมาทันที เธอแอบมองร่างกายที่แสนกำยำของคุณชาย
ด้วยความกล้าหาญ เธอแอบเงยหน้าขึ้นมาเขินอาย คุณชายนั้นเหมือนกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นการกระทำเล็กๆของเธอ เขาเพียงแค่มองไปไกลๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดถึงใครอยู่
ปารีสประเทศฝรั่งเศส ติงยียีหยุดผู้คนบนถนนที่หน้าตาคล้ายคนจีนเป็นรอบที่สามสิบ “ขอถามหน่อยนะคะ คุณรู้จักAvenue Montaigneหรือเปล่าคะ?”
ชายเอเชียที่ถูกหยุดยิ้มให้ทั้งสองคน เผยให้เห็นฟันขาวซี่ใหญ่ พนมมือด้วยมือทั้งคู่พยักหน้าให้คนทั้งสองด้วยใจศรัทธา “นมัสเต”
ติงยียีและชิวไป๋มองหน้ากันไปมา “คนอินเดีย……”
“พวกคุณกำลังหาทางไปAvenue Montaigne?” ทันใดนั้นทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงอันแสนเกียจคร้านลอยมา ติงยียีหันศีรษะไปมอง ชายต่างชาติสูง180เซนติเมตรเกือบ190เซนติเมตรคนหนึ่งยิ้มมองพวกเธอ
เหมือนเห็นความสงสัยของพวกเธอ ผู้ชายที่มีดวงตาล้ำลึกกะพริบ หนวดเคราหนาที่คางขยับเล็กน้อยเมื่อเขาเปิดปาก “ผมชื่อเอเลน ผมเคยอยู่ที่ประเทศจีนมาก่อนหลายปี”
ติงยียีเอียงศีรษะไปปรึกษากับชิวไป๋เบาๆ “เชื่อถือได้หรือเปล่า? คงไม่ใช่พวกขายอวัยวะหรอกนะ”
ชิวไป๋เองก็ระมัดระวังตัว เอเลนที่อยู่นอกหน้าต่างก็พูดขึ้นด้วยความจำใจ: “พวกคุณหนู ผมไม่ใช่พวกขายอวัยวะจริงๆ ความจริงแล้วผมแค่อยากจะถามพวกคุณว่าเห็นผู้หญิงสองคนหรือเปล่า คล้ายกับพวกคุณ เป็นหนึ่งในนางแบบในงานเดินแบบครั้งนี้ ผมไปที่โรงแรมตามหาพวกเขา แต่ว่าพวกเขาไม่อยู่แล้ว”
นางแบบ? ผู้หญิงคนจีน? ติงยียีและชิวไป๋สบตากัน คุณเป็นไกด์ที่งานเดินแบบฤดูใบไม้ผลิส่งมาคนนั้น?
เอเลนมองทั้งสองคนอย่างแปลกใจ หลังจากนั้นสายตาก็ไปอยู่ที่ตัวของติงยียี เขาเลิกคิ้ว “ท่าทางคงจะเป็นพรหมลิขิตจริงๆที่ทำให้ได้มาพบกัน”
ในครั้งนี้งานเดินแบบฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงเป็นครั้งแรกที่แบรนด์สินค้าหรูเก่าแก่ของประเทศฝรั่งเศสCHANได้คัดเลือกนางแบบห้าคนจากภูมิภาคประเทศจีน สาเหตุที่เริ่มใช้นางแบบจากประเทศจีนนั้นเป็นเพราะว่าแบรนด์หรูนี้ต้องการที่จะเข้าไปเปิดตลาดที่ประเทศจีน และไม่เลือกนางแบบมืออาชีพแต่ต้องการที่จะเลือกคนในวางการโฆษณาหรือนักแสดงในวงการภาพยนตร์เพราะไม่อยากให้สไตล์ออกมาเหมือนกันไปหมด น่าเบื่อเกินไป
ภายในห้องประชุมที่กะทัดรัด เอเลนชี้ไปที่แผนภาพบนpptและพูดอย่างใจดี “ทุกท่านมีอะไรไม่เข้าใจสามารถถามผมได้”
“ได้ยินว่าคนที่จะแสดงชุดฟินนาเล่ตอนสุดท้ายนั้นจะเลือกในกลุ่มคนเอเชียใช่หรือเปล่า?” ภายในนั้นผู้หญิงรูปร่างสูงผมหน้าม้าถามด้วยรอยยิ้ม
เอเลนมองไปที่เอกสารที่อยู่ตรงหน้าเขา เรียกชื่อของเธอออกมาอย่างถูกต้องแม่นยำ “ส้งน่า?”
ส้งน่าพยักหน้า ยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของเธอที่จะได้ก้าวเข้าสู่ระดับอินเตอร์ ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถอยู่เหนือกว่าแช่ถิงถิงที่ประสบความสำเร็จจนเข้าสู่วงการแนวหน้านั้นก็เป็นได้
เพื่อโอกาสในครั้งนี้ เธอห้ามแพ้อย่างเด็กขาด เธอมองไปรอบๆ มองติงยียีที่อยู่ในมุมด้านหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ พวกนี้ก็เป็นพวกหญ้าวัชพืชที่ไม่ได้เรื่อง มาถึงที่นี่ได้ก็ถือว่าโชคช่วยมากแล้ว
ติงยียีที่นั่งอยู่ตรงหัวมุม จิตใจที่ฟังอย่างตั้งใจในตอนแรกได้บินไปถึงประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เย่เนี่ยนโม่เป็นอย่างไรบ้างนะ? เขาดูแลแพนด้าดีหรือเปล่า?
“คุณยียี?”ทันใดนั้นเองก็มีคนเรียกเธอมาจากทางโพเดี้ยม เธอรีบเงยหน้าขึ้นมา
เอเลนมองเธออย่างอ่อนโยน “มีคำถามอะไรคุณมาถามผมได้เลยนะครับ”
ติงยียีพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ท่าทางของอีกสี่คนที่เหลือที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นสีหน้าแปลกใจ พวกเธอที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการประเทศจีนมาอย่างยาวนานสำหรับประโยคนี้คุ้นชินมากเลยทีเดียว