เอเลนหันไปขยิบตาให้กับชายแก่“พวกเราไปดื่มที่ห้องประชุมกัน”
ชายแก่ตบโต๊ะด้วยความโมโห “ใครจะไปดื่มที่ห้องประชุมกับแก รีบไปยกมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะดื่มที่นี่”
เอเลนเห็นชายแก่ที่ไม่เข้าใจความนัยของตัวเอง ลนลานจนใบหน้าย่นจนจะติดกันแล้ว นัยน์ตาสีฟ้าได้ส่งสัญญาณอย่างต่อเนื่อง “Alin ไปที่ห้องประชุมสิ แอร์ค่อนข้างเย็น พวกเราไปดื่มน้ำผลไม้กันที่นั่นดีกว่า”
“ปีนี้อุณหภูมิติดลบ ฉันบ้าหรือไงเปิดแอร์ดื่มน้ำผลไม้” คำพูดที่เหลือถูกAlinกลืนเข้าท้องไป เขามองเอเลนด้วยความสงสัย แล้วทั้งคู่ก็สื่อสารกันกลางอากาศด้วยสายตา
“อาจารย์คะ ดื่มของหนูเถอะค่ะหนูยังไม่ได้แตะเลย” ติงยียีมองทั้งคู่ที่ทะเลาะกันด้วยเรื่องน้ำผลไม้ จึงได้ยื่นน้ำผลไม้ที่อยู่ในมือของตัวเองออกไป
Alinหันหน้ามาทันที เวลาที่เขาพูดเคราที่ริมฝีปากขยับตาม “ไม่ต้อง ไม่เป็นไร ฉันชอบดื่มน้ำผลไม้ที่ห้องประชุม เอเลนพวกเราไปกัน”
แล้วทั้งคู่ก็รีบจากไป ติงยียีถอนหายใจ และคิดว่าทั้งหมดนี้คือนิสัยที่แปลกประหลาดของชาวฝรั่งเศส แพนด้าอยู่บนพื้นพลิกตัวลุกขึ้น แล้วก็วิ่งออกจากประตูไป
“แม้แต่แกก็ยังจะทิ้งฉัน!” ติงยียีพึมพำ ในห้องจึงได้เงียบสงบลง เธอหยิบหนังสือนิทานจากลิ้นชักออกมา แล้วเปิดเรื่องที่เย่เนี่ยนโม่ได้อ่านให้เธอฟังตอนที่อยู่ฝรั่งเศส
คิดถึงโทนเสียงแท็บเล็ตและท่าทางการอ่านนิทานที่ตั้งใจของเขา เธออดไม่ได้จึงหัวเราะออกมา จากนั้นเธอยิ่งโศกเศร้ามากขึ้น เธอเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ มีเพียงคุณพ่อเท่านั้นที่รู้เบอร์โทรศัพท์นี้ เธอรู้ดีว่าการทำแบบนี้เป็นการทำผิดต่อชูหวินกับชิวไป๋ แต่ว่าทำแบบนี้อย่างน้อยก็สามารถบังคับตัวเองไม่ให้ไปคิดถึงคนที่อยู่แดนไกล ปล่อยให้พวกเขาที่อยู่คนละด้านของโลกใบนี้ได้เก็บซ่อนความคิดถึงแล้วกัน
ในห้องประชุม เย่ป๋อกล่าวอย่างจริงจัง “สวัสดีครับ เชื่อว่าท่านคงได้ดูรายละเอียดโครงการทั้งหมดแล้ว”
Alinนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์ คนบริษัทเย่ซื่อเจ้าเล่ห์นัก ครั้งนี้โครงการถูกส่งผ่านด้วยเสียงบันทึก เขาไม่ฟังได้ด้วยเหรอ!
“ทางเราต้องการตู้โชว์ที่ใหญ่ที่สุดในศูนย์การค้าสากล ในตู้โชว์ยังต้องแขวนด้วยธงชาติฝรั่งเศสของพวกเรา การตกแต่งทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามกฎของทางเรา” เอเลนกล่าวอย่างมีชัยด้วยภาษาจีน
เย่ป๋อกล่าวอย่างสุขุม “ผมคิดว่าถ้าทั้งหมดนี้ให้ท่านAlinเป็นคนตัดสินใจจะดีกว่า”
เอเลนหน้าแตก ได้แต่ยืนโกรธอยู่ด้านหลังของAlin Alinเดิมทีก็โมโหที่พวกเขารังแกลูกศิษย์ของตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แน่นอนว่าตอนนี้ย่อมต้องเข้าข้างเอเลน ถึงแม้จะรู้สึกว่าคำแนะนำของเอเลนนั้นจะมากเกินไป แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้าจึงได้กล่าวขึ้น :“ความหมายของเขาก็คือความหมายของฉัน ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องเจรจากัน”
“ไม่มีปัญหาครับ ข้อนี้บริษัทเย่ซื่อสามารถสนองความต้องการของท่านได้ ครั้งนี้ทางเรามาด้วยความตั้งใจเพื่อที่จะมาร่วมมือด้วยอย่างจริงใจ” เย่ป๋อถอนหายใจโล่งอก
Alinพยักหน้า “ความจริงใจของพวกคุณทางเราจะรับไว้ อีกอย่างเมื่อสักครู่เห็นว่าพวกคุณยอมอ่อนข้อให้ ทางเรารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าทางเราคงยังต้องขอปฏิเสธในการร่วมมือ!”
สีหน้าของเย่ป๋อจึงดูแย่ลง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม “ผมคิดว่าพวกเรายังสามารถเจรจากันได้”
เอเลนยิ้มแล้วดึงประตูออก “ชาวฝรั่งเศสอย่างพวกเราให้ความสำคัญกับความโรแมนติก ถ้าบริษัทเย่ซื่อสามารถส่งคนมาเต้นรำแสดงบนท้องถนนได้ ทางเราก็จะพิจารณาเรื่องการร่วมมือ”
“ขอให้ท่านมีความสุข” เย่ป๋อเม้มริมฝีปาก สีหน้าเรียบสงบ Alinมองเขาด้วยความชื่นชม ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะสามารถเก็บสีหน้าท่าทางได้ดีขนาดนี้หลังจากถูกกลั่นแกล้ง แค่เพียงจุดนี้พ่อหนุ่มคนนี้ก็ทำได้ดีมาก
หางตาของเย่ป๋อเหลือบมองไปที่ประตู จากนั้นก็ต้องตกใจ เมื่อสักครู่ที่เดินผ่านประตูไปนั้นคือแพนด้าเหรอ? เขาถือกระเป๋าเอกสารแล้ววิ่งตามไป
ระเบียงทางเดินที่ว่างเปล่า เขาไล่ไปตามระเบียงทางเดินหลายที่ ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหมา ภาพหน้าประตูนั้นยังคงติดตา ความคิดที่ว่าติงยียีอยู่ที่ฝรั่งเศสยิ่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เขาหยิบโทรศัพท์แล้วทำการโทรออก
โทรศัพท์ถูกวางสาย เขาโทรอีกก็ถูกวางสายอีก เขาจึงได้แต่ส่งข้อความไปให้ชิวไป๋ ‘รับโทรศัพท์หน่อย ผมมีเรื่องต้องการถามคุณ’
ในที่สุดโทรศัพท์ก็ถูกรับสาย ชิวไป๋กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณมีเรื่องอะไร”
“คุณยียีอยู่ที่ฝรั่งเศสใช่ไหม” เย่ป๋อกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม ใครจะไปรู้ว่าคุณชายตามหาติงยียีอยู่ที่อเมริกาคนเดียวจนแทบจะบ้าคลั่งแล้ว
ชิวไป๋ตกใจชั่วครู่ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังอย่างมาก “ถ้าหากว่าคุณมั่นใจขนาดนั้นก็เชิญตามหาด้วยตัวเองสิ”
“ชิวไป๋” เย่ป๋อน้ำเสียงอ่อนลง “คุณรู้ไหมเพื่อตามหาคุณยียี แต่ละวันคุณชายได้นอนเพียงแค่สองชั่วโมง ทุกครั้งที่มีเรื่องเกิดขึ้นในอเมริกาคุณรู้ไหมว่าคุณชายกังวลแค่ไหน คุณรู้ไหมถ้าไม่มีคุณติงยียี คุณชายสามารถเป็นบ้าได้!”
ผ่านไปสักพัก เสียงของชิวไป๋ในโทรศัพท์ได้ดังขึ้น “เธอน่าจะอยู่ที่อเมริกา เพราะว่าเย่ชูหวินเป็นคนซื้อตั๋วเครื่องบินให้กับเธอ และพวกเราก็เห็นกับตาว่าเธอได้เข้าไปในประตูทางขึ้นเครื่องแล้ว”
ในห้องออกแบบ ติงยียีอ่านหนังสือนิทานอย่างเหม่อลอย นิทานเหล่านี้ถูกเธอเปิดอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนจำเนื้อหาได้ขึ้นใจหมดแล้ว แต่เธอก็ยังคงไม่รู้สึกเบื่อ เปิดอ่านรอบแล้วรอบเล่า
ทันใดนั้นแพนด้าก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตูและเห่าใส่เธอ เห็นท่าทางเธอที่ประหลาดใจ จึงได้คาบมือของเธอแล้วลากออกมาด้านนอก ติงยียียื้อสู้ไม่ไหว จึงได้แต่ตามแพนด้าออกมาด้านนอก
เธอถูกแพนด้าลากมาที่หน้าห้องประชุม แพนด้าเดินมาด้านหน้าประตู อุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างวางอยู่ที่จับประตูแล้วบิดออก จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในห้องประชุม
แมวที่อยู่ริมขอบหน้าต่างในห้องประชุมตกใจกับภาพนี้จนขนพองชูขึ้น ติงยียีหัวเราะขำแล้วมองแพนด้าวิ่งทั่วรอบห้อง สักพักก็ทำการดมกลิ่นในใต้โต๊ะ สักพักก็ลากเก้าอี้ไปมา
“พอได้แล้วแพนด้า ต้องอยู่ร่วมกับสัตว์เล็ก ๆ ตัวอื่น ๆให้ได้รู้ไหม!” ติงยียีหันหลังเดินออกไปด้านนอก แล้วปลายกางเกงก็ถูกดึงไว้ ก้นของแพนด้ายกขึ้นไม่ยอมปล่อย
ติงยียีขมวดคิ้ว นี่แพนด้าเจอคนรู้จักเหรอ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้ หัวใจของเธอกระตุกขึ้น เกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ในฉับพลัน แม้แต่แมวเหมียววิ่งผ่านตัวเธอไปเธอก็ยังไม่รู้สึก
สักพักเธอก็ยิ้มเยาะตัวเอง “จะเป็นเขาได้อย่างไร คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีจินตนาการที่ไม่สามารถเป็นไปได้ น่าขำชะมัด”
“ยียี!” เอเลนจู่ ๆ ปรากฏตัวที่ด้านหลังของเธอ แต่ก็ต้องตกใจกับท่าทีที่เศร้าสร้อยของเธอเมื่อหันหลังมา นัยน์ตาสีฟ้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ติงยียีซ่อนปิดอารมณ์ของเธอทั้งหมดไว้ เธอยกรอยยิ้มที่ไร้ความอบอุ่นออกมา “คุณเอเลน เรียกฉันว่าติงยียีเถอะค่ะ”
เธอยกเท้าอยากจะก้าวจากไป แต่กลับถูกดึงข้อมือไว้ เอเลนเห็นเธอขมวดคิ้ว จึงได้รีบปล่อยมือ “ผมจะมาขอโทษในเรื่องที่เคยทำกับเธอไว้ และตอนนี้ผมก็ไม่ได้ติดต่อกับคนรักเก่าแล้ว”
ติงยียีข่มอารมณ์ไว้ “คุณกับคนรักเก่าของคุณไม่ได้ติดต่อกันเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันนิ”
เอเลนก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ขวางทางของเธอไว้ “ทำไมจะไม่เกี่ยว” ผมชอบคุณ คุณยินดีจะแต่งเข้ามาที่ฝรั่งเศสไหม”
การสารภาพอันร้อนแรงไม่ได้ทำให้ติงยียีรู้สึกดีใจ เธอเหลือบตามองชายรูปหล่อสูงใหญ่แต่นิสัยเจ้าชู้ที่อยู่ตรงหน้าครู่หนึ่ง “ขอโทษค่ะ ฉันไม่มีความสนใจ”
“เอเลน!” มีหญิงสาวผมบลอนด์นัยน์ตาสีฟ้าคนหนึ่งได้เดินปรี่เข้ามาอย่างรวดเร็ว หน้าอกตูมส่ายไปมาตามการเคลื่อนไหวของเธอ
เอเลนลูบหน้าตัวเอง “อลิซ ผมเคยบอกคุณแล้วว่าพวกเรานั้นเป็นไปไม่ได้”
“เพี้ยะ!” อลิซตบไปหน้าเขาอย่างจัง “คุณพูดอีกรอบซิ”
“พวกเรานั้นเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว” เอเลนรู้ว่าตัวเองติดค้างกับอีกฝ่าย จึงได้พูดขึ้นอีกครั้ง และก็ถูกอลิซตบหน้าอีกครั้ง
โดนตบติดต่อกันสองครั้ง เอเลนเงียบ สายตาของอลิซจ้องมาที่ติงยียี ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า:“คนเกาหลี?”
ติงยียีอยู่ที่นี่หลายวันจึงฟังภาษาฝรั่งเศสออกนิดหน่อย เห็นเธอเข้าใจผิดสัญชาติของตัวเอง เธอจึงแก้ต่าง “ฉันเป็นคนจีน”
อลิซโบกมือปัด “ฉันไม่สนว่าคุณจะเป็นคนอะไร วันนี้คุณจะต้องมอบเขาให้กับฉัน ไม่เช่นนั้นฉันไม่ปล่อยคุณไปแน่”
ติงยียีฟังที่เธอพูดรัว ๆ แล้วก็หันหน้ามามองเอเลน เอเลนจึงได้ใช้ภาษาจีนแปลให้เธอฟังรอบหนึ่ง เห็นเธอขมวดคิ้ว จึงรีบกล่าวขึ้นมาว่า “ผมจะไม่ยอมให้เธอมารังแกคุณหรอก”
พูดจบเขาก็ยืนมาอยู่ที่ด้านหน้าของติงยียี อลิซเป็นลูกสาวของนักการทูต ดังนั้นจึงค่อนข้างเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ เขากลัวว่าติงยียีจะถูกรักแก
มือข้างหนึ่งได้ผลักเขาออก ติงยียีจึงยืนอยู่ด้านหน้าของอลิซ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นทำการรำไทเก๊ก อลิซเห็นแล้วถึงกับผงะ
เมื่อรำไทเก๊กเสร็จ ติงยียีเก็บท่วงท่าอย่างเย็นชา แล้วผิวปากขึ้น จากนั้นก็มีสุนัขพันธุ์ทิเบตันตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องประชุมแล้วพุ่งเข้ามา แค่เพียงรูปร่างที่สูงเกือบครึ่งหนึ่งของมนุษย์ก็ทำให้คนถึงกับตัวเย็นวาบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคมเขี้ยวที่น่ากลัวที่น้ำลายไหลย้อยออกมา
อลิซมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมา และก็มีภาษาฝรั่งเศสมากมายออกมาจากปาก ติงยียีจ้องมองเธอเบา ๆ แล้วก็หันหลังจากไป เธอไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่เป็นเพื่อนเล่นในความรักกับพวกเขาหรอก
ณ ตระกูลเย่
ซางหัวกำลังทำความสะอาดอยู่ที่ห้องของเย่เนี่ยนโม่ เธอฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี วันนี้คุณชายจะกลับมาแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกมีความสุข
ด้านหลังของเธอมีเสียงอ้าวเสว่ดังขึ้นอย่างเย็นชา “นี่เธอมีความสุขมากเหรอ”
“คุณนาย!”ซางหัวตกใจจนโยนเครื่องดูดฝุ่นในมือทิ้งลงพื้น เธอรีบเก็บขึ้นมา แล้วก็ก้มหน้ายืนไปข้าง ๆ อ้าวเสว่อุ้มท้องที่ใหญ่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ซางหัวจึงเบาใจลงไม่น้อย
“ฉันคิดว่าเธอก็น่าจะรู้ข่าวที่ท่านนายเย่ให้เธอไปดูแลเนี่ยนโม่แล้ว” อ้าวเสว่นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วก็ลูบอยู่ที่หน้าท้องของตัวเอง จากนั้นกล่าวอย่างช้า ๆ
“ เป็นการตัดสินใจของท่านนายเย่ค่ะคุณนาย ดิฉันจะไปบอกกับท่านเดี๋ยวนี้ว่าดิฉันไม่เต็มใจที่จะทำแบบนี้!”ซางหัวก้มหน้าอยากจะเดินออกไป อ้าวเสว่ที่นั่งอยู่ไร้การขยับเขยื้อน “กลับมา”
ซางหัวชะงักเท้า น้ำตาคลอเบ้าแล้วก็หันหลังกลับมา ท่าทางน่าสงสาร อ้าวเสว่เห็นแล้วก็รู้สึกระอา ครุ่นคิดในใจว่าสมัยนี้เป็นกะหรี่แต่ก็ยังอยากจะเชิดหน้าชูตา เธออ่อนน้ำเสียงลง “เป็นฉันเองที่เสนอเรื่องนี้ให้กับคุณย่าเอง”
ซางหัวเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ในแววตาเกิดความมึนงง จากนั้นก็แอบขอบคุณในใจ อ้าวเสว่ดูถูกเหยียดหยามในใจอย่างสุดขีด แต่ภายนอกกลับยังคงท่าทางที่อ่อนโยน “ตอนนี้ฉันเองก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่สามารถที่จะไปดูแลเย่เนี่ยนโม่ได้ ดังนั้นเธอสามารถดูแลเขาแทนฉันได้ ฉันเองก็มีความสุข”