Alin นั่งชงชาอยู่อีกฝั่ง หลังกลับมาจากไปตกปลากับเพื่อนแล้วเขาก็คิดถึงชาจีนมาก ถึงกับต้องให้คนนั่งเครื่องบินไปเมืองจิ่งเต๋อเจิ้นที่จีนเพื่อซื้ออุปกรณ์ชงชา และเขาก็เลยชงชาดื่มทุกวัน เมื่อเห็นติงยียีที่เอาแต่นั่งเหม่ออยู่อีกฝั่ง จึงพูดขึ้นว่า:
” พักนี้ฉันกำลังคิดว่าจะเอาผลงานของเธอทั้งหมดไปจัดนิทรรศการล่ะ ”
” อาจารย์คะ? นิทรรศการ? จริงหรือคะเนี่ย! ”
พอได้ยินดังนั้นก็ทำให้ติงยียีกระตือรือร้นขึ้นมา พ่ออยู่ที่นี่มานานแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าทางเดินที่เหมาะกับตัวเองนั้นคือนักออกแบบจิวเวลรี่ ไม่ใช่นักแสดง
Alin หัวเราะเหอะๆ จากนั้นก็หยิบแก้วชาขึ้นมาดื่ม ” ฉันเคยหลอกเธอที่ไหนล่ะ เจ้าเด็กคนนี้! ”
” อาจารย์ไม่เคยหลอกหรอกค่ะ หนูแค่ดีใจจริงๆ ” ติงยียีนี่วิ่งไปหยุดอยู่ข้างเขา นี่คือโอกาสที่ดีสำหรับเธอ ในที่สุดเธอก็สามารถก้าวตามความฝันของตัวเองได้สักที
Alin เห็นท่าทางดีใจของเธอแล้ว ในใจก็รู้สึกภูมิใจด้วยเช่นกัน ” พอแล้ว ยังไงก็ต้องขอบใจเธอมาก เธอแค่แสดงความตั้งใจให้ฉันก็พอ อย่าทำให้ฉันขายหน้าล่ะ ”
ติงยียียิ้มเฝื่อนๆ ” อาจารย์คะ คำว่าขอบใจอย่างมากคนจีนเขาไม่ได้ใช้แบบนี้สักหน่อย คำนี้ควรจะเป็นหนูที่พูดมากกว่า ”
Alin ยกชาขึ้นมาดื่มจนหมดเป็นเชิงยอมแพ้ เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ ใบหน้านั้นก็ผุดรอยยิ้มที่มั่นใจในตัวเองขึ้นใหม่ครั้ง ” ก่อนจะมาอยู่ที่นี่เธอต้องไปเจอใครบางคนกับฉันก่อน ฉันว่าจะแข่งกับหล่อนสักหน่อย ”
” ไปเจอใครหรือคะ? ” ติงยียีรู้สึกแปลกใจบนโลกใบนี้ยังจะมีใครที่ทำให้อาจารย์ฮึกเหิมได้ขนาดนี้อีก?
Alin ไม่พูดไม่จา ตอนบ่าย ติงยียีก็ตามอาจารย์มายังสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของเรือน สนามหญ้านั้นมีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งส่งเสียงอึกทึกกึกก้อง
นี่เป็นครั้งแรกที่ติงยียีได้เห็นเฮลิคอปเตอร์ใกล้ขนาดนี้ สายตาจึงเพ่งตรงไปที่มัน Alinขึ้นไปในห้องเคบินก่อน จากนั้นก็โบกไม้โบกมือส่งสัญญาณให้เธอ
ติงยียีกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นก็เดินถอยหลัง ร่างกายแสดงอาการปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ต้องเหยียบบันไดนั้นขึ้นไปในห้องเคบินโดยไม่เต็มใจ
พอเครื่องบินขึ้นไปแล้วเธอก็ร้องตะโกนเรียกหมอเสียงดัง สองมือจับไปที่ประตูห้องเคบินโดยไม่รู้ตัว Alinจิ๊ปากพูดแซว ” ทำไมเธอถึงสู้คนแก่อย่างฉันไม่ได้นะ ดูวิวนี้สิ นี่แหละถึงเรียกว่าสวย! ”
ติงยียีหดตัวอยู่มุมหนึ่งของห้อง แม้แต่จะเงยหน้าก็ยังไม่กล้า ได้แต่อธิษฐานภายในใจว่าขอให้ถึงที่หมายสักที หลังจากบินอยู่ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเฮลิคอปเตอร์ก็จอดลงบนลานจอดเครื่องบินขนาดใหญ่ แถมด้านข้างก็ยังมีเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กสองลำจอดอยู่
” อาจารย์คะ ตกลงจะไปไหนกันแน่เนี่ย! ” ติงยียีเดินตามชายแก่ไปพร้อมกับมือเท้าที่อ่อนยวบ
Alin เดินลงจากลานจอด แล้วเดินตามทางเพื่อขึ้นลิฟต์ จากนั้นลิฟต์ก็ไปหยุดอยู่ที่ชั้นใดชั้นหนึ่ง ติงยียีจึงพบว่า ที่แท้ที่นี่คือกาสิโนที่หรูหรานั่นเอง
ในพื้นที่ประมาณห้าร้อยตารางเมตรนี่ บนเพดานนั่นประดับประดาด้วยโคมคริสตัลขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่ ผู้คนโดยรอบเดินขวักไขว่ ทุกคนต่างสวมชุดที่ดูประณีตสวยงาม และเดินไปยังที่ที่ตัวเองสนใจ
Alin ก็ยังคงเดินไปตามทางเดินที่ทอดออกไป ติงยียีก็ตกใจกับบทสนทนาสามนาทีสั้นๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บอกว่าตัวเองเพิ่งจะแพ้และเสียเงินหนึ่งล้านไป
ห้องสุดทางเดินคือห้องที่ใหญ่ที่สุด Alinเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องมีคนรับใช้ที่คอยต้อนรับสามคน ทั้งที่ภายในห้องก็มีแค่สี่คนที่นั่งอยู่เท่านั้น
เซี่ยชีหรั่นเห็นติงยียีเข้าก็ตกใจ หยุนโชว์ก็ลูบท้องที่ตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนพร้อมถามด้วยความแปลกใจ: ” คุณรู้จักด้วยเหรอ ”
” อาจารย์เซี่ย ลุงเย่ ” ติงยียีก็เรียกออกมา ทำไมเธอถึงไม่รู้นะว่าอาจารย์จะพาตัวเองมาที่นี่
Alin เองก็ทำหน้าแปลกใจ ” เฮ้ย นี่เจ้าเด็กดื้อ ทำไมไม่บอกฉันว่าเธอรู้จักหล่อนล่ะ ให้ฉันหาตัวหล่อนเสียทั่วแผ่นดินเลย! ”
หยูหลันทำทีเหมือนได้ดูละครฉากเด็ด เดินอ้อมหยุนโชว์มานั่งข้างโซฟาไม่พูดไม่จา เย่เชินหลินวางไพ่ในมือลง ก่อนจะพูดหน้านิ่ง: ” นั่งคุยสิ ”
” ท่านคืออาจารย์Alin สินะ พอได้เจอตัวเป็นๆดิฉันก็ดีใจมากเลยค่ะ ” เซี่ยชีหรั่นค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ด้วยรูปร่างที่ดูดีและใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามทำให้คนแทบจะเดาอายุจริงๆ ของเธอไม่ออก
” ผมรู้สึกเลื่อมใสคุณจริงๆ ตอนนี้เห็นทีในโลกแฟชั่นความคิดของคุณนี่แหละที่ผมรู้สึกชื่นชมที่สุด ได้ข่าวว่าคุณรับใครคนหนึ่งในประเทศเป็นลูกศิษย์นี่? เธอมาหรือเปล่าครับ ผมอยากให้เธอกับลูกศิษย์ของผมสู้กันสักตั้ง! ”
Alin พูดออกมาด้วยความภูมิใจ เขาอยากทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ดังนั้นพอรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นอยู่เกาะเซนต์มาร์ตินที่ตั้งออกไปไม่ไกล ก็รีบพาลูกศิษย์ของตัวเองมาที่นี่ทันที
หยูหลันที่อยู่อีกข้างเริ่มเติมเชื้อไฟ ” ชีหรั่นมีคนท้าเธอถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ฉันช่วยไหมล่ะ? ”
พอได้ยินดังนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนที่หลังมีอะไรแทงลงมา เจ็บจนทำให้เขาต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หยุนโชว์ส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้เขาอย่าผสมโรงเพิ่ม
เย่เชินหลินได้ยินแล้ว เขาโอบเซี่ยชีหรั่นเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด แล้วพูดอย่างเย็นชา: ” ไม่ครับ ”
” นิสัยนายกับไอ้เจ้าเด็กนั่นที่เพิ่งเจอช่วงนี้เหมือนกันมากจริงๆ! ” Alin ไม่นึกเลยว่าคำขอของตัวเองก็ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างทันทีทันใด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปแล้ว แต่ตอนนี้ด้วยความที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยคนจีนจึงถูกขัดเกลาให้เป็นคนที่ไม่โมโหง่ายขนาดนั้นแล้ว
เซี่ยชีหรั่นตีไปที่หลังมือเย่เชินหลินเบาๆ เธอยิ้มให้Alin แล้วตอบว่า: ” ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณท่านAlin ดิฉันชอบผลงานของท่านจริงๆ ในบ้านก็ยังเก็บผลงานกำไรดาวเดือนเจ็ดที่เป็นช่วงขาขึ้นของท่านไว้อยู่เลย แบรนด์เสื้อผ้าของคุณท่านดิฉันก็ชอบค่ะ แต่ลูกศิษย์ฉันยังต้องอุ้มท้องลูกจึงให้เธออยู่รักษาครรภ์ภายในประเทศเท่านั้น ”
Alin ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกผิดหวัง แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะคนเขาตั้งท้องนี่เนอะ เขาไม่อะไรหรอกถ้าต้องไปหาถึงประเทศจีน แต่ที่กังวลก็คือกลัวอีกฝ่ายจะกดดันในระหว่างตั้งครรภ์
เซี่ยชีหรั่นจึงเบนสายตาไปที่ติงยียี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล: ” ฉันขอคุยอะไรกับเธอหน่อยได้ไหมจ๊ะ? ”
ตรงระเบียงทางเดิน เซี่ยชีหรั่นหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูรื่นหู ” ขอดูผลงานเธอหน่อยได้ไหม? ”
ติงยียีรีบเอาผลงานที่อาจารย์ให้พกติดตัวมาด้วยออกมา เซี่ยชีหรั่นดูผลงานแต่ละแผ่นโดยละเอียด เมื่อดูเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จัดแจงให้มันเป็นรูปเดิมแล้วส่งคืนให้ติงยียี “เธอมีพรสวรรค์จริงๆ ”
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกทอดถอนใจ ถ้าตอนแรกตัวเองไม่พูดต่อหน้าคนอื่นว่าเด็กคนนี้แท้จริงแล้วโกง เส้นทางของเด็กคนนี้ก็คงไม่เหมือนตอนนี้
” อาจารย์เซี่ยคะ ถึงแม้หนูจะวาดแบบออกมาได้เป็นอย่างดีคุณก็ยังรู้สึกว่าตอนนั้นหนูก็ยังโกงอยู่ใช่ไหมคะ? ” จู่ๆ ติงยียีก็พ่นประโยคนี้ออกมา
สีหน้าเธอดูจริงจัง เพราะคำพูดต่อจากนี้มันสำคัญกับตัวเธออย่างมาก
เซี่ยชีหรั่นชะงักไปเล็กน้อย พอเธอเห็นว่าในแววตาของเด็กคนนี้มีความว้าววอนและหนักแน่นอยู่ในนั้น เธอหัวเราะด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ” เด็กน้อย ทำไมเธอถึงอยากได้คำยืนยันจากฉันล่ะจ๊ะ เพียงแค่เธอสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ถึงจะต้องเป็นศัตรูกับผู้คนเป็นหมื่นแล้วจะต้องกลัวอะไรล่ะ? ”
คำพูดของเธอเหมือนเสียงกลองบวงสรวงในสนามรบ ที่ตีติดต่อกันนับครั้งไม่ถ้วน เหมือนกับว่าอาจารย์เซี่ยกำลังปลอบใจเธออยู่ มันทำให้เธอตื่นเต้นและดีใจ จนแทบจะบรรยายออกมาไม่ได้
เซี่ยชีหรั่นตกที่ไหล่ของเธอ แล้วเงียบไปสักพัก ก็พูดว่า: ” เนี่ยนโม่รู้ไหมว่าเธออยู่ที่นี่? ”
” ฉันไปจากเขาแล้วค่ะ ” ในใจของติงยียีรู้สึกเจ็บปวด และพูดออกมาอย่างยากลำบาก
เซี่ยชีหรั่นเห็นสีหน้าที่แทบจะปกปิดความเจ็บปวดของเธอไว้ไม่ได้ ก็รู้สึกเหมือนได้เห็นตัวเองในตอนแรก ตอนที่ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ ตอนที่ต้องร้องไห้คนเดียว แล้วต้องร่อนเร่พเนจรพาเย่เนี่ยนโม่ไปด้วย
เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ อ้าวเสว่กับติงยียี ความรักระหว่างสองพี่น้องแท้ๆ ที่ไม่มีใครสามารถเข้ามายุ่งได้ ” ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ชูหวินก็อยู่ที่ฝรั่งเศส ”
ดวงตาของติงยียีหรี่ลง น้ำเสียงของเธอบ่งบอกถึงความกังวล ” ชูหวินมาฝรั่งเศสแล้วหรือคะ? ทำไมล่ะคะ? แล้ตัวเขาล่ะ? ”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหัว ตอนที่เธอไปพักผ่อนต่างประเทศก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ตามมาด้วย น่าจะเป็นเพราะเย่ชูหวินไปต่างประเทศเพื่อตามหาเธอละมั้ง
” เธอรู้ไหมว่าชูหวินเขา…? ” เซี่ยชีหรั่นอยากจะพูดอะไรบางอย่างไปมันก็จุกอยู่ในลำคอ เธอไม่รู้ว่าควรจะเอาเรื่องทั้งหมดนี้พูดออกไปหรือเปล่า บอกให้เด็กคนนี้รู้ถึงอาการป่วยของเขา
” ชีหรั่น ” เย่เชินหลินเดินเข้ามา แล้วส่ายหน้าบอกเป็นนัยเบาๆ เซี่ยชีหรั่นจึงถอนหายใจ ” ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ในเมื่อเธอเจออาจารย์ดีขนาดนี้แล้ว ก็ตั้งใจเอาบทเรียนที่ได้ไปใช้เถอะ ยังมีผู้คนอีกมากที่ทั้งชีวิตก็ไม่ได้โชคดีขนาดนี้ ”
เย่เชินหลินโอบเซี่ยชีหรั่นแล้วหันหลังเดินไป ด้านหลังของพวกเขาก็ตามมาด้วยเสียงของติงยียี ” คงไม่ได้เป็นเพราะชูหวินตามหาฉันหรอกใช่ไหมคะ? ”
เซี่ยชีหรั่นหันกลับมา และพยักหน้าตอบรับช้าๆ เพราะเธอไม่อยากที่จะต้องเห็นเด็กคนนั้นต้องเดินทางไปมาตามเมืองต่างๆ อย่างโดดเดี่ยวเพียงคนเดียว
” ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะ? ” ติงยียีถามด้วยริมฝีปากที่สั่นเทิ้ม ขาของเธอก็สั่นเล็กน้อย บนใบหน้าดูเศร้าโศกไม่เหมือนแสร้งทำสุดท้ายเธอก็ทำร้ายเย่ชูหวินอีกครั้งจนได้
เย่เชินหลินลูบผมที่นิ่มสลวยของเซี่ยชีหรั่น เขารู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ยอมที่จะช่วยเธอแก้ปัญหาเรื่องยุ่งยากพวกนี้
” เยอรมัน กรีก หรืออาจจะเป็นอาร์เจนตินา ”
” เธอสามารถใช้เครื่องบินของตระกูลเย่ได้ คิดเสียว่าเธอเป็นธุระให้ตระกูลเย่ก็แล้วกัน ” เย่เชินหลินพูดด้วยเสียงเย็นชา
คำพูดของเขาทำให้ติงยียีลำบากใจอยู่บ้าง แต่จะให้ใช้กำลังของเธอคนเดียวก็คงไม่มีหนทางไปที่พวกนั้นได้หรอก เธอลืมไปแล้วว่าตัวเองได้เป็นผู้สืบทอดสมบัติของตระกูลอยู่หลายล้าน
ภายในห้องนั้นชายคนหนึ่งที่ดูท่ายียวน ก็เดินอ้อมหญิงตั้งครรภ์ออกมา: ” ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า เงินของตระกูลเย่มีเยอะจนใช้ไม่หมดเลยล่ะ ”
” เหอะ พวกเธอเห็นฉันเป็นของตายหรือไง! “Alin เดินออกมา ” อยากไปไหนก็บอกอาจารย์สิ เงินอาจารย์ใช้ยังไงก็ไม่หมดเหมือนกันนั่นแหละ ”
ติงยียียิ้มเฝื่อนๆ ที่เห็นคนตรงหน้ากำลังแย่งกันเอาเงินให้เธอใช้ ” ขอบคุณนะคะทุกคน ”
” ขอบคุณฉันก็พอแล้ว ” Alin บอกเป็นเชิงให้ติงยียีเดินตามตัวเองไป เพราะยังไงเป้าหมายของวันนี้ก็ล้มเหลวแล้ว เขาก็คงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ
ติงยียีเดินไปยังเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินเพื่อบอกลาอย่างสุภาพ ” ลาก่อนนะคะอาจารย์เซี่ย ลุงเย่ ”
เซี่ยชีหรั่นเหมือนจะยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายคำพูดพวกนั้นก็ถูกกลืนไปอยู่ในท้องทั้งหมด หยูหลันที่เห็นชายแก่กับเด็กสาวเดินจากไปแล้ว คิดอะไรอยู่พร้อมพูดออกมา ” ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าเย่เนี่ยนโม่ก็โชคดีเหมือนกันนะ ”
เย่เชินหลินหันไปมองเขา แล้วพูดออกมาว่า: ” ดาราสาวชาวอังกฤษคนนั้นก็หน้าตาใช้ได้เหมือนกันนะ ”
หยูหลันหน้าซีดเผือด สายตาของหยุนโชว์ที่ยืนอยู่ข้างๆก็สาดลงมาบนตัวเขา หยูหลันมีสีหน้าไม่สู้ดีจึงรีบพูด ” ที่รัก ดาราคนนั้นเขาเข้าหาผมเอง ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนั้นผมก็รีบตะเพิดเธอออกไปเลยนะ ”
” เชินหลิน การที่ได้เจอคนที่ตัวเองรักและได้อยู่กับคนคนนั้นตลอดชีวิตมันคือเรื่องที่ดีจริงๆ นะคะ ” เซี่ยชีหรั่นส่งสายตาที่อ่อนโยนให้ สิ่งที่ตอบรับเธอคือรอยจูบที่อ่อนโยนบนหน้าผาก