ติงยียีก้มหน้าดูผ้าพันคอในมือตัวเองและกล่องที่ถูกตัวเองบีบจนแบน หลังจากถอนหายใจแล้วก็ได้กลับมาที่ห้องนอน หัวใจเธอยังเต้นตุ๊มๆต่อมๆอยู่เลย ความรู้สึกของเมื่อกี๊ทำเอาเธอสะพรึงกลัวสุดๆ ใครกันแน่ที่สะกดรอยตามอยู่ข้างหลังเธอ หรือทั้งหมดนี้เธอจินตนาการไปเอง?
มือของเธอได้ปัดโดนกล่องของขวัญ กล่องได้ตกลงไปที่พื้น เธอก้มลงไปเก็บกล่องขึ้นมา หลังจากจัดกล่องเสร็จก็ได้ส่งข้อความให้เย่ป๋อ บอกความคิดของชิวไป๋ให้เขารู้
ข้อความได้ตอบกลับมาไวมาก ได้บอกสถานที่และเวลานัดพบกันเสร็จก็ได้วางสายทิ้ง สายตาของติงยียีได้มองไปยังเบอร์คุ้นเคยที่อยู่ในระวัติการโทรอีครั้ง
“ก๊อกๆๆ”ติงต้าเฉินเคาะประตูอยู่ข้างนอก “ยียี ลูกจะดื่มซุปซี่โครงมั้ย ที่ต้มไว้วันนี้ยังเหลืออยู่นิดหน่อย”
ติงยียีถูกเสียงเคาะประตูทำเอาตกใจจนสะดุ้ง ตอนที่ดึงสติกลับมานิ้วมือก็ได้กดปุ่มโทรออกไปแล้ว เธอรีบกดทิ้ง จากนั้นถึงตะโกนไปที่ประตู“พ่อ หนูไม่ดื่มแล้วค่ะ!”
หน้าโซนวิลล่า รถของเย่เนี่ยนโม่เพิ่งจอดลงที่หน้าบ้าน มือถือได้ดังสั้นๆเสียงนึง เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู พบว่าติงยียีส่งมา
เขาถอนหายใจทีนึง จากนั้นได้ส่งข้อความว่าGood Nightให้อีกฝ่าย ทีนี้ถึงได้เก็บมือถือ
เขาเพิ่งผลักประตูเข้ามา เสียงของอ้าวเสว่ก็ดังมาจากห้องน้ำ:“เนี่ยนโม่ ฉันอยู่นี่ค่ะ!”
เย่เนี่ยนโม่เดินมาถึงหน้าห้องน้ำ สายตากวาดผ่านอ้าวเสว่ที่ลื่นล้มอยู่บนพื้นและเปลือยกายอยู่ จากนั้นได้หันหลังถอยออกมาจากห้องน้ำ
เขาเดินมาที่ห้องนอนของอ้าวเสว่ หลังจากหยิบผ้าปูที่นอนผืนนึงแล้วได้ถอยกลับไปในห้องน้ำอีก เอาผ้าปูที่นอนทั้งผืนคลุมมาที่บนตัวเธอ ทีนี้ถึงก้มลงไปอุ้มเธอขึ้นมา
“เนี่ยนโม่ขอโทษค่ะ ฉันสร้างปัญหาให้คุณแล้ว”สีหน้าแววตาของอ้าวเสว่กล้ำกลืน“ติงยียีอยู่กับคุณหรือเปล่าคะ?ต้องการให้ฉันไปอธิบายมั้ย?”
เย่เนี่ยนโม่เงียบกริบไม่พูดจา หลังจากอุ้มเธอมาวางลงบนโซฟา ก็ได้ก้มลงไปตรวจดูข้อเท้าที่ได้รับบาดเจ็บของเธอ อ้าวเสว่เจ็บจนร้องโอ๊ยขึ้นมาทีนที
เขามองเธอแว๊บนึง จากนั้นได้แกะกระดุมแขนเสื้อของตัวเองออก เสร็จแล้วได้จับข้อเท้าเธอไว้แล้วออกแรง จากเสียงร้องที่ทั้งตกใจและเจ็บของอ้าวเสว่ เขาได้เชื่อมข้อเท้าที่แยกออกจากกันกลับมาใหม่อย่างชิวๆ
“เนี่ยนโม่ ขอบคุณค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว นอนพักที่นี่ได้มั้ยคะ?”อ้าวเสว่นวดข้อเท้าตัวเองและเอ่ยปากพูด
เย่เนี่ยนโม่แค่มองเธอแว๊บนึง จากนั้นก็ได้หันหลังเดินไปทางประตู เพิ่งเดินมาถึงหน้าห้อง มือถือได้ดังขึ้นอีกครั้ง เขานึกว่าติงยียีโทรมา จึงได้รีบรับสายอย่างไว
หลังจากรับสายเสร็จ สีหน้าของเขาได้บูดบึ้งกว่าเมื่อครู่เยอะ อ้าวเสว่เดินมาตรงหน้าเขาอย่างระมัดระวัง เธอแหงนหน้ามองเขา“เป็นอะไรคะ?”
“โม่ซวนหลินฝังพรุ่งนี้”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะ เมื่อกี๊ใครโทรหาคุณคะ?”อ้าวเสว่ถามอย่างระมัดระวัง
เย่เนี่ยนโม่มองเธออย่างจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม“แม่ของเธอเป็นน้องสาวของแม่ผม คุณว่าล่ะ?”
สำหรับข่าวนี้ทำเอาอ้าวเสว่ช็อคสุดๆอย่างไม่ต้อสงสัยเลย เธอนึกย้อนถึงทุกครั้งตอนที่แม่ของโม่ซวนหลินพูดถึงตระกูลเย่ล้วนมีสีหน้าขุ่นเคือง เธอยังนึกว่าทั้งสองตระกูลมีความแค้นเสียอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองครอบครัวมีความสัมพันธ์แบบนี้
เย่เนี่ยนโม่มองเธออย่างเรียบเฉยแว๊บนึง จากนั้นได้หันหลังจากไป
ได้ผ่านพ้นข้ามคืนที่นอนไม่หลับอีกคืนนึง ติงยียีลืมตาที่ง่วงเหงาหาวนอนขึ้นมาและกดนาฬิกาปลุกทิ้ง มือถือยังหยุดอยู่ที่หน้าข้อความ บนมือถือมีแค่คำว่า‘Good Night’เรียบง่ายสองคำ
เธอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้จะไปเช็คร่างกายกับเย่ชูหวินที่โรงพยาบาล มือถือได้ส่งเสียงเตือนว่าแบตเตอรี่ต่ำ เธอจึงรีบหยิบมือถือโทรออกไป
ไม่นานมือถือได้ถูกรับสาย เสียงของเย่ชูหวินทุ้มต่ำกว่าปกติ“ต้องขอโทษด้วย วันนี้ผมไปไม่ได้แล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้วันหลังก็ได้ แต่คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”ติงยียีรู้สึกได้ว่าเหมือนเขาจะอารมณ์ไม่ดี
คนที่อยู่ในสายได้หยุดชะงักไปหลายนาที ตอนที่เย่ชูหวินเปิดปากพูดอีกครั้ง เสียงได้ปะปนด้วยรอยยิ้มอ่อนๆแล้ว“ไม่เป็นไรครับ วันนี้เตรียมฝังโม่ซวนหลินแล้ว”
อากาศได้แข็งตัวไปหลายส่วน ผ่านไปสักพัก ติงยียีได้พูดว่า:“ฉันไปได้มั้ยคะ ยังไงก็เป็นคนรู้จักกัน ฉันอยากไปส่งเธอเป็นครั้งสุดท้ายค่ะ”
“ยียี”เย่ชูหวินซอฟเสียงลงมา อยากให้เธอล้มเลิกความคิดนี้“น้ำใจคุณพวกเรารับไว้แล้ว คุณอยู่บ้านดีๆก็พอแล้ว”
“ให้ฉันไปเถอะค่ะ”ติงยียีคอยอ้อนวอน จู่ๆคนรู้จักกันได้ตายจากไป นี่ก็ทำให้เธอเศร้าโศกเหมือนกัน
ผ่านไปสักพัก เหมือนเย่ชูหวินได้ตอบอย่างตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว:“ก็ได้”
ติงยียีโทรหาชิวไป๋ ได้ถูกชิวไป๋ซะเละเลย หลังจากถูกออกคำสั่งให้อยู่ได้แค่ครึ่งชั่วโมงถึงยอมปล่อยให้เธอไป
ไม่นาน รถคันนึงได้ขับมาถึงใต้ตึก เย่ชูหวินใส่ชุดสูทสีดำทั้งชุด สีหน้าแววตาเคร่งขรึม
ติงยียีนั่งเข้าไปในรถ คำพูดได้คาอยู่ในลำคอ สุดท้ายก็ได้พูดออกมาว่า:“ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ”
เธอรู้ ถึงวันที่เย่ชูหวินอยู่ตระกูลติงวันนั้นคอยปกป้องตัวเองตลอด แต่คนที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตัวเองตาย ก็คงจะเสียใจเช่นกันอยู่มั้ง
“ตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ของผมกับเธอก็ไม่ดีอยู่แล้ว”ผ่านไปสักพัก เย่ชูหวินสตาร์ทรถไปด้วยและพูดไปด้วย ติงยียีหันไปมองเขา รอคำพูดถัดไปของเขา แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
ในงานศพมีคนอยู่ไม่มาก ติงยียีมองผ่านกระจก ได้เห็นร่างเงาที่คุ้นเคยลางๆ
เย่เนี่ยนโม่ก็ใส่สูทสีดำทั้งชุดยืนอยู่เช่นกัน เซี่ยชีหรั่นที่อยู่ข้างกายสีหน้าเศร้าโศก เย่เชินหลินคอยปกป้องอยู่ข้างกายอย่างไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว
เย่ชูหวินอธิบายอยู่ข้างๆ“คนของตระกูลเย่แสดงความเสียใจก่อน จากนั้นถึงเปิดให้แฟนคลับของเธอมาแสดงความเสียใจ”
ติงยียีพยักหน้า สายตายังได้จดจ่ออยู่ที่บนตัวเย่เนี่ยนโม่ เย่ชูหวินเห็นแล้วได้เป็นฝ่ายอธิบายให้เธอฟังเอง“แม่ของโม่ซวนหลินเป็นญาติกับตระกูลเย่”
เขาพูดจาคลุมเครือ แค่พูดคร่าวๆ ติงยียีก็ไม่ได้ยึดติดกับคำถามนี้อีก ทั้งสองได้ลงจากรถและเดินไปทางผู้คน
หลังจากที่เย่เนี่ยนโม่เห็นติงยียีแล้วได้อึ้งไปครู่นึง เขาพูดเสียงต่ำกับเย่ป๋อไปไม่กี่คำ เย่ป๋อพยักหน้าแล้วเดินมาหาทั้งสองคน
“คุณยียีครับ เดี๋ยวงานศพจบสิ้นแล้วอยู่ต่อก่อนได้มั้ยครับ?”เขามองหน้าติงยียี เนื่องด้วยสถานที่ของวันนี้ ทำให้สีหน้าของเขาเองก็ดูมีความเคร่งขรึมอยู่เสี้ยวนึง
“เสียใจด้วย เธอมีนัดกับฉัน”เย่ชูหวินก้าวมาข้างหน้ามาปกป้องเธอไว้ พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูด
เย่ป๋อแค่อึ้ง จากนั้นก็ได้พยักหน้าด้วยมารยาท ตอนที่กำลังอยากจะไป ติงยียีที่อยู่ข้างหลังได้เรียกเขาไว้
ติงยียียื่นของขวัญที่ชิวไป๋คืนกลับมาให้เขาเงียบๆ เขาดูอย่างเร่งรีบแว๊บนึง หลังจากพยักหน้าให้เธอก็ได้จากไปอย่างไว
เย่ชูหวินยืนอยู่ข้างๆ“โทษที่ผมทำตามอำเภอใจตัวเองหรือเปล่า?”
ติงยียีส่ายหัว สายตาได้มองไปที่แม่ของโม่ซวนหลิน หลังจากที่สบตากับอีกฝ่าย อีกฝ่ายได้เคลื่อนย้ายสายตาไปอย่างเย็นชา แตกต่างจากการแสดงออกตอนที่อยู่ใต้ตึกตระกูลติงในก่อนหน้านี้มาก นี่ทำให้ติงยียีแปลกใจมาก แต่ก็พูดอะไรไม่ได้
สามชิกคนอื่นๆของตระกูลเย่ก็สังเกตเห็นติงยียีแล้วเหมือนกัน เซี่ยชีหรั่นได้ฝืนพยักหน้าให้เธอ
ร่างเงาที่ค่อนข้างเล็กเดินออกมาจากหมู่คน ดวงตาของติงยียีเปล่งประกาย“ชูฉิง!กลับมาจากฝรั่งเศสแล้วเหรอ?”
“พี่ชูหวิน พี่ยียี!”เย่ชูฉิงใส่กระโปรงดำตาข่าย เนื่องจากสาเหตุของสถานที่ ได้แต่กดเสียงต่ำพูดทักทายกับเธอ ส่วนไห่โจ๋ซวนที่อยู่ข้างหลังเธอไม่ห่างจากเธอแม้แต่ก้าวเดียว
ยังไงซะก็มีความสัมพันธ์เป็นญาติกัน เซี่ยชีหรั่นให้พวกเธอกลับมาแสดงความเสียใจจากฝรั่งเศสก่อน ถึงพวกเขาไม่ถือว่ารู้จักโม่ซวนหลินก็ตาม
“สบายดีมั้ยครับ?”อาศัยตอนที่เย่ชูหวินกับเย่ชูฉิงคุยกัน ใบหน้าของไห่โจ๋ซวนประดับด้วยรอยยิ้ม
ติงยียีพยักหน้าแล้วย้อนถาม:“คุณล่ะคะ?”
ไห่โจ๋ซวนไม่ได้ตอบ แค่หันไปมองเย่ชูฉิงแว๊บนึง สีหน้าแววตาอ่อนโยน ความอ่อนโยนแบบนี้ทำให้ติงยียีนึกว่าเขาปล่อยวางทุกอย่างได้แล้ว
ได้ยินคำถามของเธอ แววตาของไห่โจ๋ซวนค่อยๆเปลี่ยนมาลุ่มลึก เขาปล่อยวางได้หรือยัง?ไม่ บาดแผลนั้นยังคงอยู่ เขาแค่ปล่อยให้มันค่อยๆตกสะเก็ดเฉยๆ
ในงานศพ ทุกอย่างดูแล้วล้วนเป็นระเบียบเรียบร้อยอะไรปานนั้น ใบหน้าของทุกคนดูเหมือนต่างก็มีความเศร้าที่เข้มข้น ติงยียีบังเอิญเห็นผู้ชายคนนึงกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นมือถืออย่างหงุดหงิด วินาทีต่อมาหลังจากที่เก็บมือถือกลับเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าแววตาที่เศร้าโศก
เธอไม่เพียงเสียใจแทนคนที่นอนอยู่ในโลงศพ รู้สึกน้ำตาจะไหลออกมา เธอหันไปพูดกับเย่ชูหวิน:“ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำป๊บนึงค่ะ”
เธอหนีไปอย่างเสียใจ ห้องน้ำของสุสานได้สร้างอยู่ในที่เปลี่ยวมาก แค่ห้องที่ทาสีขาวห้องนึง รอบๆล้วนสะอาดมาก แต่กลับไม่มีคนมากนักที่ยอมมาที่นี่
ติงยียีล้างหน้าไปรอบนึงถึงเดินออกมาจากห้องน้ำ จู่ๆรู้สึกข้างหลังมีเสียงฝีเท้าตามมา เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จู่ๆเธอได้หันไปมอง ห่างออกไปหลายเมตร โม่เสี่ยวโนกำลังจ้องมองเธออยู่
“คุณป้าคะ”ติงยียีโล่งอกไปที ฝ่ามือที่หดเป็นหมัดได้ได้คลายออกอย่างผ่อนคลาย ในฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อหมด
“ทำไมแกยังกล้ามาที่นี่อีก”โม่เสี่ยวโนมองเธออย่างดุร้าย
ติงยียีพูดอย่างเคร่งขรึม:“คุณป้าคะ การตายของซวนหลินไม่เกี่ยวข้องกับหนูจริงๆนะคะ หนูอยากให้คุณป้ารู้จุดนี้ค่ะ”
โม่เสี่ยวโนเห็นท่าทีของเธอยืนหยัดขนาดนี้ แววตามีความลังเลเสี้ยวนึง แต่วินาทีต่อมาก็ได้เปลี่ยนมาเป็นความโกรธ“ฉันไม่สน เรื่องสุดท้ายที่เธอทำในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เกี่ยวข้องกับแก ฉันจะบอกแกให้นะ ถ้าแกเอาออกมาห้าแสน เรื่องนี้ก็คุยกันส่วนตัว ไม่งั้นฉันจะพูดไปถึงที่สื่อ”
ติงยียีตกใจมาก“คุณป้า เธอเป็นลูกสาวของคุณป้านะคะ”
“เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องทวงความยุติธรรมให้กับเธอไง ฉันเชื่อว่าเธอเองก็เห็นด้วยกับการกระทำของฉันเหมือนกัน!”แววตาของโม่เสี่ยวโนเศร้าสุดๆ ติงยียีมองหน้าเธอ ใบหน้าของเธอราวกับได้ทับซ้อนกับผู้ชายที่เล่นมือถือเมื่อครู่นี้ ราวกับใส่หน้ากากไว้ ทำให้คนไม่รู้สีหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากว่ามันเป็นยังไง
สาลมเย็นรอบๆพัดจนใบไม้แห้งฟังฟิ้วๆ ติงยียีถอนหายใจ“คุณป้า โม่ซวนหลินเอาน้ำกรดสาดหนูได้กระทำความผิดทางอาญาแล้ว แต่เธอตายแล้ว เรื่องนี้หนูจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่รบกวนคุณป้าอย่าโจมตีใส่ร้ายฉันอีก”
โม่เสี่ยวโนมองดูเธอหันหลังจากไป มุมปากเผยความเยาะเย้ยออกมาเสี้ยวนึง เธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับติงยียี เธอก็ใช่ว่าไม่เคยนึกถึงคู่แม่ลูกอย่างซือซือ แต่ถึงจะตรวจสอบเจอแล้วจะทำไม ลูกสาวตายไปก็ฟื้นคืนชีพไม่ได้ สู้ถือโอกาสใช้เรื่องนี้มากอบโกยเงินให้มากๆดีกว่า
เธอเดินกลับไปที่งานศพด้วยฝีเท้าที่โซซัดโซเซ เห็นเซี่ยชีหรั่นคลอเคลียอยู่ในอ้อมอกของเย่เชินหลิน เธอรักษาหุ่นได้ดีมาก เธอที่แต่งหน้าสวยดูแล้วเด็กกว่าอายุจริงเยอะมาก เย่เชินหลินโอบเอวเธอมา เขายืนอยู่ตรงช่องลม ช่วยเธอบังลมส่วนใหญ่ไว้
โม่เสี่ยวโนรู้สึกชีวิตมันไม่ยุติธรรมเลย ทั้งๆที่คนเคยใช้ชีวิตด้วยกัน ทำไมเซี่ยชีหรั่นได้เก็บเกี่ยวความรัก ได้เก็บเกี่ยวธุรกิจ ได้เก็บเกี่ยวทุกอย่างที่เธออยากได้