ในกลางโบสถ์มีบาทหลวงรูปหนึ่งที่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและกำลังทำการอธิษฐาน ติงยียีรู้สึกเกรงใจจึงทำท่าจะถอยออกไป แต่อีกฝ่ายกลับหันมาหาเธอแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
เขาพยักหน้าให้กับติงยียี จากนั้นก็เดินหันไปที่ซุ้มประตูเล็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ แขนเสื้อสีดำของเขาขยับเบา ๆ ใต้แสงเทียน ติงยียีเดินไปยืนนิ่ง ๆ อยู่ในตำแหน่งที่บาทหลวงยืนเมื่อสักครู่ เธอต้องการสถานที่สำหรับพักพิงหัวใจที่ตื่นตระหนกของเธอจริง ๆ ตอนนี้เธอกำลังคิดว่าจะจากไปดีไหม แต่ถ้าจากไปแล้วเธอจะไปที่ไหน เธอก็เหมือนกับนกน้อยที่เหนื่อยล้า ต้องการที่พักพิง แต่กลับพบว่าตัวเองนั้นกำลังอยู่ในกลางทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้นด้านนอกประตูมีเสียงรถยนต์จอดดังขึ้น แล้วก็มีแสงสว่างส่องเล็ดลอดผ่านประตูที่ปิดไม่สนิทเข้ามา เธอหันไปมองด้วยความสงสัย ประหลาดใจที่ดึกขนาดนี้แล้วยังมีคนมาที่โบสถ์อีก
“คุณชาย” เย่ป๋อช่วยเขากางร่ม บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังช่วยเขาปิดประตูหลังจากที่เห็นเขาเข้าประตูไปแล้ว
เยเนี่ยนโม่มองดูแสงเทียนริบหรี่ที่แกว่งไปมา เขาเดินไปที่แท่นอธิษฐาน แก้วกระจกสีสันที่อยู่ด้านหลังไม้กางเขนบนแท่นอธิษฐานเป็นรอยจุดด่างดำด้วยคราบน้ำฝน ติงยียีนั่งอยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ เธอแปลกใจมาก ที่แท้เย่เนี่ยนโม่ก็นับถือศาสนาคริสต์เช่นกัน เธอมองเขายืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงกลางโบสถ์ ใบหน้าเงยขึ้นช้า ๆ แสงเทียนยืดเงาร่างของเขาให้ยาวขึ้น
ติงยียีผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่จู่ ๆ กลับเห็นร่างของเขามีการขยับขึ้น และยกเท้าเดินมาทิศทางของตัวเอง ระยะห่างยิ่งใกล้ หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้น
เย่เนี่ยนโม่เดินเข้าไปในห้องสารภาพบาปอย่างเงียบ ๆ เสื้อกันลมสีดำบนร่างของเขายังคงพกความเย็นยะเยือก เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง และเสียงโทนต่ำก็ดังขึ้นในโบสถ์ที่ว่างเปล่า
“ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ได้กระทำบาป” เขากล่าวเบา ๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับพึมพำให้กับคนรักฟัง “ถ้าหากพระบิดาเห็นคำสารภาพของข้าพระองค์ อย่างนั้นก็ขอให้เธอกลับมา”
ในโบสถ์ที่เงียบสงบราวกับมีเพียงลมหายใจของเขา เขายืนอย่างเงียบ ๆ เว้นวรรคอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้กล่าวต่อ:“ต่อให้พระบิดาจะมองไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ข้าพระองค์จะต้องหาเธอให้เจอแล้วพากลับมา ติงยียีคุณหนีไปไหนไม่พ้นหรอก”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เพราะว่าในหัวใจของเขาไม่กระสับกระส่ายแล้ว แม้แต่เรื่องคืนนี้เขายังรู้สึกน่าขำชะมัด หรือว่าจนปัญญาถึงขั้นต้องมาขอให้พระเจ้าช่วยตามหาแล้ว?
เขาจ้องมองไปยังนางฟ้าผู้สงบบนจิตรกรรมฝาผนังด้วยแววตาขรึมครู่หนึ่ง จากนั้นหันหลังยกเท้าเดินจากไป ประตูถูกเปิดอีกครั้ง น้ำฝนสาดความชื้นเข้ามา แสงเทียนก็ยิ่งแกว่งแรงไปมา นางฟ้าดูเหมือนกำลังยิ้ม และก็ดูเหมือนกำลังเศร้าในเวลาเดียวกัน
จนกระทั่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ ฝนด้านนอกก็ดูไม่สมจริงสักเท่าไหร่ ประตูห้องสารภาพบาปถูกเปิดออก ติงยียีจับราวประตูไว้แล้วเดินออกมา
เธอรับรู้สึกถึงแววตาของเย่เนี่ยนโม่ นั่นคือความเกลียดชัง นั่นคือความทุกข์ที่ขจัดออกไปจากใจไม่ได้ เธอเหมือนกับแมวที่ถูกล่ามด้วยโซ่ ความอิสระในตอนนี้มีไว้สำหรับการกักขังที่เข้มงวดในวันข้างหน้า
คืนที่ฝนโปรยปรายยังคงดำเนินต่อไป คืนนี้จะมีคนกี่คนที่นอนไม่หลับ จะมีคนกี่คนที่ทุกข์ทรมาน
ยามเช้าตรู่ ปารีสถูกฝนชะล้างจนขาวสะอาด ในสระน้ำของโรงแรม ผิวน้ำที่สีฟ้าสดใสทำให้คนรู้สึกอารมณ์ดี ร่างหนึ่งที่กำยำกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระ ทำให้น้ำเกิดการกระเซ็นเล็กน้อย การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและท่วงท่าที่ได้มาตรฐาน
“เกลียดลูกศิษย์ของAlinคนนั้นจริง ๆ มาแย่งเอเลนไป กังฟูของเธอช่างน่ากลัวจริง ๆ” อลิซวางเท้าลงในน้ำที่เย็นจนกลายเป็นคลื่นกระจาย และก็บ่นพึมพำกับเพื่อนสนิทของตัวเอง
“ลูกศิษย์คนนั้นช่างน่ารังเกียจก็จริง แต่ฉันรู้สึกว่าหน้าตาของเธอสวยมาก สวยแบบคนตะวันออก” หญิงสาวอีกคนหนึ่งพูดด้วยภาษาฝรั่งเศสอย่างยากลำบาก เธอเป็นคนรัสเซีย การพูดฝรั่งเศสด้วยการม้วนลิ้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก
ไม่ไกลออกไป มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่บนน้ำตื้น จากนั้นก็เดินขึ้นจากสระอย่างช้า ๆ หน้าตาที่หล่อเหลา รูปร่างเกินมารตฐาน ทำให้แววตาของอลิซกับเพื่อนต่างมองตามหลังไป
เย่เนี่ยนโม่ว่ายน้ำเสร็จ ก็มาที่ห้องอาหาร สาเหตุที่เขาเลือกโรงแรมนี้ อย่างแรกคือคฤหาสน์ของAlinอยู่ตรงชั้นบนของโรงแรมนี้ และโรงแรมนี้เป็นทรัพย์สินของAlin เขาจะได้สะดวกในการสืบหาข้อมูล อีกหนึ่งสาเหตุเป็นเพราะตอนนั้นติงยียีเคยปรากฏตัวอยู่ที่นี่
เขาหยิบเมนูอาหารมา แล้วทำการเปิดดู กลับพบว่าเมนูบนนั้นที่เขียนว่า ‘น้ำลูกท้อ’ ถูกขีดทิ้ง พนักงานเสิร์ฟเห็นสายตาของเขาที่จดจ่ออยู่กับเมนูอาหารอยู่นานสองนาน จึงอธิบายให้เขาฟังอย่างใจดี “นิสัยเจ้านายของพวกเราค่อนข้างแปลกประหลาด รู้ว่าลูกศิษย์คนใหม่ไม่ชอบน้ำลูกท้อ ดังนั้นจึงให้โรงแรมหยุดขายทุกสิ่งที่เกี่ยวกับลูกท้อ”
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า และก็สั่งอาหารง่าย ๆ มาหนึ่งชุด ถ้าหากว่ามีเงินทองที่มากพอ อย่างนั้นก็ใช้ชีวิตในฝรั่งเศสได้ เย่เนี่ยนโม่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มที่อยู่หน้าแล็ปท็อปที่กำลังทำการรายงาน
“คุณชายเย่ครับ มีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่คุณติงยียีจะอยู่ในอเมริกาครับ ต้องการจะหาต่อหรือไม่ครับ”
สักพักมีเสียงดังขึ้น “หาต่อไป!”
หน้าจอที่มืดดับลงอย่างฉับพลัน ในใจเขาหงุดหงิด ผู้หญิงคนนั้นไปไหนกันแน่ เขาวางแล็ปท็อปลง คิ้วขมวดแน่น ทันใดนั้นที่นอกหน้าต่างก็มีเด็กสาวน้อยผิวสีที่กำลังวิ่งเล่น ได้ทำไอศกรีมในมือตกลงพื้นเนื่องจากแรงสั่นสะเทือน เธอตกใจ จากนั้นก็กลายเป็นเสียงร้องไห้ที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
ไอศกรีมแท่งสีชมพูได้ยื่นมาที่หน้าของเธอ เย่เนี่ยนโม่เห็นเธอหยุดร้องไห้แล้ว จึงหันหลังจะจากไป เด็กสาวน้อยผิวสีจึงยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า :“พี่ชายมีสีผมที่คล้ายกับพี่สาวลูกศิษย์คุณปู่Alinเลย”
เย่เนี่ยนโม่จึงหยุดชะงักเท้าอยู่ตรงนั้น ตลอดทั้งช่วงเช้า ในหัวของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวลูกศิษย์คนนั้นของAlin เธอเป็นใครกันแน่
ในห้องสวีทของโรงแรม ดวงตาที่ขี้เล่นของเย่เนี่ยนโม่ นิ้วมือที่เรียวยาวกำลังถือเล่นอยู่กับสร้อยคอเพชร “ไปสืบลูกศิษย์ของAlinมาให้ละเอียด”
“ครับ คุณชาย!” เย่ป๋อรับคำสั่งทันที ในใจของเขาก็มีความสงสัย เงาที่คล้ายกับแพนด้าที่เขาเคยเห็นในวันนั้น ยังคงคาใจเขามาตลอด
คนรับใช้ชาวฝรั่งเศสที่กำลังกวาดพื้นอยู่ข้าง ๆ เงยหน้าขึ้นมองพวกเขาแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก้มหน้ากวาดพื้นต่อ รอให้กวาดเสร็จแล้ว ก็รีบออกจากห้องตรงไปที่คฤหาสน์ทันที
“ยียี!” สาวใช้ดึงกระโปรงแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องออกแบบ ติงยียีที่กำลังเหม่อลอยอยู่ ถูกเสียงของเธอทำให้ตกใจ จึงรีบตอบกลับ “ฉันอยู่นี่”
“Alin ลูกศิษย์ ผู้ชาย” เนื่องจากในแต่ละวันสาวใช้ได้ติดต่อกับลูกค้าชาวจีนมากมาย จึงสามารถเข้าใจความหมายคร่าว ๆ ได้ แต่ไม่สามารถที่จะพูดออกมา จึงทำได้เพียงพูดบางคำที่เธอพอจะเข้าใจออกมา
เมื่อเห็นท่าทางที่มึนงงของติงยียี สาวใช้จึงลนลาน เธอรีบใช้มือทำท่าทำทางบนใบหน้าของตัวเอง อยากจะจำลองลักษณะของผู้ชายที่เธอเห็น จากนั้นก็ชี้ไปที่ติงยียี
ติงยียีครุ่นคิดค่อนวัน ฉับพลันใบหน้าก็ขาวซีด “เธอหมายถึงมีคนต้องการสืบเรื่องของฉันเหรอ”
สาวใช้พยักหน้าแรง ๆ “ผู้ชาย!”
ติงยียีทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่สามารถรอดจากสายตาของเย่เนี่ยนโม่ได้จริง ๆ ด้วย เป็นไปได้อย่างไร สองสามวันมานี้เธอไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย และAlinก็จะกลับมาพรุ่งนี้แล้ว เธอจะต้องยื้อให้ถึงเวลานั้นให้ได้
เธอเดินวนไปมาอยู่ในห้องอย่างกระวนกระวาย สองมือดึงแขนเสื้อขึ้นมาจับถูไถโดยไม่รู้ตัว สะดุดขวดสีบนพื้นล้มก็ยังไม่รู้ตัว แพนด้าก็เดินวนตามเธออยู่ด้านหลัง
“ใช่แล้ว! ขอเพียงให้เขารู้ว่าลูกศิษย์ของAlinไม่ใช่ฉันก็พอแล้ว!” ติงยียีตบเข้าที่โต๊ะ ทำให้สาวใช้ถึงกับตกใจ คำพูดสุดท้ายของเธอนั้นพูดด้วยภาษาจีน ดังนั้นสาวใช้จึงได้แต่มองเธอด้วยความมึนงงและตามมาด้วยความพึงพอใจ
ติงยียีรีบออกจากประตูไปทันที เมื่อเดินถึงหัวมุม แพนด้าก็ส่งเสียงเห่าเบา ๆ ขึ้น เธอจึงรีบหันหลังมาอุดปากของแพนด้าไว้ แล้วก็ดึงแพนด้าเข้าไปในห้องข้าง ๆ
เย่ป๋อเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูท่าทางแล้วน่าจะไปสืบข้อมูล เธอขมวดคิ้ว ปลอบตัวเองในใจ ที่นี่มีคนที่เข้าใจภาษาจีนนั้นค่อนข้างน้อย และคนที่สนิทกับตัวเองจะต้องช่วยเธอปกปิดข้อมูลอย่างแน่นอน วันนี้สิ่งที่เธอต้องทำคือหลอกล่อคนพวกนี้ให้ออกไปก็พอ พรุ่งนี้Alinก็จะกลับมาแล้ว พอพวกเขาเจรจาธุรกิจกันเสร็จก็คงจะจากไป!
ห้องของเอเลนอยู่อีกฝากของคฤหาสน์ ติงยียีเดินไปถึงหน้าประตูห้อง กำลังจะเคาะประตู ก็ได้ยินเสียงครวญครางอย่างแผ่วเบาจากด้านใน
เสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ ทำให้คนถึงกับหน้าแดง มือของติงยียีที่เตรียมจะเคาะประตูก็ชะงักค้างกลางอากาศ เดินกลับไปอาจจะเจอเข้ากับเย่ป๋อ เคาะประตูก็ดูเหมือนจะไม่ควร
ติงยียีจึงถอนหายใจ นั่งยอง ๆ ลงไป แพนด้าก็หมอบอยู่ข้าง ๆ เธอ ใช้ส่วนหางพันเธอไว้ ให้ความอบอุ่นแก่เธอ
สักพัก เสียงในห้องก็หยุดลงในที่สุด ติงยียีรวบรวมความกล้าไปเคาะประตู ประตูก็ถูกเปิดออกในไม่ช้า พร้อมกับใบหน้าที่ตกใจของทั้งฝ่าย
อลิซมองเธอด้วยสายตาอย่างไม่เป็นมิตร “เธอมาทำอะไร”
“ไม่มีอะไร ฉันมีเรื่องอยากให้เอเลนช่วย” ติงยียีรีบพูดจุดประสงค์การมาของตัวเอง
อลิซเบ้ปาก “ไม่ช่วย!”
ในใจติงยียีก็รู้ดีว่าความเข้าใจผิดของตัวเองกับอลิซนั้นไม่อาจจะแก้ได้แล้ว บางทีในใจของอีกฝ่ายอาจจะเกลีอดตัวเองถึงขั้นหมั่นไส้ เธอถอนหายใจ “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ด้านหลังก็มีเสียงกระวนกระวายดังขึ้น ข้อมือของติงยียีถูกดึงจับไว้ “ยียี!” แววตาของเอเลนเต็มไปด้วยความลนลาน
เขาเหมือนกับกำลังอาบน้ำอยู่ ส่วนล่างมีผ้าเช็ดตัวคลุมไว้ จากนั้นก็รีบวิ่งออกมา ผมเผ้ายังคงมีฟองสีขาวเกาะอยู่ แววตาดูร้อนรน “ยียี! ผมทำแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ต่อไปจะไม่ทำแล้ว”
อลิซมองดูพวกเขาจากด้านหลังอย่างเงียบ ๆ ริมฝีปากแดงสดเม้มขึ้น ติงยียีรีบดึงมือออกจากเขา “เอเลนฉันเคยบอกแล้วว่าฉันไม่มีทางเลือกคุณ สิ่งที่คุณทำตอนนี้ทำถูกต้องแล้ว อลิซเหมาะสมกับคุณมาก”
นัยน์ตาสีฟ้าของเอเลนจ้องเขม็งมาที่เธอ ราวกับพยายามหาร่องรอยของอารมณ์โมโหโกรธ แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้มีความรู้สึกแคร์เลยสักนิดเดียว
เขาก้มหน้าด้วยความหงุดหงิด ติงยียีรู้สึกว่าน่าขำ ความคิดของผู้ชายแบบนนี้ช่างเหมือนเด็กจริง ๆ โลภมากไม่ว่า ปากบอกว่ารักนักรักหนา แต่ร่างกายกลับทำสวนทาง
“เอาล่ะ ๆ เอเลน ฉันมีเรื่องต้องการให้คุณช่วยเหลือจริง ๆ” ติงยียียิ้มแล้วยกมืออยากจะตบที่ไหล่ของเขาเบา ๆ แต่เห็นกล้ามเนื้อส่วนอกที่เต่งตึงแน่นแล้วก็คิดว่าช่างเถอะ จึงเปลี่ยนจากตบเป็นยกมือมาโบก
อารมณ์ของเอเลนที่ยังคงไม่ดี “มีเรื่องอะไรเหรอ”
“ฉันต้องการให้คุณช่วยซ่อนตัวตนของฉันให้หน่อย!” ติงยียีกล่าวกับเขาอย่างเคร่งขรึม