TMFH ตอนที่ 136 : ไปยังเมืองเจียงเป่ย
ในสองวันต่อมา เย่เฟิงนั้นอยู่ข้างๆร่างของอันซีตลอดเวลา
เขาไม่ได้พักผ่อนมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว เขาจ้องมองไปที่อันซีด้วยใบหน้าที่อ่อนล้า
ภายใต้ก้อนน้ําแข็ง ลมหายใจของอันซีค่อยๆอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ใบหน้าที่เคยงดงามของเธอ เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดมาเป็นเวลานานแล้ว
ริมฝีปากสีแดงของเธอนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวมากขึ้น ตามระยะเวลาที่เธอยังคงอยู่ภายใต้น้ําแข็งนี้ นอกจากนี้พลังฉีน้ําแข็งที่แข็งแกร่งยังคงทวีกําลังมากขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ก้อนน้ําแข็งหนาขึ้นและหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ
ผลึกน้ําแข็งเริ่มขยายตัวไปตามเตียงที่เธอกําลังนอนอยู่ :
และยังส่งผลให้ผนัง หน้าต่างและคานของห้องถูกปกคลุมไปด้วยน้ําแข็งกับผลึกของมันอย่างหนาแน่น และยังมีน้ําแข็งห้อยย้อยลงมาจากเพดานอีกด้วย
ทั้งห้องเหมือนโรงน้ําแข็งที่มีอายุนับ 10,000 ปี ใครก็ยากที่จะหายใจออกถ้าเข้ามาในห้องนี้
“ยายเด็กโง่เอ้ย… ฉันสาบานว่าฉันจะรักษาเธอด้วยทุกอย่างในชีวิตของฉัน!”
เย่เฟิงลูบก้อนน้ําแข็งพลางจ้องมองร่างของอันซีที่นอนอยู่ภายในนั้น
ในเวลานั้นเย่เฟิงจําคําพูดของเธอได้เพียงคําเดียว “พี่เฟิง!” คําที่อันซีมักเรียกเขาอยู่เสมอ
เสียงดังเอี้ยดของประตูดังขึ้น มันถูกเปิดจากด้านนอก ขณะที่เศียรอสูรยาจกเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
เขาตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างมาก ขณะที่เขาเดินเข้ามาด้านในประตู
แม้ว่าเขาจะทรงพลัง แต่เขาก็ยังคงรู้สึกราวกับว่าเขานั้นกําลังจะถูกแช่แข็งด้วยพลังฉีที่น่าอัศจรรย์นี้
ห้องนี้หนาวกว่าภูเขาอาร์กติกที่หนาวที่สุดในโลกหลายเท่านัก!
“เป็นยังไงบ้าง ? นายได้ข่าวคราวอะไรมาบ้างไหม?”
เย่เฟิงถามเขาด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา เศียรอสูรยาจกโค้งคํานับเล็กน้อยขณะที่เขารีบตอบว่า “เจ้านาย! ผู้ใต้บังคับบัญชาของผมได้ข่าวเกี่ยวกับหญ้าหยางบริสุทธิ์แล้ว! หญ้าชนิดนี้มักจะเติบโตภายใต้ภูเขาไฟเก่าแก่! ในบรรดาเมืองทั้งหมดในมณฑลหัวเสี่ย มีภูเขาไฟเก่าอยู่เพียงแค่ลูกเดียวตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเจียงเปย! หญ้าหยางบริสุทธิ์เป็นยาสมุนไพรที่มีเฉพาะในเมืองเจียงเป่ยเท่านั้นครับ!”
เมืองเจียงเป่ย ?”
“ตระกูลซื่อกงก็ตั้งอยู่ในเมืองเจียงเป่ย ในเขตเจียงเป่ย!”
“แต่ว่า…”
ในตอนนั้นเองเศียรอสูรยาจกเริ่มลังเล
“หืมม ?”
เย่เฟิงถามเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว “มีอะไรงั้นเหรอ?”
เมื่อดูท่าทางของเย่เฟิง ใบหน้าของเศียรอสูรยาจกก็มืดมนลงทันที ทว่าเขานั้นทําได้แค่บอกความจริงกับเย่เฟิง “เจ้านายครับ! เราได้ส่งกลุ่มคนทั้งหมด 11 กลุ่ม ไปยังเมืองเจียงเป่ยเพื่อซื้อหญ้าหยางบริสุทธิ์! น่าแปลกที่มี 10 กลุ่มก่อนหน้านี้ถูกฆ่าระหว่างทางกลับหลังจากซื้อสมุนไพรมาแล้ว!”
“อะไรนะ!”
ใบหน้าของเย่เฟิงเปลี่ยนไปในทันที
“ในตอนนี้กลุ่มที่ 11 ไปถึงเมืองเจียงเปยแล้ว พวกเขาส่งข้อความมาหาเราว่าหญ้าหยางบริสุทธิ์ได้ถูกกว้านซื้อไปจนหมดแล้วจากร้านขายยาทั่วเขตเจียงเป่ย!”
“พวกเรากําลังสืบสวนหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่ครับ!”
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา ใบหน้าของเยเฟิงก็เต็มไปด้วยความโกรธ
ผู้ใต้บังคับบัญชา 10 กลุ่มถูกสังหารระหว่างทางกลับหลังจากซื้อหญ้าหยางบริสุทธิ์!
และยังให้มีคนอื่นกว้านซื้อหญ้าหยางบริสุทธิ์ไปจนหมด!
เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนกําลังพุ่งเป้ามาที่เย่เฟิง!
“ใครกันที่กล้ามาท้าทายพวกเราแบบนี้”
เย่เฟิงพึมพําเบาๆ พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าของเขาตอนนี้เย็นชาจนน่ากลัว
“ฉันจะไปเมืองเจียงเป่ยเอง!”
เมื่อเหลือเวลาอีกไม่มาก เย่เฟิงจําเป็นจะต้องไปเอาหญ้าหยางบริสุทธิ์โดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นชีวิตของอันซีจะตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากได้ยินคําพูดของเยเฟิง เศียรอสูรยาจกจึงเอ่ยเตือนว่า “เจ้านาย เมืองเจียงเป่ยเป็นเมืองใหญ่ มันประกอบด้วยเหล่ากองกําลังที่ซับซ้อนซึ่งเทียบไม่ได้กับกองกําลังในเมืองเจียงซี เจ้านายโปรดดูแลตัวเองด้วย!”
เศียรอสูรยาจกเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เขาพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ผมเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลซื่อกง ทว่าถึงแม้จะเป็นตระกูลหลัก แต่ตระกูลซื่อกงก็เป็นเพียงตระกูลหลักระดับสองในเมืองเจียงเป๋ย! ตระกูลหลักระดับหนึ่งมักได้รับการปกป้องโดยขุมพลังระดับ SSS ทั้งหมด!”
“พลังระดับ SSS!”
เย่เฟิงตกตะลึงในทันทีเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ ยินเกี่ยวกับระดับพลังที่แตกต่างกันบนโลกใบนี้
“พลังระดับ SSS คืออะไร ?” เย่เฟิงถามพลางขมวดคิ้ว
หลังจากได้ยินคําถามของเย่เฟิง เศียรอสูรยาจกก็ตกใจมาก เห็นได้ชัดว่าเขานึกไม่ถึงว่าเย่เฟิงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับระดับของพลัง เขาจึงรีบอธิบายให้เย่เฟิงฟัง
“เจ้านายครับ ระดับพลังถูกแบ่งออกเป็น 6 ระดับ พลังชั้นหนึ่ง พลังชั้นหนึ่งยอดเยี่ยม พลังระดับ S พลังระดับ SS พลังระดับ SSS และก็ระดับปรมาจารย์! ว่ากันว่ายังมีพวกสัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่อยู่เหนือกว่าระดับระดับปรมาจารย์ขึ้นไปอีกด้วย!”
หลังจากได้ยินคําอธิบายของเศียรอสุรยาจก ในที่สุดเย่เฟิงก็เข้าใจระดับพลังบนโลกใบนี้
ระดับพลังบนโลกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับระดับของดาวเคราะห์อื่นๆในจักรวาล
โดยปกติแล้วระดับพลังในจักรวาลจะถูกแบ่งออกตามความแข็งแกร่งของพลังจักรวาลและพลังฉีปีศาจ!
ทว่าบนโลกพวกมันถูกแบ่งออกตามระดับพลังฉีและกําลังภายใน!
ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีพลังภายในและพลังฉีมากขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ไทเกอร์คิงซึ่งเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของโรสนั้นไม่มีใครเทียบได้ในวงการใต้ดิน แต่เขามีพลังอยู่แค่ระดับยอดเยี่ยมเท่านั้น!
หมาป่าคลั่งและพยัคฆ์ดํา สามารถทําให้กองกําลังผิดกฎหมายอื่นๆ ในเมืองเจียงซีแตกตื่นได้ พวกเขาอยู่ขั้นพลังชั้นหนึ่ง!
อสรพิษหกดัชนีซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกงหยุ่นเฟย สามารถพิชิตกองกําลัง
ที่ผิดกฎหมายทั้งหมดในเมืองเจียงซีเพียงคนเดียว และเกือบจะฆ่าหมาป่าคลั่งได้ในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขานั้นอยู่ขั้นพลังชั้นหนึ่งยอดเยี่ยมบลัดดี้โกสท์และเฒ่าแยกร่างแปดชิ้นอยู่ขั้นพลังระดับ S!
“แล้วนายอยู่ระดับไหน ?” เย่เฟิงถามเศียรอสูรยาจกด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลังจากได้ยินคําพูดของเย่เฟิง เศียรอสูรยาจกก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันขมขึ้น “เจ้านาย เศียรอสูรของกลุ่มความมืดทั้ง 5 นั้นอยู่ในขั้นพลังระดับ SS! มีเพียง 3 ราชันย์ของกลุ่มความมืดเท่านั้นที่มีพลังระดับ SSS!”
หลังจากพูดจบเศียรอสูรยาจกก็มองไปที่เย่เฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่เขากล่าวอย่างนอบน้อมว่า “เจ้านายสามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ได้ คุณอยู่ระดับ…ระดับปรมาจารย์!”
เศียรอสูรยาจกรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรง
เขาคือปรมาจารย์น้อย นี่มันไม่น่าเชื่ออย่างแน่นอน
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา เย่เฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาฝึกฝนมหาเวทย์มารสังหาร ซึ่งมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวคิดของพลังฉีและกําลังภายในบนโลกนี้
ถ้าตามการแบ่งระดับพลังและกําลังภายในเขา …
“ถ้าขึ้นอยู่กับพลังฉีและกําลังภายใน ฉันก็ควรจะอยู่ระดับพลังชั้นหนึ่งยอดเยี่ยมเท่านั้น!”
“อะไรนะ!”
เศียรอสูรยาจกเริ่มตกตะลึงอย่างมาก
.
“ชั้นหนึ่งยอดเยี่ยม ?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้”
เศียรอสูรยาจกรู้ว่าพลังระดับ S ทั้ง 5 ของตระกูลซื่อกง เช่นพวกเฒ่าแยกร่างแปดชิ้นต่างถูกฆ่าโดยเย่เฟิง ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น!
ซึ่งที่จริงแล้วเย่เฟิงฆ่าพวกมันแต่ละคนด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว พวกเขาไม่มีโอกาสต่อสู้กลับด้วยซ้ํา!
แม้แต่เศียรอสูรยาจกก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะต้านทานการโจมตีของเย่เฟิงได้หรือไม่!
“ฉันเกรงว่าจะมีเพียงพวกพลังระดับ SSS เท่านั้นที่สู้กับเย่เฟิงได้
“ทว่าเขานั้นกลับอยู่ขั้นระดับพลังชั้นหนึ่งยอดเยี่ยม เท่านั้น!!
“และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือเป็นพลังชั้นหนึ่งยอดเยี่ยม ที่สามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนต์ได้!
“นั่นมันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
ทว่าเศียรอสูรยาจกไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้นั้นเย่เฟิงก็เป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ ที่ไม่สามารถวิ่งไล่จับไก่ได้ทันด้วยซ้ําเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้
และนอกจากนี้เย่เฟิงยังได้ฝึกฝนมหาเวทย์มารสังหาร แทนที่จะฝึกฝนกําลังภายใน
เขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของกําลังภายในของเขาให้อยู่ขั้นพลังชั้นหนึ่งยอดเยี่ยมได้ เพียงแค่ใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาเท่านั้น!
คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทําสําเร็จได้แม้จะต้องฝึกฝนมากกว่า 10 ปี ทว่าเย่เฟิงกลับทํามันได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน โดยที่เขาไม่ได้ฝึกฝนกําลังภายในของเขาเลย!
นี่มันน่ากลัวอย่างมาก!
ถ้ามันถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ มันจะทําให้คนทั้งมณฑลหัวเสี่ยตกใจแน่นอน!
“หลังจากที่ฉันไปจากที่นี่ ขอให้กลุ่มความมืดปกป้องอันซีและหลินหลานไว้ให้ดี!” เย่เฟิงบอกกับเศียรอสูรยาจกด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
หลังจากได้ยินคําพูดของเย่เฟิง เศียรอสูรยาจกคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งแล้วตอบว่า “ได้ครับ เจ้านาย!”
ในเย็นวันนั้นเครื่องบินภายในประเทศได้ออกเดินทางจากสนามบินเมืองเจียงซี!
ลงจอดที่สนามบินนานาชาติเจียงเปยภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
เมื่อเย่เฟิงมาถึงเมืองเจียงเป่ย ไม่มีตระกูลหลักตระกูลใดสามารถจินตนาการถึงสายฝนโลหิตที่กําลังจะมาถึง!