“Alin ช่วยพิจารณาผมก่อนได้มั้ยครับ!” เอเลนทำหน้าตาเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ ติงยียีหยุดร้องไห้แล้วยิ้มออกมา ลุกขึ้นเดินไปด้านนอก “ฉันไปส่งพวกคุณออกไปนะคะ”
ตรงประตู พ่อบ้านยืนอย่างนอบน้อมข้างประตู “คุณยียี ด้านนอกมืดแล้ว ลมก็แรง ตอนกลางคืนพยายามอย่าออกไปข้างนอกจะดีกว่านะครับ”
เอเลนจ้องมองด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “หรือว่าตระกูลเย่ของพวกคุณคิดจะกักขังคนเอาไว้ให้ได้เลยใช่มั้ย!”
“คุณผู้ชายท่านนี้ ที่นี่คือเมืองตงเจียง นี่คือบ้านตระกูลเย่ คุณอาจจะจะมีชื่อเสียงอยู่ที่ประเทศของคุณ แต่ที่นี่คือเมืองตงเจียง มีกฎระเบียบอยู่ประเภทหนึ่งเรียกว่ากฎของตระกูลเย่”
พ่อบ้านพูดอย่างไม่กลัวเกรงใดๆ เอเลนโกรธจนหน้าแดง เหลือเพียงAlinถลึงตาโต
ทันใดนั้น เสียงเย่เนี่ยนโม่ก็ดังมาจากบันได “จัดหาที่พักให้แขกทั้งสองท่านด้วย”
ติงยียีหันกลับไปมองอย่างแปลกใจ มองแววตาสุขุมที่แฝงด้วยความเหนื่อยล้า จู่ๆเธอก็มีเรื่องอยากจะพูดกับเขามากมาย ติงยียีรีบเดินเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว “ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
เย่เนี่ยนโม่มองเธอด้วยแววตาไร้ชีวิตชีวา ยื่นมือมาบีบสันจมูก สีหน้าเหนื่อยล้า “เอาไว้คราวหน้าค่อยคุยกันนะ คุณย่าความดันโลหิตพุ่งสูง ค่อนข้างอันตราย”
ติงยียีถอยหลังเล็กน้อย มีความน้อยใจ เขากำลังโทษเธอเหรอ โทษที่เธอไม่ควรจะไปต่อปากต่อคำคุณย่า แล้วตอนที่คุณย่าว่าเธออย่างไม่มีเหตุผลเขาไปอยู่ที่ไหนกัน
เย่เนี่ยนโม่เห็นสีหน้าเศร้าของเธอ เขาก็ใจสั่น ยื่นมืออยากจะไปจับมือเธอ แต่เธอกลับหลบเลี่ยง ติงยียีถอยหลังไปสองสามก้าวเงยหน้ามองเขา “ได้ คุณไปจัดการธุระก่อน พวกเราค่อยคุยกันวันหลัง”
ตรงทางขึ้นบันได อ้าวเสว่เรียก “เนี่ยนโม่ คุณย่าตื่นแล้วกำลังเรียกหาคุณนะคะ!”
เย่เนี่ยนโม่มองติงยียีอย่างอาลัยอาวรณ์ มีหลากหลายอารมณ์ในแววตา แต่สุดท้ายก็หมุนตัวเดินไป เอเลนและAlinสบตากัน สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างแรง
เวลากลางคืน ติงยียีพลิกตัวไปมา เธอลงจากเตียงมาที่ด้านนอกห้องของเย่เฟิ่งหยีอย่างระมัดระวัง เธอมองเข้าไปด้านในห้องผ่านประตูที่หลบซ่อนอยู่ คุณย่านอนหลับไม่สนิท ประตูที่ปิดไม่สนิทถูกลมพัดจนเกิดเสียงดังออกมา
เธอค่อยๆถอดรองเท้า เหยียบเท้าเปล่าเปลือยบนพื้นเย็นๆขยับเบาๆเข้าไปด้านใน ปิดหน้าต่างให้สนิท บนเตียงมีเสียงดังเบาๆเย่เฟิ่งหยีพูดเบาๆว่า “น้ำ!”
ติงยียีหาน้ำไปทั่วห้อง เห็นว่าในห้องไม่มีแก้วน้ำจึงได้แต่ออกไปหยิบแก้วน้ำมาให้คุณท่าน เธอถือแก้วน้ำเดินเข้ามาในห้องใหม่อีกครั้ง แต่กลับเห็นว่าในห้องมีคนอยู่แล้ว อ้าวเสว่ถือแก้วน้ำป้อนน้ำให้เย่เฟิ่งหยีทีละนิด เย่เนี่ยนโม่ยืนอยู่ข้างๆเธอ แสงไฟทำให้เงาของทั้งสองทับซ้อนเข้าด้วยกัน
“ลำบากคุณแล้ว” เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยเสียงเบาๆ น้ำเสียงไม่ได้เย็นเยือกเหมือนตอนที่พูดกับติงยียี
อ้าวเสว่หันไปยิ้มกับเขา พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ลำบากเลยสักนิด ขอแค่คุณย่าหายก็พอแล้ว”
ติงยียีไม่รู้ว่าตนเองกลับมาที่ห้องได้อย่างไร เธอเอาแก้วน้ำที่ถือไว้ตลอดเวลาวางไว้บนโต๊ะ ถือเอาไว้อยู่นานมากจนแขนของเธอชาจนยกไม่ขึ้น
เธอซุกซ่อนตัวเข้าไปในผ้าห่มกัดชายผ้าห่มร้องไห้ น้ำตาไหลอาบลงมาเปียกผ้าห่ม เธอร้องไห้ออกมา ในที่สุดก็หลับสนิทไป
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ มีคนมาเคาะประตูเบาๆ เย่เนี่ยนโม่ค่อยๆชะลอฝีเท้าเดินเข้ามา เขาโน้มตัวลงมองติงยียีอย่างจดจ่อ ใบหน้าเธอยังคงมีคราบน้ำตา นิ้วมือจับชายผ้าห่มไว้อย่างไม่มั่นคง แม้แต่ปลายจมูกก็ยังแดงอยู่
เขายื่นนิ้วมือออกไปค่อยๆ เช็ดหยาดน้ำตาที่หางตาของเธอ ประทับรอยจูบเบาๆบนแก้มของเธอ ดวงจันทร์ก็ซ่อนตัวอยู่ในหมู่เมฆ ทำให้ทั้งสองคนมีเวลามากขึ้น
เช้าตรู่ ภายในบ้านตระกูลเย่ Alinกำลังฝึกไทเก็กอย่างตั้งใจ ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นด้านหลัง เขาหันกลับไปมอง อ้าวเสว่แบกท้องโตมองเขาด้วยรอยยิ้มสดใส
“คุณคือผู้อาวุโสAlinใช่มั้ยคะ ฉันเคยเห็นการออกแบบเครื่องแต่งกายของคุณ ในตู้เสื้อผ้าตอนนี้ก็ยังมีชุดที่คุณออกแบบด้วย การออกแบบเครื่องประดับของคุณก็สุดยอดมาเลยค่ะ!”
Alinส่งเสียงฮึ่มมาจากโพรงจมูก แม้แม่สาวน้อยคนนี้แม้จะพูดจาน่าฟัง แต่ในใจเขาก็ยังคงมัวแต่นึกถึงลูกศิษย์งี่เง่าคนนั้น จึงมีสีหน้าไม่ดีนักกับคนตรงหน้า
“ฉันมีวาดรูปเอาไว้บ้าง คุณช่วยแนะนำฉันหน่อยได้มั้ยคะ” อ้าวเสว่ยิ้มร่า ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจสีหน้าท่าทีของเขาเลย
Alinเองก็แปลกใจมาก คิดไม่ถึงว่าคนที่แย่งผู้ชายกับลูกศิษย์กลับเป็นคนที่ใกล้ชิด เขายื่นมือไปลูบหนวดเครา “งั้นก็เอามาสิ”
อ้าวเสว่พยักหน้า เธอพยุงท้องเดินเข้าไปในบ้าน มองเห็นติงยียีเดินมาที่ห้องโถงอย่างอ่อนเพลีย เธอยิ้ม หลังจากค่อยๆเดินอย่างช้าๆผ่านไป ภาพวาดใบหนึ่งตกลงบนพื้น
ติงยียีขยี้ตาที่บวมแดง ไม่นานก็สังเกตเห็นที่พื้น เธอเก็บภาพวาดขึ้นมา รู้ทันทีว่าเป็นของอ้าวเสว่ทำตกไว้
“อ้าวเสว่ล่ะ” เธอถามต้าต้าที่เพิ่งคิดจะเดินผ่านด้านข้างต้าต้าชี้ไปที่ด้านนอกลานบ้าน “คุณอ้าวเสว่ไปที่สวนหย่อมแล้วค่ะ”
ติงยียีหยิบภาพวาดขึ้นเดินไปที่สวนหย่อม ก็ได้ยินบทสนทนาของอาจารย์กับอ้าวเสว่ มองเห็นบรรยากาศการพูดคุยของทั้งสองคนดูเหมือนจะไม่เลวเลยทีเดียว
“ความสามารถของของคุณนี่ไม่เลวเลยนะ ต่อไปคงประสบความสำเร็จอย่างมาก” Alinมองเห็นภาพที่เธอออกแบบก็เอ่ยชื่นชมด้วยความพอใจ
อ้าวเสว่ยิ้ม “หวังว่าต่อไปอาจารย์Alinจะช่วยชี้แนะให้มากๆ นอกจากคุณน้าชีหรั่นแล้ว ถ้าคุณเป็นอาจารย์ฉันได้ก็คงดีมากเลยค่ะ”
“เซี่ยชีหรั่นเป็นอาจารย์เธอเหรอ” Alinตกใจเล็กน้อย พินิจพิจารณาภาพวาดอย่างละเอียดอีกครั้ง เป็นสไตล์ของเซี่ยชีหรั่นจริงๆอ้าวเสว่พยักหน้า “ฉันหวังด้วยความจริงใจว่าคุณรับฉันเป็นศิษย์ ฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ”
ติงยียีฟังพวกเขาพูดคุยกันอย่างเงียบๆ เธอมีความรู้สึกบางอย่าง อ้าวเสว่คิดจะแย่งทุกอย่างที่เธอมีไป ไม่ว่าอะไรก็ตาม และทั้งหมดนี้เธอไม่อาจขัดขวางได้
“ความสามารถของแม่ตุ๊กตาสาวน้อยคนนี้ไม่เลวจริงๆ เอาเถอะ ต่อไปถ้าเธอมีปัญหาอะไรก็มาหาฉันแล้วกัน” Alinเกลียดเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ลงจริงๆ แม้ว่าจะเทียบกับติงยียีไม่ได้ แต่ช่วยชี้แนะบ้างเล็กน้อยก็พอได้
ติงยียีหมุนตัวเดินจากไป แต่กลับไม่ได้สังเกตเห็นว่าอ้าวเสว่เงยหน้าขึ้นมาเหล่มองเธออย่างมีเลศนัย เธอรู้สึกสะใจอย่างมาก ทุกคนที่รักและเป็นห่วงติงยียี ทุกคนที่ติงยียีรัก เธอจะต้องแย่งมาให้หมด
เวลาอาหารกลางวัน เย่เฟิ่งหยีทานอาหารอยู่ภายในห้อง ในห้องอาหารเงียบกริบ Alinพูดอย่างจริงจังว่า “ยียีวันนี้กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปกับฉัน!”
เย่เนี่ยนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา เตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง ติงยียีก็ส่ายหน้า “อาจารย์ ฉันจะไม่กลับไปตอนนี้ค่ะ รอให้ฉันจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จก่อนเถอะนะคะ”
Alinทิ้งส้อมลงบนโต๊ะเสียงดังเพล้ง สีหน้าโมโหเล็กน้อย “ยังจะทำอะไรอีก ไม่ทำแล้ว นี่เธอกำลังใช้พรสวรรค์ของเธออย่างสิ้นเปลือง!”
ริมฝีปากติงยียีกระตุกอยู่ชั่วขณะ เธออยากจะให้Alinรับอ้าวเสว่ไปเป็นศิษย์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ก็รู้ว่าพูดแบบนี้เป็นการทำร้ายอาจารย์ แก้มสองข้างของเธอกระตุกครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
เอเลนพยายามสร้างความปรองดองอยู่ข้างๆ “อาจารย์ ยียีเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องของเธอตัวเธอย่อมเข้าใจดี”
พอสิ้นเสียงของเขา อ้าวเสว่ที่นั่งอยู่ข้างๆเขาก็พูดต่อว่า “อาจารย์Alin แล้วก็สหายท่านนี้ ในเมื่อข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลถึงประเทศจีนแล้วก็น่าจะอยู่อีกสักสองสามวัน ให้ตระกูลเย่ของพวกเราได้ต้อนรับอย่างเป็นมิตรในฐานะเจ้าบ้าน”
ส้อมของเย่เนี่ยนโม่วางลงข้างจานเบาๆ เขาหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมุมปาก แล้วยกแก้วไวน์ขึ้นมาเขย่าไวน์แดงข้างใน เอเลนมองผู้หญิงที่ผู้กับเขาคนนั้นสีหน้าเริ่มตื่นตระหนก จับสังเกตอากัปกิริยาของเย่เนี่ยนโม่มากขึ้น มีความเยาะเย้ยในใจ
“หึ ไม่ต้องแล้ว! จะยังไงก็ตาม ตอนนี้ลูกศิษย์ของฉันมีอิสรเสรีแล้ว คุณไม่ได้รับอนุญาตให้กักขังเธออีกต่อไป” Alinพ่นลมหายใจแรงๆออกมาทางรูจมูก
เย่เนี่ยนโม่มองไปยังติงยียี “คุณคิดว่ายังไง”
“ฉันรู้ว่าคุณคิดจะพูดอะไร หนี้สินของฉันรับผิดชอบเอง” ติงยียีหันไปตบที่มือของอาจารย์เบาๆ “ขอบคุณอาจารย์ค่ะ ศิษย์ทำให้อาจารย์ไม่สบายใจ”
คำพูดของเธอทำให้Alinอยากจะร้องไห้เล็กน้อย ได้แต่บ่นพึมพำใหม่อีกครั้งว่า “เด็กอย่างเธอนี่!”
หลังจากอาหารกลางวัน ติงยียียืนกรานที่จะไปที่สวนเพื่อรดน้ำแปลงดอกไม้ หยดน้ำอันเย็นยะเยือกที่พ่นออกมาจากช่องว่างของท่อน้ำ ทำให้มือของเธอเปียก
เธอเอาสายยางเล็งตรงไปที่ดวงอาทิตย์ในฤดูหนาว ตอนที่มองเห็นสะพานสายรุ้งที่ทอดตัวกลางม่านน้ำ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทันใดนั้น มือเย็น ๆ ก็ยื่นเข้าไปในผ้าพันคอของเธอ แนบกับผิวหนังบริเวณคอของเธอแน่น ทำให้เธออดที่จะตัวสั่นไม่ได้
“เอเลน!” ติงยียีหันไปมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก แววตาเย็นเยือก แฝงด้วยความเย็นชาที่ห่างเหิน
เอเลนสังเกตสีหน้าท่าทางเธออย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง เห็นใบหน้าเธอไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิด ก็รู้สึกสับสนวุ่นวายเล็กน้อย “ยียี คุณโกรธแล้วเหรอ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
เขาเดินเข้าใกล้เธอ อยากจะอธิบายอย่างที่สุด ทันใดนั้นการแสดงออกที่เย็นชาของติงยียีก็แยกออกเป็นช่องว่าง ดวงตาที่เย็นชาในตอนแรกก็กลายเป็นเจ้าเล่ห์เล็กน้อย เอเลนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคอเสื้อของเขาถูกดึงออก มือเล็กๆ เย็นๆ คู่หนึ่งแนบที่คออุ่นของเขา
“ผมหนาวจะตายอยู่แล้ว!” เอเลนเอามือกุมที่คอตนเองถอยหลังหนี แล้วยังเหยียบกระถางดอกไม้คว่ำหนึ่งกระถาง เขาแยกเขี้ยวยิงฟันมองติงยียี
ในแววตาติงยียีแฝงด้วยความสะใจหลังจากประสบความสำเร็จ มุมปากเธอยกขึ้นเล็กน้อย เป็นมุมโค้งที่สวยงาม ริมฝีปากสีชมพูระยิบระยับท่ามกลางแสงแดด เอเลนมองจนซื่อบื้อไปแล้ว
“คุณยียีครับ คุณชายให้คุณไปพบที่ห้องหนังสือหน่อยครับ” พ่อบ้านมองทั้งสองคนอย่างเงียบๆ เขาไม่อาจลืมสีหน้าดุร้ายของคุณชายหลังจากเห็นภาพนี้ที่ห้องหนังสือ
รอยยิ้มของติงยียีค้างชะงักในชั่วพริบตา มุมปากเธอหุบลงมาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาสะท้อนเปล่งประกาย ก็ดูเหมือนจะสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว
เธอเดินจากไปพร้อมกับพ่อบ้าน เอเลนคิดจะเดินไปข้างหน้า ด้านหลังกลับมีคนเรียกตนเองเบาๆ “คุณชื่อเอเลนเหรอคะ”
เธอหันไปมองผู้หญิงชาวเอเชียที่เป็นฝ่ายเรียกทักทายตนเองก่อนอย่างแปลกใจเล็กน้อย ต้องบอกว่าหลังจากมาที่ประเทศจีนแล้วเขาก็พบว่าผู้หญิงของประเทศนี้หน้าตาสวยงาม ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ก็เช่นกัน
“ทำไมจ้องมองฉันตลอดเลยคะ” อ้าวเสว่กะพริบตาปริบๆไปทางเขา สีหน้าท่าทางขี้เล่น
“ไม่มีอะไรครับ” สีหน้าของเอเลนกลับมาเรียบเฉยเป็นปกติอย่างรวดเร็ว สีหน้าท่าทางของเขายังแฝงด้วยความรู้สึกเป็นศัตรู
อ้าวเสว่ยังคงหยิบสายยางมารดน้ำรอบๆแปลงดอกไม้ต่ออย่างไม่สนใจ “ยียีคือน้องสาวของฉัน ก่อนหน้านี้ต้องขอบคุณพวกคุณมากที่ช่วยดูแลเธอตอนอยู่ที่ฝรั่งเศส”