บทที่89 เซี่ยเวยเหมิงไม่ได้ผู้บริสุทธิ์ใจ
“เธอยังจำได้มั้ย ตอนที่เธอบังคับให้เวยเหมิงกรอกวิสกี้ลงไปขวดหนึ่ง? เจี่ยนถง คุณหนูเจี่ยน ตอนนั้นเธอเคยคิดหรือเปล่าว่าเธอจะมีวันนี้”
เจี่ยนถงมองย่าคุนที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างเอ๋อ แววตาเต็มไปด้วยความงงงวย “ฉัน? บังคับ? เวยเหมิง? กรอกวิสกี้ลงไปขวดหนึ่ง?”
ทุกคำพูดของเธอแฝงด้วยความสงสัย เธอไม่แยแสที่จะไปทำเรื่องบังคับคนหรอก ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้วิธีชั้นต่ำแบบนี้กับเซี่ยเวยเหมิง บังคับให้เซี่ยเวยเหมิงกรอกวิสกี้ลงไปขวดหนึ่ง
เรื่องแบบนี้ เธอไม่เคยแยแสที่จะไปทำเลย
“แกล้งโง่งั้นเหรอ? คุณหนูเจี่ยน ตอนนั้นเธอเบ่งอำนาจขนาดไหน ริษยาเวยเหมิง แกล้งใช้วิธียั่วยุปลุกปั่นกับเวยเหมิง ให้เวยเหมิงจำต้องดื่มวิสกี้ลงไปขวดหนึ่ง เธอนึกว่าเรื่องนี้ไม่มีคนเห็น คนอื่นก็จะไม่รู้งั้นเหรอ?”
จู่ๆเจี่ยนถงพูดขัดจังหวะย่าคุน และพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ไม่ ฉันไม่เคยทำเรื่องที่คุณพูด”
“ชิ~”ดวงตาอำมหิตของย่าคุนแทบอยากจะจ้องอยู่ที่บนตัวของเจี่ยนถง “เธอว่าเธอถูกฉันปรักปรำ? หรือว่าเวยเหมิงพูดโกหก? ตอนนั้นเวยเหมิงดื่มเมาเละเทะอยู่บนถนน โชคดีที่ถูกฉันพบเห็น มิเช่นนั้นยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น! เจี่ยนถง เธอกำลังว่าเวยเหมิงเมาเหล้าเป็นเรื่องเท็จ หรือว่าเรื่องที่ฉันเห็นกับตาเป็นเรื่องเท็จ? !”
เจี่ยนถงเหมือนถูกฟ้าผ่า!
ม่านตาหดตัวทันที…… เวยเหมิงเมาเละเทะ ถูกย่าคุนพบเห็น?
“เวยเหมิง……เป็นคนพูดเเหรอคะ?”สีหน้าแววตาของเธอดูแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
ย่าคุนทนเห็นเธอแบบนี้ไม่ได้ “เธอเสแสร้งเก่งจริงๆ! เสแสร้งเป็นตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว! เธอนึกว่าต่อหน้าดีกับเวยเหมิงขนาดนั้น ลับหลังกลับทำเรื่องชั่วช้า เธอนึกว่าสามารถปิดบังคนได้จริงเหรอ? แล้วที่แขนขาของเวยเหมิงมีรอยช้ำอยู่บ่อยๆมันยังไงกันแน่?”
“คุณเห็นฉันเป็นคนแบบนี้เหรอ? คุณนึกว่าฉันใจร้ายและย่ำยีเซี่ยเวยเหมิง?”ผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ลำแสงในแววตาลึกๆของเธอยิ่งอยู่ยิ่งมืดมน…..ระหว่างคิ้วของเธอ มีความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
แต่ไม่นานก็จางหายไปหมด…….เรื่องบางเรื่อง ที่จริงก็เดาออกแล้ว
เวลาสามปี กี่ค่ำคืนที่ถูกล็อกกุญแจมือให้นอนอยู่ที่ข้างชักโครก กี่ค่ำคืนที่เจ็บปวดจนยากที่จะนอนหลับ แม้แต่หายใจก็ยังลำบาก ค่ำคืนที่ได้แต่พิงอยู่ที่หัวมุมผนังและมองดูฝ้าเพดานอย่างเซ่อๆ……เงียบเหงาอ้างว้างจนนอกจากเหม่อลอยก็ยังเหม่อลอย ค่ำคืนที่หาเรื่องอย่างอื่นทำไม่ได้อีกต่อไป……หรือว่า ยังไม่พอให้เธอเข้าใจเรื่องที่เมื่อก่อนดูไม่ชัดเจนอีก?
เธอใช้เวลาสามปีในการคิดทบทวน ตอนแรกเพื่อหาหลักฐานที่ตัวเองถูกปรักปรำ
แต่ว่าพอยิ่งคิดมาก เธอก็ยิ่งตาสว่าง
มาจนสุดท้าย ตอนที่เธอกลับไปทวนซ้ำเรื่องราวพวกนั้นอีก ไม่ใช่เพื่อหาหลักฐานที่ตัวเองถูกปรักปรำแล้ว แต่เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเดาผิด
หัวเราะขึ้นมาเบาๆอย่างไม่พูดจา มุมปากเธอมีรอยยิ้มที่ขมขื่นลุกลามอยู่ในปาก…….สุดท้ายเธอก็เดาถูกอยู่ดี
ตั้งแต่ที่ย่าคุนเริ่มกล่าวหาเจี่ยนถง เจี่ยนถงก็รู้ว่าในสามปีนั้น ตัวเองได้ทำเรื่องที่น่าขำน่าเศร้าและน่าสงสารแค่ไหน——ไม่นึกเลยว่าเธอเพื่อพิสูจน์ตัวเองเดาผิด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของเซี่ยเวยเหมิง เธอทรมานตัวเองไปรื้อฟื้นความทรงจำที่เธอไม่ค่อยอยากรื้อฟื้นเท่าไหร่อย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เธอโง่หรือเปล่า?
เธอโง่!
มิเช่นนั้น ในสามปีนั้นก็สังเกตเห็น“ความสกปรก”ของเซี่ยเวยเหมิงตั้งนานแล้ว แต่ยังคงรื้อฟื้นความทรงจำครั้งแล้วครั้งเล่าอีกเช่นเคย อยากไปหาหลักฐานที่“บริสุทธิ์ใจ”ของเซี่ยเวยเหมิงเจอจากความทรงจำที่ผ่านมา ใช้มาโค่นล้มความสงสัยที่ปรุโปร่งอยู่ลึกๆในใจของตัวเอง
“เธอหัวเราะ เจี่ยนถง เธอหัวเราะแล้ว เธอกำลังหัวเราะอะไรอยู่? เธอหัวเราะเวยเหมิงตายไปแล้ว เธอหัวเราะแผนการของเธอได้บรรลุเป้าหมายแล้ว? เจี่ยนถง เธอมันไร้ยางอาย! เธอยังหัวเราะอีก! เธอห้ามหัวเราะ!”ย่าคุนถูกรอยยิ้มที่บอกไม่ถูกว่าแปลกประหลาดยังไงของผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้ายั่วโมโห ในใจโกรธเป็นเป็นไฟอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เธอแหงนหน้ามองย่าคุนแล้วหัวเราะ แต่ไม่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเลย หัวเราะจนทำให้คนสะอิดสะเอียนปานนั้น รอยยิ้มนั้น แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าย่าคุนก็ดี เห้ออู่ก็ช่าง หรือคนอื่นๆก็ตาม ต่างก็ทำให้คนกลัวจนหัวใจสั่น
ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็อ้าปาก เสียงที่แหบพร่ากระตุ้นโดนประสาทสมองของทุกคน “ย่าคุน ขอบคุณ ขอบคุณๆมาก ขอบคุณจากใจจริง”คุณเป็นคนดึงฉันออกมาจากความเพ้อฝัน ทำให้ในที่สุดฉันก็กล้าเพ่งมองความสงสัยที่มีต่อเซี่ยเวยเหมิงอยู่ในใจลึกๆ
คำกล่าวหาของย่าคุน เธอไม่เคยทำ ความเกรี้ยวกราดของย่าคุนช่างจริงจังขนาดนี้ งั้นแสดงว่าอะไร?
แสดงว่าเซี่ยเวยเหมิงเคยพูดเรื่องเท็จแบบนี้กับย่าคุนจริงๆ!
เรื่องของตอนนั้น มีจุดน่าสงสัยหลายจุด เธอไม่เคยทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายกลับกลายเป็น“หลักฐานที่เป็นอันตรายต่อเธอ” แล้ว“หลักฐาน”ที่ว่านั้นคืออะไร?
ก็คือข้อความและรายการบันทึกโทรเข้าที่อยู่ในมือถือของเซี่ยเวยเหมิง ก่อนที่เธอจะเกิดเรื่องได้ส่งข้อความและโทรหาตัวเอง!
ตอนนั้นเธอไม่เคยคิดไปถึงบนตัวของเซี่ยเวยเหมิงเลย
เธอขอบคุณย่าคุนจริงๆ
แต่คำพูดนี้ ฟังอยู่ในหูของคนพวกนี้เหมือนยุแหย่มากกว่า
ย่าคุนโกรธเนื่องจากละอายใจ คำว่า“ขอบคุณ”ของเจี่ยนถง ก็สามารถทำให้ประสาทสมองของเขาแตกอย่างสิ้นเชิง “ขอบคุณ? เธอบอกว่าขอบคุณ?” นี่เขากำลังเหยียดหยามเธออยู่นะ แต่เธอกลับพูดว่า“ขอบคุณ”?
เย็ดแม่ง!
เย็ดแม่ง!
เย็ดแม่ง!
เขายื่นมือกระชากผมของเจี่ยนถงไว้ เอาเหล้าที่อยู่ในมือยื่นมาที่ตรงหน้าของเจี่ยนถงอย่างหยาบคาย “ได้ เธอจะขอบคุณฉันใช่มั้ย งั้นก็ดื่มเหล้าขวดนี้ซะ เธอดื่มเหล้าขวดนี้หมด ฉันก็จะให้พี่ๆน้องๆในนี้ลบรูปและคลิปทั้งหมดในมือถือทันที”
“เป็นไง ยุติธรรมมั้ย ตอนนั้นเธอบังคับให้เวยเหมิงดื่มวิสกี้ลงไปขวดหนึ่ง วันนี้เธอก็ดื่มวิสกี้ขวดหนึ่ง ฉันสาบานที่นี่เลยว่าต่อไปจะไม่หาเรื่องเธออีก”ย่าคุนสีหน้าดุร้าย “เอาไง จะดื่มหรือไม่ดื่ม?”
จะดื่มหรือไม่ดื่ม?
เจี่ยนถงหลุบตาลง มองวิสกี้ขวดนั้นแล้วเงียบกริบ
ซูเมิ่งถูกปิดปากไว้ เธอเบิกตากว้าง ได้แต่ครวญ“อื้ออออออ”แต่พูดไม่ออก
“ฉันไม่เคยทำ และฉันก็ดื่มเหล้าไม่ได้ค่ะ” เธอค่อยๆอธิบาย เธอไม่เคยทำ ไม่เคยทำก็คือไม่เคยทำ และเธอก็ดื่มเหล้าไม่ได้ด้วย
เพื่ออะไร เธอถึงได้ทนกับความอัปยศอดสูมากมายขนาดนั้น ทนกับการหัวเราะเยาะเหล่านั้น ไปทำเรื่องที่ไม่มีใครยอมไปทำ…..เพื่อจะไม่ดื่มเหล้า เธอถึงขั้นสามารถคุกเข่าให้คนอื่น สามารถเดิมพันชีวิตโดยการเข้าไปแช่ในน้ำ สามารถร้องเพลงจนกล่องเสียงถูกอักเสบ สามารถทำเรื่องนับไม่ถ้วน แต่ไม่สามารถดื่มเหล้าอย่างเดียว
“ฉันไม่ดื่มเหล้า”เธอ“ฟึบ”เงยหน้าขึ้น และพูดอย่างเชื่องช้า แต่กลับแน่วแน่สุดๆ“บอสใหญ่เคยรับปากฉันว่าไม่ต้องดื่มเหล้าค่ะ”
“ฮ่าๆๆ……ฉันเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกว่าทำงานแบบนี้แล้วไม่ดื่มเหล้า เจี่ยนถง เธอนึกว่าเธอยังเป็นคุณหนูเจี่ยนอยู่อีกเหรอ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ทำ? ฮ่าๆ”
ย่าคุนล้วงมือถือออกมา พร้อมชูมือถือขึ้น จากนั้นได้เอาคลิปวิดีโอที่เพิ่งถ่ายเมื่อครู่ให้เจี่ยนถงดู “ฉันแค่กดปุ่มนี้ คลิปวิดีโอนี้ก็สามารถโพสไปที่วีแชทโมเม้นต์ของฉันโดยตรงแล้ว เอาไง ไม่ดื่มจริงเหรอ?”