ฉินจุนเทเลม่อน มิ้นต์ มาการิต้าทิ้งไป เหลือไว้เพียงความสดชื่นที่อยู่ในแก้ว เพื่อนคนอื่น ๆ เห็นแบบนั้นก็เทเหล้าทิ้งตาม
จากนั้นฉินจุนก็นำวิสกี้ที่มีอายุเก่าแก่กว่าสามสิบกว่าปี ออกมารินให้ทุกคน
ทันใดนั้นสีหน้าของฟู้เสียวเซวี่ยก็เจื่อนลงอย่างสุด ๆ
มันน่าขายหน้าชะมัด ตัวเองทำเป็นรู้เรื่องเหล้า ที่ไหนได้แม้แค่เหล้าเลม่อน มิ้นต์ มาการิต้านั่นเธอยังไม่รู้เรื่องเลย เธอคิดว่ามันเป็นเหล้าสำหรับดื่ม ที่ไหนได้เขาเอามาล้างแก้ว
ความรู้สึกของเธอตอนนี้คือเหมือนกับว่าตัวเองกินน้ำล้างหม้อลงไป
ฟู้เสียวเซวี่ยนั่งหน้านิ่งไม่พูดอะไรออกมา
แม้ว่าเพื่อนคนอื่น ๆ จะรู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะครั้งนี้เป็นเสี่ยวฟู้ที่ขายหน้า ถ้าหากเป็นฉินจุนที่ขายหน้าพวกเธอจะต้องช่วยทับถมแน่นอน
ฉินจุนรินเหล้าให้ทุกคนรวมถึงเสี่ยวฟู้
เขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น เหล้านี้วางไว้อยู่หลังรถแบบนั้นมาเรื่อย ๆ คาดว่าน่าจะมีใครมองให้หลิ่วชิงชิงมาเป็นของขวัญ เธอก็ไม่ได้มีเวลามานั่งดื่มทุกขวด
คนระดับอย่างหลิ่วชิงชิง มีคนส่งของขวัญมาให้เธอมากมายเต็มไปหมด แม้กระทั่งเหล้าที่มีชื่อเสียงราคาแพงแบบนี้ เกรงว่าเธอเองก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนให้มา
พอทุกคนจิบเหล้าไปหนึ่งอึก ทันใดนั้นสีหน้าของทุกคนก็แปรเปลี่ยนเป็นท่าทางตกตะลึง
“รสชาติไม่เลวเลยนะเนี่ย ที่แท้รสชาติเหล้าดี ๆ นี่มันไม่เหมือนกันเหล้าธรรมดาทั่วไปนี่เอง กลิ่นหอมและรสชาติดี แถมเลม่อนกับมิ้นต์ก็มาช่วยกลบความเผ็ดของเหล้านี้ด้วย”
“เยี่ยมไปเลยอะ แต่ก่อนฉันเคยดื่มแค่วิสกี้ธรรมดา รสชาติมันไม่เหมือนแบบนี้เลย เหล้านี้รสชาติมันสุดยอดมาก ๆ ”
“ประเด็นมันไม่ได้รู้แค่ที่เหล้านะ เมื่อกี้ที่พวกเราดื่มไปมันเป็นวิธีการมืออาชีพเลย ฉันลองเสิร์ชดู การใช้เลม่อนกับมิ้นต์ล้างแก้วนั้นมันเป็นวิธีการดื่มแบบมืออาชีพ มันจะดึงรสชาติของเหล้าออกมาได้ดีที่สุด”
ยิ่งทุกคนชมเหล้านี้ ฟู้เสียวเซวี่ยก็ยิ่งรู้สึกแย่
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเธอเป็นตัวหลักของงาน มันก็ควรเป็นเธอสิที่รู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าฉินจุนกลับได้หน้ากลายเป็นที่สนใจของทุกคน ส่วนเธอก็เหมือนกลายเป็นยัยกระจอกอยู่ในกะลาไม่รู้เรื่องอะไร
ฟู้เสียวเซวี่ยดื่มเหล้าไปไม่กี่คำ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา เอ่ยถาม
“ฉินจุน ตอนนี้นายยังไม่มีแฟนใช่ไหม?”
ทุกคนต่างแสดงสีหน้าเหมือนว่ากำลังมีเรื่องสนุกเกิดขึ้น ฟู้เสียวเซวี่ยเอ่ยเข้าประเด็นแล้ว เรื่องราวในสมัยก่อนนั้นถึงแม้ฉินจุนจะทำไปด้วยความไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่าตัวของฟู้เสียวเซวี่ยก็เก็บกลับไปคิดเป็นจริงเป็นจัง เธอเก็บความแค้นเอาไว้ในใจมาตลอด เธอคิดว่าฉินจุนจงใจทำร้ายความรู้สึกของเธอ
เพราะฉะนั้นเธอจะต้องหาโอกาสเพื่อเอาคืนฉินจุนอย่างสาสม ให้เขาได้รู้ว่าการที่เขาปฏิเสธเธอในตอนนั้น มันเป็นการกระทำที่โง่มาก
พอได้ยินฟู้เสียวเซวี่ยเอ่ยถามประโยคนี้ ทุกคนก็ให้ความสนใจ
จากคุณชายตระกูลเศรษฐีกลายมาเป็นคนตกอับ รสนิยมก็น่าจะต่ำลงไหม?
สมัยก่อนตอนที่ฉินจุนยังเป็นคุณชายอยู่ เขาไม่ชอบใครเลย มีสาว ๆ ในโรงเรียนตามจีบเขามากมายแต่เขาก็ไม่สนใจ ตอนนี้จบแล้ว เขาไม่ได้มีฐานะดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เดาว่าก็คงไม่ได้มีสาว ๆ มารุมล้อมอะไรแล้วล่ะ
เป็นแค่คนธรรมดา ๆ แบบนี้ ก็น่าจะหาแฟนยากล่ะมั้ง?
ขนาดรถยังต้องเช่าแบบนี้ จะไปมีความสามารถอะไร?
เหล่าสาว ๆ ต่างหัวเราะคิกคักร้อมกับเอ่ย “เหล่าฉินตอนนี้ก็อายุไม่น้อยแล้วนะ ควรจะหาแฟนได้แล้วนะ”
“หาแฟนไม่ได้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรปะ เดี๋ยวนี้พวกผู้ชายเขามุ่งมั่นหน้าที่การงาน”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้นะ หน้าที่การงานก็จำเป็นต้องมีภรรยาคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นถ้าการงานไม่ประสบความสำเร็จ ชาตินี้ก็จะไม่หาเมียเลยเหรอ?”
“ก็มีเหตุผลนะ เหล่าฉินสรุปตอนนี้เป็นไงล่ะ ยังหาไม่ได้หรือยังไม่มีคนที่ถูกใจ?”
“เฮ้ย นายอย่ามัวสเปคสูงไปนะ ตอนนี้อายุอานามตั้งเท่าไหร่แล้ว เทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้นะ”
“นั่นสิ ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ก็ไปหาพวกบ้านนอกดูสิ สวยหรือไม่สวยไม่สำคัญหรอก ขอแค่ไม่รังเกียจยอมใช้ชีวิตอยู่กับนายก็พอแล้ว”
“ฉันมีญาติคนหนึ่งให้ฉันแนะนำให้ไหม อายุสามสิบต้น ๆ เพิ่งหย่ามามีลูกติดหนึ่งคน แต่ว่าหน้าตาสะสวยเหมาะกับนายอยู่”
“ฉันเองก็มีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง ปีนี้อายุสามสิบห้ายังไม่ได้แต่งงาน หน้าตาก็พอได้อยู่แต่อ้วนนิดหน่อย เป็นคนจริงใจซื่อสัตย์”
“……”
ทุกคนต่างรีบแนะนำให้คู่ให้ฉินจุนกับขึ้นมาทันที
พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฉินจุนก็รู้สึกหมดคำจะพูด เหนื่อยใจจนต้องเอ่ยขัดคนพวกนี้
“ฉันมีแฟนแล้ว”
พอฉินจุนพูดจบ ทุกคนก็อึ้งไปเลย คิดไม่ถึงเลยว่าฉินจุนจะมีแฟนแล้ว?
โดยเฉพาะฟู้เสียวเซวี่ย เธอช็อกมาก ๆ สีหน้าของเธอออกอาการตกใจจนดูเว่อร์มาก
“จริงหรือหลอก?นายมีแฟนแล้วเหรอ?ทำงานอะไร เป็นพวกบ้านนอกเหรอ?หรือว่าพวกแม่ม่าย?”
ในสายตาของฟู้เสียวเซวี่ย จากฐานะของฉินจุนแล้วไม่น่าจะให้แฟนได้ดีเดออะไร คงจะเป็นพวกผู้หญิงประเภทที่พวกเพื่อน ๆ แนะนำก่อนหน้านี้ พวกสาวบ้านนอก พวกแม่ม่าย อายุเยอะหน่อย หน้าตาไม่ค่อยดี แต่นิสัยซื่อสัตย์จริงใจก็ถือว่าโอเคแล้ว
ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขก็พอแล้ว ไม่ต้องเลือกมาก
พอได้ยินประโยคนี้ของฟู้เสียวเซวี่ยทุกคนก็เผยสีหน้าเยาะเย้ยออกมา ไม่ว่าฉินจุนจะหาแฟนได้แบบนั้น แต่ถ้ามาอยู่ต่อหน้าฟู้เสียวเซวี่ยต้องดรอปแน่นอน
พูดอย่างเป็นกลาง ฟู้เสียวเซวี่ยนั้นหน้าตาสวย รูปร่างดีมาก ตอนนี้เธอมีฐานะ พูดจาทัศนคติอะไรก็ไม่เลวเลย เป็นผู้หญิงประเภทขาว รวย สวย ตามพิมพ์นิยม
ยิ่งมีเงินทองร่ำรวยแล้วด้วย ระดับฐานะของเธอก็ยิ่งไม่ธรรมดา จะมีใครไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้บ้างล่ะ?
คนที่เคยปฏิเสธฟู้เสียวเซวี่ยในตอนนั้นจะต้องเสียดายไปจนตาย
ตอนนี้ฉินจุนทำเป็นนิ่งไม่ได้มีท่าทีหวั่นไหวอะไร ถ้าให้เดาภายในใจคงจะเสียดายสุด ๆ เลยล่ะ
ฉินจุนเอ่ยนิ่ง ๆ “แฟนฉันทำธุรกิจ”
พอเห็นฉินจุนไม่ได้มีท่าทีเสียดายเธอแต่อย่างใด ฟู้เสียวเซวี่ยก็ไม่พอใจอย่างมาก
“ดูจากที่นายพูดแล้ว แฟนนายยอดเยี่ยมนักเหรอ?”
ฉินจุนยิ้ม “ก็ยอดเยี่ยมจริง ๆ ”
เศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศ ยังไม่ถือว่ายอดเยี่ยมอีกเหรอ?
ฟู้เสียวเซวี่ยส่งเสียงไม่พอใจ “ถ้าอย่างนั้นก็เรียกมาเลยสิ จะได้ทำความรู้จักกับทุกคน พวกเราจะได้เปิดหูเปิดตา ดูสิว่าแฟนที่ดีเลิศประเสริฐศรีของนายเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหน?”
“ใช่ ๆ ฉันก็อยากเห็นด้วย อยากรู้ว่าสรุปแล้วนะเป็นสาวสวย หรือนิสัยดี หรือว่ามีเงิน?”
“ฉินจุนนายก็หน้าตาดี คงจะไม่ได้ไปหาจับเศรษฐินีใช่ไหม?”
“ฮ่าฮ่า เศรษฐินีก็ไม่ได้หากันได้ง่าย ๆ นะ พวกสาวแก่สี่สิบอัพพวกนั้นก็เลือกมาก มักจะชอบแต่หนุ่ม ๆ อายุยี่สิบกว่า”
“……”
ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างไม่เกรงใจ ฟู้เสียวเซวี่ยเองก็แสดงสีหน้ายิ้มอย่างพึงพอใจ เธอรอให้ฉินจุนเรียกแฟนสาวของเขามาที่นี่
ฉินจุนคิด ๆ ดูแล้วยังไงที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ห่างจากบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน ถ้าอย่างนั้นก็เรียกเธอมาแล้วกัน
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ฮัลโหล มีอะไรเหรอ?” หลิ่วชิงชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงขี้เกียจ ไม่เหมือนเวลาอยู่บริษัท
ฉินจุนเอ่ย “ฉันมางานเลี้ยงกับเพื่อนสมัยเรียน พวกเขาอยากเจอเธอ เธอจะมาไหม?”
หลิ่วชิงชิงชะงักแล้วตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล “ได้สิคะ อยู่ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวฉันไปหา”
ฉินจุนกับหลิ่วชิงชิงเพิ่งตกลงคบกันไม่นาน หลิ่วชิงชิงยังคงตื่นเต้นเมื่อได้ลิ้มรสความหวานแห่งความรัก
“โอเค อยู่ที่ร้านอาหารเบาฮิเนีย รีบมานะ”
พูดจบก็วางสายทันที
ฟู้เสียวเซวี่ยส่งสายตากับเพื่อนผู้หญิงคนอื่น ๆ แล้วเอ่ย
“โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รออีกสักพัก อีกเดี๋ยวก็เพิ่มเก้าอี้ให้แฟนของนายด้วย ให้เธอสั่งอาหารเพิ่มด้วยเลยนะ สั่งพวกอาหารที่ไม่เคยกินน่ะ ถ้าไม่พอก็บอกได้เลยนะ หรือจะห่อกลับบ้านก็ไม่ว่ากัน”
ในสายตาของพวกฟู้เสียวเซวี่ย แฟนของฉินจุนจะต้องเป็นพวกบ้านนอกไม่เคยเห็นอะไรพวกนี้แน่นอน เดาว่าคงจะไม่เคยมาร้านอาหารหรู ๆ แบบนี้ด้วย
พูดจบ ฟู้เสียวเซวี่ยกับเพื่อนผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็ไปเข้าห้องน้ำเพื่อเติมหน้า
เหล่าสาว ๆ เติมลิปสติกไปก็พูดไป
“เสี่ยวฟู้ เธอต้องเติมหน้าให้สวย ๆ เลยนะ รอให้ยัยแฟนของฉินจุนมาถึง เธอก็ข่มยัยนั่นเลย!”
ฟู้เสียวเซวี่ยยิ้มบาง ๆ และมองดูตัวเองในกระจกด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“ระหว่างผู้หญิงด้วยกันน่ะ ไม่จำเป็นต้องทะเลาะแย่งชิงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบ แค่สวยกว่าก็พอแล้ว”
ฟู้เสียวเซวี่ยมั่นใจมาก ว่าเธอจะต้องสวยกว่าแฟนของฉินจุน และก็ต้องโดดเด่นกว่าผู้หญิงคนนั้น