วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – บทที่ 504 ความรู้สึกที่สูญเสียไป

บทที่ 504 ความรู้สึกที่สูญเสียไป

“หุบปาก!”

เขายิ้มอย่างนุ่มนวล ในรอยนั้นมีด้วยความเห็นอกเห็นใจ สงสารและความไม่ไยดีปนอยู่ในนั้นด้วย

“ในสายตาของคุณ ยังไงเราก็เป็นคนที่กำลังจะตายอยู่แล้ว ถึงรู้แล้วจะทำอะไรได้?แทนที่จะพูดออกมาตรงๆ ก็ถือว่าบอกให้เรารู้ว่ากำลังจะตายเพื่อใคร”

ต้วนอีเหยากำลังโมโหพี่หก เพียงครู่หนึ่งพี่หกก็สูญเสียเหตุผลของเขาไป

แต่เขาก็กลับมาใจเย็นอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว มีน้ำเสียงเหน็บแนมขณะที่พูดว่า: “ผู้หญิงเจ้าเล่ห์ ฉันรู้ เธอกำลังพยายามล้วงความลับ ฉันไม่ยอมให้เธอทำสำเร็จหรอก อีกอย่างเธอบอกว่าเธอมาเพื่อเซี่ยอันน่า แต่ฉันมองยังไงก็รู้สึกว่าเธอกำลังหลอกใช้เธอเพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาวของครอบครัวตระกูลเย่ของพวกเธออยู่”

พี่หกยิ้มให้เซี่ยอันน่าและพูดว่า “พูดตามตรง ถ้าเธอค้นพบความจริง เธอเลือกที่จะฆ่าเซี่ยอันน่าเพื่อปกปิดความจริงไหม?”

คราวนี้ก่อนที่ต้วนอีเหยาจะเอ่ยปากพูด เซี่ยอันน่าก็พูดออกมาว่า “คุณเลิกยุให้รำตำให้รั่วได้แล้ว ถ้าเทียบกับปีศาจที่ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาแบบคุณ ยังไงฉันก็จะเชื่อในพี่อีเหยาทั้งหมด”

พี่หกส่ายหน้าด้วยความเสียดายและพูดว่า: “อย่างเธออ่ะ มันไร้เดียงสาจริงๆ โลกนี้เลวร้ายกว่าที่เธอคิด การที่เธอทำดีกับคนอื่นแบบนี้ ไม่ได้แปลว่าเธอจะได้รับผลตอบแทนเช่นนั้นเหมือนกัน”

เซี่ยอันน่าอุทานและพูดว่า: “ตลกจริงๆ จู่ๆคนชั่วก็สอนให้คนอื่นมีความเมตตาและรู้จักสิ่งตอบแทน”

“ความชั่วของบางคนอยู่แค่ภายนอกแต่ความชั่วของบางคนซ่อนอยู่ภายใต้ความซื่อสัตย์นั้น ยิ่งทำให้คนรู้สึกขยะแขยง!”

“ความหมายของนายคือ คนในครอบครัวตระกูลเย่เลวกว่านาย?”

“ถูกต้อง บางทีตอนนี้พวกเธออาจจะยังไม่เข้าใจ แต่อีกไม่นานพวกเธอจะได้เปิดหูเปิดตาและพวกเธอจะได้รู้ว่าสำหรับฉันไม่ถือว่าเป็นคนเลวเลย”

ในขณะที่พี่หกพูดแบบนี้ ใบหน้าของเขาก็ดูจริงจัง ในดวงตาที่เย็นชาตลอดเวลามีกลิ่นไอที่ไม่ปกติอยู่

สิ่งนี้ทำให้เซี่ยอันน่าตกตะลึง เธอจ้องไปที่ดวงตาพี่หก ราวกับว่าเธอถูกใครบางคนสะกดจิตวิญญาณเอาไว้

ทันใดนั้นก็มีคนผลักเซี่ยอันน่าและดึงสติของเธอกลับมา

“อันน่า อย่าหลงกลเขา ผู้ชายคนนี้กลัวโลกใบนี้จะสงบสุข ดังนั้นทุกคนต่างตายไปเพื่อรับใช้เขาถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว”

พี่หกยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจและพูดว่า “เพราะหวังดีกับพวกเธอฉันเลยเตือนพวกเธอไว้ แต่พวกเธอกลับมาเข้าใจฉันผิด ช่างเถอะ ฉันจะไม่พูดอะไรเพื่อโน้มน้าวพวกเธออีกต่อไป ดังนั้นให้ความจริงสอนพวกเธอเป็นบทเรียนแล้วกัน”

หลังจากพูดจบพี่หกก็หันหลังจากไป

เมื่อเห็นว่าพี่หกไปแล้ว ต้วนอีเหยาก็หันไปจับมือเซี่ยอันน่าไว้และพูดว่า “อันน่าอย่าไปฟังไอ้บ้านั่น”

“แน่นอนว่าฉันไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่ … ” เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ตกลงในปีนั้นเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้เขาเกลียดตระกูลเย่แบบนี้”

“เรื่องพวกนี้เราไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก ผู้อาวุโสของตระกูลเย่ไม่ใช่สิ่งของวางโชว์ เขารู้ว่าต้องทำยังไง สิ่งเดียวที่เราต้องทำในตอนนี้คือกลับบ้านอย่างปลอดภัย”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เซี่ยอันน่าก็ถอนหายใจอย่างเศร้าโศกเล็กน้อยและมีความสิ้นหวังปนอยู่ในนั้นจากนั้นก็พูดว่า: “หลายวันที่เธอมาก็เห็นมันมาตลอด พื้นที่รอบๆทั้งหมดเต็มไปด้วยน้ำทะเล เราไม่สามารถออกไปได้เว้นแต่พี่หกจะปล่อยไป”

“มีตั้งหลายล้านวิธี ถ้าเธอยอมแพ้เองก็ไม่มีโอกาสชนะจริงๆ”

เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้วคำพูดนี้ก็ฟังดูสมเหตุสมผล เซี่ยอันน่าแตะศีรษะของเธอและพูดอย่างรู้สึกผิดว่า: “อืม เป็นเพราะฉันมองโลกในแง่ร้ายเกินไป”

ต้วนอีเหยาจับมือเซี่ยอันน่าแน่นขึ้นและพูดว่า “อันน่า เธอต้องเชื่อในตัวฉันและครอบครัวบ้านตระกูลเย่ นี้ไม่ใช่จุดจบสุดท้ายของเราแน่นอน!”

เมื่อเห็นดวงตาที่แน่วแน่ของต้วนอีเหยา เซี่ยอันน่าก็พยักหน้า แต่ในใจยังคงรู้สึกไม่มั่นใจและมันก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

การตามหาเบาะแสของพี่หกก็ล้มเหลวอีกครั้ง

สิ่งนี้เกือบจะทำให้เสี่ยวอวี้หลินเป็นบ้าและทำให้เขาทำตัวบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

เขารู้ดีว่าการกระทำบางอย่างของเขาจะไม่ได้รับอนุญาตจากคนรอบข้าง จึงเริ่มคิดแผนการร้ายๆด้วยตัวเองโดยไม่ร่วมมือกับครอบครัวตระกูลเย่

ทุกคนค่อยๆค้นพบความผิดปกติของเสี่ยวอวี้หลินอย่างช้าๆและเมื่อเขาเตรียมดำเนินการเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง ก็หยุดเขาไว้ได้

“เสี่ยวอวี้หลิน นายทำอะไร?”

“จัดกำลังพลและเตรียมรับมือกับการโจมตี”

“นายบ้าหรือไง พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยน้ำทะเลและไม่มีที่กำบัง เพียงแค่คนของนายปรากฏตัวพวกเขาจะถูกโจมตีอย่างบ้าคลั่งและกองทัพทั้งหมดจะถูกกวาดล้าง!”

“แต่ก็ไม่ใช่ไม่ลงมือทำอะไรเลย จะเฝ้าแบบนี้ไปเรื่อยๆงั้นหรอ!” เสี่ยวอวี้หลินขยี้ผมของเขาเหมือนคนบ้า พร้อมกับพึมพำว่า “ผ่านไปหลายวันแล้ว ผมไม่สามารถรอได้อีกต่อไป!”

“เสี่ยวอวี้หลิน นายใจเย็นๆลงหน่อย!” เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วแล้วจับไหล่ของเสี่ยวอวี้หลิน จากนั้นก็พูดว่า “อีเหยาก็อยู่ข้างใน ความกังวลของฉันไม่ได้น้อยไปกว่านายเลย แต่ถ้าเราเคลื่อนไหวอย่างประมาท ก็จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย!”

เขานั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้าทรุดโทรม น้ำเสียงขอเสี่ยวอวี้หลินแหบแห้งและพูดว่า: “ฉันเข้าใจเหตุผลดีแต่ฉันไม่สามารถนั่งรอให้ความตายมาเยือนได้”

“เราได้รับการยืนยันเวลาและพร้อมที่จะประลองกับพี่หกแล้ว”

การยืนยันในครั้งนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินตกตะลึง

เขาเงยหน้าขึ้นมองเย่จิงเหยียนและถามว่า “คุณป้ากับคุณลุงตกลงแล้วหรือ?”

“ใช่ สิ่งที่นายต้องทำตอนนี้คืออดทนรอและอย่าสร้างปัญหาในตอนนี้”

ประโยคนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ จากนั้นเขาก็พึมพำว่า: “สิ่งที่ผมทำได้ มีแค่เรื่องสร้างปัญหาหรอ?”

“เป็นห่วงมากไปจะสร้างความวุ่นวายขึ้นมาได้ นายในตอนนี้ตกอยู่ในความสับสนเลยไม่สามารถตัดสินได้ตามปกติ สิ่งที่เรากำลังเผชิญไม่ใช่ศัตรูธรรมดา แต่เป็นคนที่เกลียดครอบครัวตระกูลเย่เข้ากระดูกดำ เป็นพี่หกที่เรารู้จักอย่างลึกซึ้ง ยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีญาติสนิทที่ตกอยู่ในมือเขา ยิ่งล้มเหลวไม่ได้”

มองเข้าไปในดวงตาของเสี่ยวอวี้หลินโดยตรงและพูดว่า “ฉันเข้าใจความรู้สึกของนายดี แต่ในช่วงเวลาที่วิกฤตแบบนี้เราไม่มีสิทธิ์ที่จะล้มเหลว นาย ไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้อีกต่อไปแล้ว!”

ดวงตาที่เจ็บปวดของเย่จิงเหยียน เข้าไปสกิดที่ก้นบึ้งของหัวใจเสี่ยวอวี้หลิน

เสี่ยวอวี้หลินเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า จากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึม: “คุณพูดถูก ผมจะรีบจัดการกับตัวเองให้เร็วที่สุด”

“ฉันจะให้เวลานายสองสามวัน นายจัดการกับตัวเองก่อน รู้สึกว่าตัวเองโอเคแล้วค่อยมาเข้าร่วมกับเรา”

“โอเค”

ครั้งนี้หลังจากปลอบเสี่ยวอวี้หลิน เย่จิงเหยียนก็แจ้งเวลาและสถานที่นัดพบให้ต้วนอีเหยาทราบ

ต้วนอีเหยาไม่รอช้า ไปหาพี่หกแล้วจดเวลาและสถานที่วางไว้บนโต๊ะเขา

พี่หกชำเลืองมองไปด้านข้างแล้วถามว่า “นี้อะไร?”

“เวลาและสถานที่นัดพบกับครอบครัวตระกูลเย่”

พี่หกเลิกคิ้วขึ้น แยกไม่ออกว่าเขาโกรธหรือมีความสุขและถามว่า “เย่ฉ่าวเฉิน มาอังกฤษแล้วหรือ?”

“ใช่”

“ดีมาก” ทันใดนั้นรอยยิ้มของพี่หกก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายมากและถามว่า “พวกเธอไม่กลัวว่าพอฉันโกรธขึ้นมาแล้วลงมือฆ่าเย่ฉ่าวเฉินหรอ?”

ต้วนอีเหยาแสดงท่าทีออกมาอย่างเย็นชาและขี้เกียจเยาะเย้ยเขา จากนั้นก็พูดว่า: “นายมีความสามารถนั้นหรือเปล่าเถอะ”

“ฉันจะทำให้เธอดูว่าฉันมีความสามารถนี้หรือเปล่า”

เธอไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระ จึงหันหลังและกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ตอนนี้เซี่ยอันน่ากำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

“อันน่า เตรียมตัวให้พร้อมในช่วงสองวันนี้เรามีโอกาสได้ออกไปจากที่นี้แล้ว!”

เซี่ยอันน่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องเศร้าหรือมีความสุขและเธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า “จริงเหรอ?”

“แน่นอน ถ้าออกจากที่นี้เธอก็ไม่ต้องทนกลัวอีกต่อไป”

อันดับแรกเซี่ยอันน่ารู้สึกมีความสุขอย่างมาก จากนั้นไม่นานเธอก็เปลี่ยนกลายเป็นใบหน้าที่เศร้าแทน

เมื่อมองไปที่ทะเลและท้องฟ้าที่เป็นสีเดียวกัน เซี่ยอันน่าก็พูดว่า “แต่เราจะออกไปยังไงล่ะ?บริเวณรอบๆเต็มไปด้วยน้ำทะเล อยากออกไปโดยไม่ให้คนอื่นรู้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก”

“ถ้าพี่หกออกจากเกาะไป เกาะนี้ก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเราทั้งหมด เพียงแค่เขาออกจากที่นี้นานพอ ถ้าอยากไปจากที่นี้ มันก็ง่ายราวกับแค่พลิกฝ่ามือ”

พี่หกเคยออกจากที่นี้มาก่อน แต่ต้วนอีเหยาไม่เคยลงมือ

ตอนนี้ตัดสินใจแล้ว เป็นไปได้ว่า …

ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้น เซี่ยอันน่าถาม “ยากมาก คุณชายเย่และคุณนายเย่มาอังกฤษแล้ว?”

“ถูกต้อง”

คำตอบนี้ทำให้เซี่ยอันน่าทั้งประหม่าและกังวล

เมื่อเห็นอารมณ์ที่แปรปรวนของเซี่ยอันน่า ต้วนอีเหยาก็พูดเอาใจเธอว่า: “อย่าคิดมาก หน้าที่ของเราคือออกจากที่นี้อย่างปลอดภัย เพื่อไม่ให้จิงเหยียนและคนอื่นๆกังวล”

“ฉันรู้แล้ว”

“ถ้าถึงเวลาจะต้องทำยังไงบ้าง ฉันจะจัดเตรียมให้เธออีกครั้ง แค่ฟังคำสั่งจากฉันและอย่ากดดันมากเกินไป”

“โอเค”

ในที่สุดก็มีโอกาสจะได้ไปจากที่นี้ เซี่ยอันน่ารู้สึกตื่นเต้นมาก

เมื่อไหร่ที่เธอได้เจอเสี่ยวอวี้หลิน เธอจะต้องกอดเขาแรงๆและบอกเขาว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอคิดถึงเขามากแค่ไหน…

อีกฝั่ง–

แม้ว่าทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมไว้อย่างเหมาะสมแล้ว แต่เย่จิงเหยียนกลับรู้สึกไม่สบายใจเลย

เขาไปหาพ่อของเขาและมีเรื่องจะปรึกษา

“พ่อ”

“มีเรื่องอะไร?”

“ความเห็นของผมคือหาตัวแทนไปพบกับพี่หกเถอะ”

เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมองลูกชายของเขาและถามว่า “ทำไม?”

“คนนั้นไม่แน่ไม่นอนแถมยังชั่วร้าย ผมกังวลกลัวว่าพ่อจะได้รับบาดเจ็บ”

สำหรับเรื่องนี้ เย่ฉ่าวเฉินก็มีความยืนหยัดของตัวเองเช่นกัน

“ชายหนุ่มคนนั้นมีปมกับครอบครัวตระกูลเย่ ดังนั้นมีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้นที่สามารถแก้ปมนี้ได้ มิฉะนั้นทำร้ายกันไปมาก็จะไม่มีวันจบสิ้น นอกจากนี้นี่ก็เป็นความรับผิดชอบของฉันและไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเข้ามาแทรก”

เย่จิงเหยียนทำอะไรไม่ถูกและมองไปที่มู่เวยเวยที่อยู่ข้างๆเขาพร้อมกับถามว่า “แม่ไม่โน้มน้าวพ่อหน่อยเหรอ”

ใบหน้ามู่เวยเวยเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

“ถ้าคำพูดของฉันได้ผล ตอนนี้เขาคงไม่ยืนอยู่ตรงนี้หรอก”

เมื่อเห็นภรรยาและลูกชายของตัวเองต่างทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เย่ฉ่าวเฉินก็เผยนิสัยดื้อรั้นออกมาและถามว่า: “พวกเธอไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของฉันหรือไง?ก็แค่พ่อหนุ่มคนหนึ่งฉันจัดการได้”

มู่เวยเวยถอนหายใจและพูดว่า “คุณตัดสินใจไปแล้ว ถึงฉันยับยั้งคุณไว้ก็ไม่มีความหมายอะไร ทำตามความคิดของคุณเถอะ ยังไงฉันก็เป็นห่วงคุณมาตลอดทั้งชีวิตและไม่น้อยไปกว่าครั้งนี้หรอก”

เย่ฉ่าวเฉินรายล้อมไปด้วยผู้หญิงอันเป็นที่รักของเขาแล้วเขาก็ใช้คางถูผมของมู่เวยเวยและพูดว่า: “ผมกลับมาเราไปเดินทางรอบโลกกันต่อนะ ไม่ว่าพวกเด็กๆจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีกก็ไม่สนพวกเขาแล้ว”

“ฉันหวังว่าคุณจะสามารถทำตามสิ่งที่คุณพูดในครั้งนี้ได้”

“แน่นอน ผมเคยผิดสัญญาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?นี้ก็หลายปีมาแล้วคุณควรเชื่อผมถึงจะถูกสิ”

สองสามีภรรยาหวนนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา เย่จิงเหยียนออกมาจากห้องในเวลาที่เหมาะเจาะเพื่อให้พวกเขาสองคนมีโอกาสได้อยู่ตามลำพัง

เมื่อเห็นเย่จิงเหยียนเดินออกไป เย่ชูวเสวียก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอย่างไรบ้าง โน้มน้าวสำเร็จแล้วหรอ?”

เย่จิงเหยียนส่ายหัว

เย่ชูวเสวียถอนหายใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าและพูดว่า: “นี้ต้องอันตรายมากแน่ๆ ทำยังไงดี ฉันไม่อยากให้พ่อไปเสี่ยง”

“พ่อไม่ประมาทหรอก เราก็เชื่อใจเขาเถอะ อีกอย่างครั้งนี้มีเราช่วยเหลืออยู่ข้างๆ อย่าไปคิดในแง่มุมร้ายๆ”

เย่ชูวเสวียถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพึมพำ “ตอนนี้ก็ทำได้แค่หวังว่าจะเป็นเช่นนี้”

ท้องฟ้ามืดครึ้ม คลื่นทะเลซัดไปมาและดูเหมือนว่าจะมีฝนตกหนัก

เซี่ยอันน่ายืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง เธอดึงคอไว้ด้วยความกังวล ไม่สามารถปกปิดความวิตกกังวลในสายตาของเธอได้เลย

วันดำเนินการถูกกำหนดให้เป็นวันนี้ พี่หกขึ้นเรือและออกเดินทางไปแล้ว ในตอนนี้น่าจะได้พบกับครอบครัวตระกูลเย่แล้ว

ไม่รู้เลยจริงๆว่าเมื่อทั้งสองฝ่ายมาเจอกันฉากนี้จะเป็นอย่างไร

ตอนที่เซี่ยอันน่ากระวนกระวายก็มีคนบุกเข้ามา

เมื่อได้ยินเสียงเซี่ยอันน่าก็ตกใจ

เมื่อหันกลับมา รูม่านตาของเธอก็หดตัวลงและเสียงของเธอก็เริ่มสั่น

“พี่อีเหยา ทำไมบนตัวพี่ถึงเปื้อนเลือดไปหมดเลย?”

“นี้ไม่ใช่เลือดของฉัน” การกระทำของต้วนอีเหยาเรียบง่ายและตรงไปตรงมา เธอโยนเสื้อผ้าให้ เซี่ยอันน่าชุดหนึ่งและออกคำสั่ง “นี้ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า!”

แม้ว่าจะมีคำถามมากมายในใจของเธอ แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่ควรถาม เซี่ยอันน่าทำได้เพียงตั้งคำถามไว้ในใจแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินตามต้วนอีเหยาและเดินออกจากห้องไป

เมื่อเดินออกมาด้านนอก เซี่ยอันน่าก็ตกใจเมื่อพบว่ามีศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่าเพิ่งมีการต่อสู้ที่ดุเดือดไป

แต่ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย?

ดูเหมือนว่า ต้วนอีเหยาและคนอื่นๆวางแผนไว้นานแล้ว เพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมจากนั้นก็โต้กลับเท่านั้นเอง

ต้วนอีเหยาและคนอื่นๆวิ่งกันอย่างรวดเร็ว แล้วเธอล่ะ? เพียงแค่รออย่างโง่เขลาและช่วยอะไรไม่ได้เลย

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เซี่ยอันน่าก็รู้สึกเสียใจมาก เท้าที่กำลังจะก้าวก็เริ่มรู้สึกหนักขึ้นมา

เมื่อพวกเขาวิ่งไปที่ชายหาดก็มีคนวิ่งเหยาะๆเข้ามาและโค้งคำนับให้ต้วนอีเหยา

“คุณนาย!”

“เตรียมเรือพร้อมหรือยัง?”

“เตรียมพร้อมแล้วครับ”

“ไปเดี๋ยวนี้เลย!”

บริเวณริมชายหาดมีจำนวนศพมากกว่าเมื่อกี้และดูสยดสยองอย่างมาก

ใบหน้าของเซี่ยอันน่าซีดลงและขาของเธอเริ่มสั่น

ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาตรงหน้าเธอ

“ถ้าเธอกลัวก็หลับตาลงแล้วจับมือฉันไว้”

เธอหายใจเข้าลึกๆจากนั้นเซี่ยอันน่าก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ต้วนอีเหยาและพูดว่า: “ฉันไม่เป็นไร ฉันทนได้ ออกจากที่นี้ก่อนเถอะ”

ในระหว่างที่พูดเซี่ยอันน่าก็แสร้งทำเป็นสงบลงจากนั้นก็เดินนำออกไป

ไม่จำเป็นต้องมองก็รู้ว่าในใจลึกๆของเซี่ยอันน่าต้องกลัวมากแน่ๆ

แต่เธอไม่อยากเป็นภาระของคนอื่นๆอีกต่อไป การแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมันทำให้คนดูรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย

โชคดีที่ทุกอย่างจบลงในไม่ช้า เซี่ยอันน่าจะได้กลับไปมีชีวิตแบบเดิมอีกครั้ง ลมที่ราบรื่นและคลื่นลมสงบ

ดวงตาของเธอมืดลง จากนั้นต้วนอีเหยาก็เดินตามไป

แต่ก่อนที่เขาจะขึ้นเรือ มีคนวิ่งกลับมาด้วยความตื่นตระหนกและดูหวาดกลัว

“คุณนาย พี่หกกลับมาแล้ว!!”

ต้วนอีเหยาขมวดคิ้วและพึมพำ: “ทำไมเขาถึงกลับมาเวลานี้ หรือว่า เขาพบเบาะแสบางอย่างขึ้น?”

“แล้วเราจะทำยังไงดี จะสู้หรือไปซ่อน?”

ต้วนอีเหยาคิดสักพักแล้วพูดว่า “ฉันไปยื้อพี่หกไว้ พวกนายยึดคลังแสงที่นี้เป็นของนายเอง ถ้าไม่ได้ก็ระเบิดมันซะ!”

“ครับ!”

หลังจากจัดเตรียมเสร็จสิ้น ต้วนอีเหยาก็ให้เซี่ยอันน่าหาที่ซ่อนที่ปลอดภัย

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

Status: Ongoing

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน