ฉินจุนพยักหน้าเล็กน้อย นี่ก็เป็นกระบวนการปกติของโรงพยาบาล หากต้องเปลี่ยนโรงพยาบาล ก็ประมาณว่าไม่กล้าใช้ยาของฉินจุน
หากระดาษและปากกา เริ่มเขียนสูตรยาลงไป และส่งให้หลี่จงเจิ้ง
สูตรยานี้ค่อนข้างมีหลายชนิด ดูแล้วแตกต่างกับยาสามัญทั่วไปอย่างมาก แม้กระทั่งหลี่จงเจิ้งก็ยังมองไม่ออกเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามสูตรยานี้มือจากมือของปรมาจารย์ฉิน มันจะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
เมื่อผ่านเวลาช่วงบ่ายไปผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการกินยา และได้ให้น้ำเกลือด้วย
ผู้ป่วยทุกคนได้รับการวินิจฉัยจากฉินจุนด้วยตัวเอง ซูเหวินฉีก็โล่งใจ
ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่ห้องคณบดีสักพัก ซูเหวินฉี เอาโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ออกมา และเริ่มเปิดเครื่องดู
วีแชทและข้อความต่าง ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมา
บริษัทนายหน้าทุกภาคส่วนและพนักงานในแวดวงเดียวกันที่เป็นบริษัทอื่น ๆ นอกจากนี้ ในข้อความนั้นยังมีบันทึกการไม่ได้รับสายโทรศัพท์อีกเป็นจำนวนมาก
เมื่อเห็นหมายเลขที่โทรเข้ามาหลายสิบสาย ซูเหวินฉีก็ขมวดคิ้ว
“เป็นอะไรเหรอ?” ฉินจุนเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไร แค่เพื่อนเก่าคนหนึ่งอ่ะ โทรมาหาฉันเยอะขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีธุระอะไร?”
การแสดงออกของซูเหวินฉีนั้น เพื่อนเมื่อก่อนของเธอเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาคนหนึ่ง
ตอนที่ซูเหวินฉีขมวดคิ้ว ก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาอีกหนึ่งสาย
“ฮัลโหล?” ซูเหวินฉีมีความไม่เต็มใจที่จะรับสายเล็กน้อย
“เหวินฉี ฉันเอง ฉันได้ยินมาว่าเธอเกิดเรื่องแล้ว ฉันสามารถช่วยเธอได้ ตอนนี้อาสาสมัครอยู่ที่โรงพยาบาลไหนเหรอ?”
“อยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนตงไห่”
“โอเค อีกสิบนาทีจะไปถึง”
“เฮ้อ … นายไม่ … ” เดิมทีซูเหวินฉี ไม่ต้องการให้เขามา แต่เขาว่าคำพูดของเธอยังไม่ทันได้พูดออกไป ฝ่ายตรงข้ามก็วางสายไปแล้ว
ซูเหวินฉีส่ายหัวอย่างความอดทน และขมวดคิ้ว
ฉินจุนเอ่ยถาม “ใครเหรอ?”
ซูเหวินฉีถอนหายใจ แล้วอธิบาย “เขาชื่อเจิ้งกัง เมื่อก่อนเคยจีบฉัน”
“แฟนเก่าเหรอ?”
“ก็ไม่เชิง เดิมทีเขาเคยจีบฉัน ความรู้สึกที่ฉันมีให้เขาก็มีความรู้สึกดีอยู่บ้าง แต่ต่อมาตอนนั้นครอบครัวของเขารู้ว่าฉันเป็นดาราอันดับท้าย ๆ จึงให้เขาเลิกติดต่อฉันทันที”
“ตระกูลของพวกเขานับได้ว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวย ความรู้สึกที่มีต่อผู้หญิงในวงการบันเทิงนั้นไม่ดีเลย”
ในความเป็นจริงก็เป็นแบบนี้ ตอนนั้นเจิ้งกังเพิ่งเริ่มจะจีบซูเหวินฉี เธอยังเป็นนักร้องอันดับท้าย ๆ คนหนึ่ง และมีหลายคนที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเธอ
ในตระกูลที่ร่ำรวยบางนั้น เธอกับนางแบบที่ใช้ตัวเข้าแลกก็ไม่ได้มีอะไรต่างกัน
ดังนั้นพ่อแม่ของเจิ้งกังในตอนนั้นจึงต่อต้านเป็นอย่างมาก เจิ้งกังไม่มีทางเลือก จึงได้ยอมแพ้เช่นนี้
เรื่องนี้ความจริงแล้วมันถูกโทรมกับความรู้สึกของซูเหวินฉีเป็นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นด้วยและทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนโจ่งแจ้ง แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ เธอก็มีความรู้สึกที่โดนคนอื่นมาดูถูก
ต่อมาซูเหวินฉีก็มีชื่อเสียง และได้เป็นนักแสดงฉันนำ เป็นราชินีของเอเชีย และราคาค่าตัวของเธอก็แตกต่างออกไป มีตระกูลที่ร่ำรวยมากมายต้องการให้ดาราดังอย่างเธอแต่งงานเข้ามา
เจิ้งกังก็เคยติดต่อกับเธอ แต่กลับถูกซูเหวินฉีปฏิเสธ
เดิมทีตอนแรกเธอก็ไม่ได้คบหากับเจิ้งกัง แม้ว่าจะไม่มีพ่อแม่ของเขามาห้ามไว้ แต่ทว่าซูเหวินฉีก็ไม่ได้ตอบตกลง
เพียงแค่ไม่คิดว่าตอนนี้เจิ้งกังจะติดต่อเธอมา เพื่อที่จะช่วยเหลือเธอ
“เจิ้งกังคนนี้ก็เป็นหมอ และยังเป็นแพทย์แผนจีนอีกด้วย อีกหน่อยเขาจะมา ไม่แน่เขาอาจจะช่วยเหลือได้บ้าง และพ่อของเจิ้งกังก็ยังเป็นหัวหน้าของสมาคมแพทย์ที่เมืองฮั่นตงอีกด้วย”
ฉินจุนพยักหน้า และไม่ได้รู้สึกอะไร สมาคมแพทย์นี้ฉินจุนไม่ได้ให้ความสนใจ กลุ่มที่เป็นของแพทย์จริง ๆ ก็คือโรงพยาบาลไม่มีคนป่วยไม่มีอาสาสมัคร ทุกคนล้วนทำได้แค่พูดแต่ไม่ลงมือทำมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีคนหนึ่งที่สวมชุดสูทและใส่แว่น ชายคนหนึ่งที่มีรูปลักษณ์ที่ดีก็เดินเข้ามาทีละก้าว ๆ
“เหวินฉี ฉันมาแล้ว”
คนที่มาก็คือเจิ้งกัง เขาแต่งตัวอย่างสุภาพ มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่าเป็นหมอ
ซูเหวินฉีพยักหน้า และถามสารทุกข์สุกดิบเล็กน้อย ทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานหลายปี และวันนี้ได้มาเจอหน้ากันอีกครั้ง เมื่อเห็นซูเหวินฉีสวยมากขนาดนี้ ความรู้สึกในตอนนั้นก็หวนกลับเข้ามา
เจิ้งกังมีความรู้สึกอยู่ในสายตา แล้วเอ่ยถาม
“เหวินฉี ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้แล้ว ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเธอมันไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว”
ซูเหวินฉีขมวดคิ้ว เดิมทีคิดว่าเจิ้งกังจะมาเพื่อที่จะช่วยเหลือ แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะเอ่ยถึงหัวข้อนี้ออกมา
ซูเหวินฉีถอยหลังไปหลายก้าว และจับแขนของฉินจุนโดยตรง เอ่ย
“เจิ้งกัง ฉันมีแฟนแล้ว”
สีหน้าของเจิ้งกังเปลี่ยนไป มุ่นคิ้วเล็กน้อย แล้วมองไปทางฉินจุนอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากนั้น เจิ้งกังก็กำหมัดแน่น สีหน้าไม่พอใจ แล้วเอ่ยกับฉินจุน
“นายคือใคร?”
หลี่จงเจิ้งเห็นเจิ้งกังที่เข้ามาไม่ค่อยดีนัก จึงรับกล่าวแนะนำ
“ท่านนี้คือฉินจุน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่โรงพยาบาลของพวกเรานัดมาเป็นพิเศษครับ”
เจิ้งกังขมวดคิ้ว สีหน้าแสดงออกถึงความเหยียดหยาม “ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นแค่ชื่อในนามเท่านั้น ตอนนี้ผู้ป่วยเป็นยังไงกันบ้าง ผมมาช่วยเหวินฉีแก้ไขปัญหา”
เมื่อครู่ที่ซูเหวินฉีจับแขนของฉินจุน ความจริงคืออยากให้เจิ้งกังไม่ออกตัวมากเกินไป และมีสีหน้าที่อึดอัด
รีบหาหัวข้อมาพูดคุย เพื่อออกจากเรื่องนี้
หลี่จงเจิ้งเอ่ย “คุณหมอฉินได้รักษาไปแล้ว ไม่ทราบว่าคุณคือ …”
หลี่จงเจิ้งก็อยากรู้เช่นกัน วัยรุ่นคนนี้ดูอารมณ์แล้วไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครกัน
เจิ้งกังเอาโทรศัพท์ออกมา บนโทรศัพท์มีอีเมลฉบับหนึ่ง ที่ส่งมาจากเบื้องบน
“ฉันชื่อเจิ้งกัง เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังของเมืองหลวง รองคณบดีโรงพยาบาลกลางเมืองปักกิ่ง”
“พ่อของฉันคือเจิ้งเซ่าหลง”
หลี่จงเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา เป็นคนที่มีอำนาจ
รองคณบดีโรงพยาบาลกลางเมืองปักกิ่ง นั่นเป็นโรงพยาบาลอันดับต้น ๆ ของประเทศ
ปักกิ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศจีน เป็นแหล่งรวมของผู้คน แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์พ่อลูก แต่ความสามารถเฉพาะตัวก็ต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน
และไม่ได้คาดคิดว่าเจิ้งกังจะเป็นลูกชายของคณบดีเจิ้ง คณบดีเจิ้งเป็นหัวหน้าของสมาคมแพทย์ของเมืองฮั่นตง นับได้ว่าเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดในเมืองฮั่นตงแล้ว เช่นนี้ในโลกของการแพทย์แผนจีน สามารถมีคนเช่นนี้ออกมาได้ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก
เจิ้งกังเอ่ย “ฉันเป็นแพทย์แผนจีน หลังจากที่เข้ามาในโรงพยาบาล ก็เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับผิวหนัง ดังนั้นภายในระยะเวลาไม่กี่ปีสั้น ๆ นี้ก็ได้กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และกลายเป็นรองคณบดี”
“การแพทย์แผนจีนนั้นครอบคลุมมาก เมื่อคุณมีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมแล้ว ก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้น ดังนั้น ทันทีที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับพวกคุณ ฉันก็มาที่นี่โดยเร็วที่สุด”
ทันใดนั้น ทุกคนก็ให้ความเคารพกับเจิ้งกังมากยิ่งขึ้น เจิ้งกังนี้สุดยอดจริง ๆ อายุยังน้อยแต่ประสบความสำเร็จในเรื่องการงาน และยังเป็นแพทย์แผนจีน แน่นอนว่าตอนเด็กต้องถูกปลูกฝังมาอย่างดี และต้องเป็นอัจฉริยะหายาก
ซูเหวินฉีขอบคุณมาก “ขอบใจนะ แต่ว่าฉินจุนให้พวกเธอกินยาแล้วล่ะ ตอนนี้คนไข้กำลังพักผ่อนน่ะ”
เจิ้งกังขมวดคิ้ว “อาการป่วยเร็วแรงขนาดนี้ จะหายยาแบบสุ่มสี่สุ่มห้ามารักษาได้ยังไง? พาฉันไปดูหน่อย!”
เจิ้งกังดูถูกฉินจุน บวกกับความสัมพันธ์ที่แข่งขันอีกด้วยแล้ว เขาก็ไม่ชอบฉินจุนโดยธรรมชาติ
เดิมทีที่ฉินจุนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่นัดมาเป็นพิเศษ แต่ในคำพูดของเจิ้งกัง ก็เปลี่ยนไปเป็น ‘คนที่หามาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า’
หลี่จงเจิ้งลำบากใจมาก แต่ทว่าพาไปดูผู้ป่วยสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร จึงพาเจิ้งกังไปดู
เมื่อถึงห้องพักผู้ป่วย ผู้ป่วยทั้งหมดที่อยู่บนเตียง ร่างกายของพวกเธออ่อนแอมาก และกำลังให้น้ำเกลืออยู่
เจิ้งกังเดินไปด้านหน้า มองดูหน้าผากที่มีเหงื่อออก และผ้าห่มที่ชื้นมาก ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วทันที
“นี่กินยาอะไรไป? เอายามาให้ฉันดูหน่อย?”