บทที่ 517 ทวงความยุติธรรม
เมื่อลู่เสี้ยงหยางได้ยินประโยคของโอหยางรั่วสุ่ย รู้สึกคลั่นเนื้อคลั่นตัว มีเรื่องจะพูด ทำไมเธอถึงได้พูดในห้องนอนหลักนี่ แถมยังปิดประตูอีก
นี่จะทำให้เย่สวนเข้าใจผิดได้ง่าย
ลู่เสี้ยงหยางส่ายหน้า ฝืนยิ้มอย่างขมขื่น “มีเรื่องอะไรเราไปคุยกันที่ห้องรับแขกเถอะ”
“ไม่” โอหยางรั่วสุ่นทำหน้าบูดก่อนกล่าว “บางเรื่องฉันพูดได้แค่กับนายคนเดียวเท่านั้น”
อะไรนะ?
พูดได้แค่กับผมคนเดียว?
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่เพื่อสลัดโอหยางรั่วสุ่ยให้หลุดโดยเร็วจึงเร่งขึ้น “ถ้างั้นคุณรีบว่ามาเลย”
โอหยางรั่วสุ่ยพยักหน้า ใบหน้าที่แดงก่ำเพิ่งจะลดลงไปบ้างแดงเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง จนแดงกว่าเมื่อสักครู่มาก จนรามไปถึงลำคอ
“อันที่จริง อันที่จริงฉันอยากจะบอกนายว่า ตั้งแต่ที่นายช่วยฉันเอาไว้ ฉันก็ตกหลุมรักนายเข้าอย่างจัง” มือทั้งสองข้างของโอหยางรั่วสุ่ยกำชายกระโปรงเอาไว้แน่น กล่าวพึมพำเสียงแผ่ว
เอ่อ!
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลู่เสี้ยงหยางนิ่งอึ้ง โอหยางรั่วสุ่ยชอบเขางั้นหรือ
นี่มัน นี่มันบ้ามากเกินไปแล้ว
หรือนี่ที่โบราณว่าเอาไว้ว่ากันไฟไหม้กันโจรกันเพื่อนรัก?
“เฮ้อ” ลู่เสี้ยงหยาวถอนหายใจออกมา โอหยางรั่วสุ่ยเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของเย่สวน การที่เขาสารภาพออกมา หลังจากนี้คงจะอึดอัดแย่เมื่อต้องอยู่กับเธอ
ลู่เสี้ยงหยาวหัวเราะ ก่อนที่จะทำลายบรรยากาศอันประหม่านี้ “ขอบคุณครับสำหรับความรู้สึกดีๆที่มีต่อผม แต่ในใจผม มีเพียงแค่เย่สวนคนเดียวเท่านั้น”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ร่างบางของโอหยางรั่วสุ่ยสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวังและตื่นเต้น ไม่นานเธอก็จ้องมองสายตาของลู่เสี้ยงหยางด้วยความมุ่งมั่น “นายโกหก นายกับเย่สวนไม่มีความรู้สึกต่อกัน พวกนายสองคนแต่รักษาชื่อเสียงของการเป็นคู่สามีภรรยาเท่านั้น ในเมื่อพวกนายไม่ได้รักกัน ก็ไม่จำเป็นต้องรั้งกันไว้ นายปล่อยเธอไปค้นหาความสุขของเธอเองเสียดีกว่า นายเองก็จะมีความสุขด้วย”
ลู่เสี้ยงหยางส่ายหน้า จ้องเข้าไปในดวงตาของโอหยางรั่วสุ่ย กล่าวอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ผมไม่ได้โกหกคุณ ผมกับเย่สวนเรารักกันด้วยใจ ชีวิตนี้เรามั่นใจซึ่งกันและกัน ในเมื่อคุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ก็ต้องสนับสนุนในสิ่งที่เธอเลือก”
ความหมายที่แฝงในประโยคของลู่เสี้ยงหยาง คือว่าบอกกับโอหยางนั่วสุ่ยว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเย่สวนอีก
ไม่เช่นนั้น เขาคงเป็นเพื่อนกับเธอไม่ได้อีก และเธอเองกับเย่สวนก็ไม่สามารถเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ได้อีก
โอหยางรั่วสุ่ยจับจ้องลู่เสี้ยงหยางนิ่ง หัวใจของเธอเหมือนถูกมีดกรีดเฉือน
จากประโยคของลู่เสี้ยงหยาง เธอดูออก ว่าลู่เสี้ยงหยางรักเย่สวนมาก
บางทีเย่สวนเองก็รักลู่เสี้ยงหยางมากเช่นเดียวกัน เพียงแต่เธอไม่เข้าใจความความรู้สึกของทั้งคู่
เมื่อเห็นว่าโอหยางรั่วสุ่ยเงียบไป ลู่เสี้ยงหยางจึงกล่าวเสริม “อันที่จริงเราสองคนก็เป็นเพื่อนรักกันได้ คุณไม่มีที่เพิ่งในปินเหอ ต่อจากนี้คุณมีอุปสรรคอะไรผมจะช่วยคุณเอง”
เฮ้อ แค่เพื่อนเท่านั้นเองหรือ?
โอหยางรั่วสุ่ยไม่ยอม มือทั้งสองข้างกำแน่น เล็บของเธอจิกเข้ากับฝ่ามือจนเลือดแทบไหล แต่เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ
เธอไม่อยากให้ลู่เสี้ยงหยางเห็นสภาพของเธอ จึงฝืนยิ้มออกมา “ก็ได้ นายบอกเองนะว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ต่อจากนี้ฉันมีปัญหาอะไรก็มาหานายได้”
“แน่นอน” ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้า ด้วยความโล่งอก ในที่สุดบรรยากาศอันน่าอึดอัดระหว่างเขากับโอหยางรั่วสุ่ยก็คลี่คลายเสียที
ในเวลานี้ โอหยางรั่วสุ่ยถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “อันที่จริงเมื่อกี้ฉันแค่ล้อนายเล่นเท่านั้น ที่ฉันมาปินเหอในครั้งนี้เพื่อค้นหาตัวคุณชายสามแห่งตระกูลลู่ จากนั้นก็คิดหาวิธีแต่งงานกับเขา เพราะงั้นนายไม่ต้องเป็นห่วง ระหว่างเราเป็นไปไม่ได้”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลู่เสี้ยงหยางนิ่งเงียบ ก่อนหน้านี้โอหยางรั่วสุ่ยเคยพูดเรื่องนี้กับเย่สวนไปแล้ว
ตระกูลโอหยางเกิดปัญหาขึ้น ต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลลู่ แต่ตระกูลโอหยางและตระกูลลู่ไร้ความสัมพันธ์ต่อกัน จึงไม่มีทางที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือดื้อๆ
เพราะงั้นตระกูลโอหยางจึงส่งโอหยางรั่วสุ่ยมาที่ปินเหอ เพื่อค้นหาตัวคุณชายสามแห่งตระกูลลู่
หากทั้งสองตระกูลดองเกี่ยวกัน ตระกูลลู่ก็จะต้องช่วยเหลือตระกูลโอหยางอย่างไร้ข้อกังขา
เพียงแต่ลู่เสี้ยงรู้สึกไร้คำพูด ดูทีท่าโอหยางรั่วสุ่ย เธอคงตั้งมั่นแล้วว่าจะค้นหาตัวคุณชายสามแก่งตระกูลลู่ให้ได้ และแต่งงานกับเขา
และคุณชายสามแก่งตระกูลลู่ก็คือเขาเอง? หากสักวันสถานะของเขาถูกเปิดเผย ตัวเขาคงห้ามเธอไม่ได้ เรื่องที่เธอจะแต่งงานกับเขา
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ลู่เสี้ยงหยางก็พลันปวดขมับ
เฮ้อ ช่างเถอะ ไม่คิดแล้วดีกว่า หากไปถึงจุดนั้นจริงๆ ค่อยคิดแล้วกัน
ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะออกมาพร้อมกล่าว “ผมเชื่อว่าคุณจะสมปรารถนาแน่ จะได้แต่งงานกับคุณชายสามแห่งตระกูลลู่”
“อืม” โอหยางรั่วสุ่ยพยักหน้ารับ ใบหน้าของเธอบูดบึ้งไร้ความยินดีประดับอยู่เลย การแต่งงานกับคุณชายสามแห่งตระกูลลู่เป็นคำสั่งของตระกูลที่เธอขัดขืนไม่ได้ แต่ในใจเธอมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ก็คือลู่เสี้ยงหยางที่อยู่ตรงหน้า
ลู่เสี้ยงหยางและโอหยางรั่วสุ่บไม่ได้อยู่ในห้องนอนหลักนานไปกว่านั้น หลังจากที่ออกจากห้องนอนบนชั้นสองทั้งคู่ก็ไปที่ห้องนอนอื่นๆต่อไป
เมื่อเดินชมชั้นสองจนทั่วจึงมาที่ชั้นล่าง
ทั้งคู่เดินชมไปทั่วบ้าน เป็นเวลาสิบนาที
โอหยางรั่วสุ่ยนอนค้างที่บ้านพักตากอากาศหมายเลข888บนยอดเขาหลงเสิน
เช้าวันที่สอง ลู่เสี้ยงหยางตื่นขึ้นรับประทานอาหารเช้าพร้อมกับเย่สวนและโอหยางรั่วสุ่น
หลังอาหาร เย่สวนเตรียมตัวเข้าเรียนที่สถาบันหลงเสิน
ส่วนลู่เสี้ยงหยางหลังจากที่ผ่านเรื่องของไป๋หมิ่นหมิ่น เขาก็ไร้ความเกี่ยวข้องกับสถาบันหลงเสินอีก จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปเข้าเรียนที่สถาบันหลงเสิน
สถาบันหลงเซิรยังติดค้างคำอธิบายกับเขา หากหวังเสว่สืบค้นความจริงของเรื่องนี้ได้ เขาก็จะไปที่สถาบันหลงเสินเพื่อทวงความยุติธรรม
โอหยางรั่วสุ่ยออกจากบ้านไปพร้อมกับเย่สวน เมื่อทั้งสองออกจากบ้าน ภายในบ้านก็เหลือเพียงแค่เขาคนเดียว
ลู่เสี้ยงหยางหยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่อหาหวังเสว่
“เรื่องที่ไป๋หมิ่นหมิ่นถูกฆ่าข่มขืนไปถึงไหนแล้ว?” ลู่เสี้ยงหยางเข้าประเด็นในทันที
หวังเสว่กว่าว “เราสืบค้นจากกล้องวงจรปิดและสถานที่เกิดเหตุ เรายืนยันแล้วว่าคนคนนั้นไม่ใช่นาย แต่มีบางอย่างที่เราไม่เข้าใจ คือคนคนนั้นหน้าตาเหมือนกับนายมาก หรือว่านายจะมีพี่น้องฝาแฝด?”
ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะออกมา “เป็นไปไม่ได้”
เขาไม่เข้าใจ หรือว่าบนโลกนี้จะมีคนที่หน้าตาเหมือนกับเขา?
เมื่อได้ยินคำตอบของลู่เสี้ยงหยาง หวังเสว่ขมวดคิ้วแน่น ถ้าอย่างนั้น คดีนี้ก็ยิ่งเป็นปริศนามากกว่าเก่า
ตอนนี้ทีมของเขายืนยันได้แค่ว่าคนร้ายไม่ใช่ลู่เสี้ยงหยางไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะต้องรวบตัวคนร้ายออกมาเพื่อคืนให้ยุติธรรมให้กับลู่เสี้ยงหยาง
มีเพียงแค่วิธีนี้ ลู่เสี้ยงหยางจึงจะทวงความยุติธรรมจากสถาบันหลงเสินได้