The Man from Hell – ตอนที่ 138 : ก็ได้ เอาไปสิ แล้ว ทิ้งหัวแกไว้ที่นี่ซะ!

ตอนที่ 138 : ก็ได้ เอาไปสิ แล้ว ทิ้งหัวแกไว้ที่นี่ซะ!

TMFH ตอนที่ 138 : ก็ได้ เอาไปสิ แล้ว ทิ้งหัวแกไว้ที่นี่ซะ!

‘เขาดื่มมันหมดแล้ว!’

เมื่อมองดูเย่เฟิงกระดกเหล้านั้น บาร์เทนเดอร์และผู้คนมากมายที่เฝ้ามองอยู่ต่างก็ตื่นตะลึง

พวกเขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะสามารถดื่มมันทั้งหมดได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นั้น

เหล้าที่เขาดื่มนั้นแรงมาก นั่นอาจทําให้ช้างเป็นอัมพาตได้เลยด้วยซ้ํา!

แต่ละคนเฝ้ามองเย่เฟิงอย่างกังวลใจ!

พวกเขากําลังสงสัยกันว่าจะต้องใช้เวลาแค่ไหนกว่าที่เขาจะสลบไป

” 5 นาที! ฉันพนันได้เลยว่าเขาจะต้องล้มลงใน 5 นาที!”

“ไร้สาระน่า! มากที่สุดก็ 3 นาที! เหล้าที่แรงขนาดนั้นมันทําให้ช้างเป็นอัมพาตได้เลยนะ!”

“ฮึ! มากที่สุดก็แค่ 1 นาที! เขายังเด็กเกินไป เขาทนไม่ได้นานหรอก!”

บาร์เทนเดอร์และลูกค้าโดยรอบเริ่มคุยกันถึงระยะเวลาที่ เย่เฟิงจะทนยืนอยู่ได้

ทว่าเย่เฟิงไม่สนใจพวกเขา!

ด้วยความสับสนและความคิดถึงที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา เย่เฟิงรู้สึกราวกับว่าเขานั้นกําลังย้อนกลับไปยังดาวปีศาจ เพราะรสชาติที่รุนแรงของเหล้าที่เขาพึ่งจะดื่มไป

ดาวปีศาจดาวอันเป็นบ้านเกิดของเขา!

ปีศาจเหล่านั้นเป็นพี่น้องของเขา!

สงครามระหว่างปีศาจและทวยเทพกินเวลายาวนานกว่า 10,000 ปี!

หลังจากการต่อสู้แต่ละครั้ง เหล่าพวกปีศาจจะไม่รักษาบาดแผล แต่พวกเขาจะดื่มเหล้าที่แรงที่สุดแทน!

การดื่มเหล้าที่แรงที่สุดขณะเลือดที่ร้อนแรงในกายกําลังไหลออกมาถือเป็นประเพณีของดาวปีศาจ

‘การสังหารเหล่าเทพเจ้าที่มีอํานาจเหนือกว่าและแต่งแต้มท้องฟ้าสีฟ้าด้วยเลือดของปีศาจ!’ มันคือการต่อสู้ของเหล่าปีศาจ!

‘เกิดอย่างมีเกียรติของปีศาจและตายอย่างมีศักดิ์ศรีของปีศาจ! ด้วยจิตวิญญาณของปีศาจ ฉันคือปีศาจตลอดกาล!’

นี่เป็นความปรารถนาจากใจจริงของเหล่าปีศาจทุกตน!

มันดังก้องซ้ําแล้วซ้ําเล่าในหัวใจของเย่เฟิง!

เมื่อมองดูเหล้าสีแดงเข้มในแก้วของเขา เย่เฟิงเผยสีหน้าเศร้าโศกอย่างสุดซึ้ง

‘เมื่อฉันขึ้นสู่จุดสูงสุดในสักวันหนึ่ง โลกนี้จะไม่มีพวกเทพอีกต่อไป!’

‘แด่เหล่าปีศาจผู้ล่วงลับ!’

หลังจากที่คิดอย่างนั้น เย่เฟิงก็ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดอีกครั้ง!

เขาดื่มมันช้า ๆ ทว่าเหล้าในแก้วนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว!

เขาเทเหล้าจากเชคเกอร์แล้วดื่มมันเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า

ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เชคเกอร์ที่เขาผสมเหล้าไว้นั้นก็แทบจะว่างเปล่าแล้ว!

ทุกคนที่เฝ้าดูเย่เฟิงต่างตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาเห็น

อึก!

แต่ละคนในบาร์กลืนน้ําลายเข้าไปอีกใหญ่ด้วยความไม่เชื่อ

“เขาดื่มใกล้จะหมดแล้ว! เขาจะดื่มมันจนหมดเลยเหรอ

“แม่งเอ้ย! นั่นเท่ากับเหล้าแรง ๆ กว่า 30 แก้ว! ผู้ชายคนนี้เป็นถังเหล้าหรือเปล่าเนี่ย”

“เขาแน่! แน่มากจริงๆ!”

บาร์เทนเดอร์และลูกค้าต่างตกใจมาก

จากนั้นชายหัวล้านร่างกํายําก็เดินเหมือนคนเมาไปทาง เย่เฟิง

“พวกแกกําลังดูอะไรกัน ? นี่พวกแกโง่หรือเปล่าเนี่ย ?”

ชายหัวล้านนั่นและหนวดที่โค้งของเขา ทําให้เขาดูเป็นคนน่ากลัว

เมื่อเห็นชายคนนั้น บาร์เทนเดอร์ก็สั่นสะท้านทันทีขณะที่ เขารีบพูดว่า “มังค์คุณอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ! พวกเรากําลังดูคนไม่กลัวตายคนนั้น!”

‘คนไม่กลัวตาย ?’

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา ชายหัวล้านก็แปลกใจในทันที่ แต่จากนั้นเขาก็กลับเยาะเย้ย “ไร้สาระน่า! ใครจะแน่ได้มากกว่าฉันกัน”

บาร์เทนเดอร์ไม่กล้าเถียงเขา ขณะที่เขาชี้ไปที่ด้านหลัง ของเย่เฟิงและอธิบายว่า “มังค์ ชายคนนั้นผสมเหล้าอย่างแรง 3 ชนิดด้วยกัน ซึ่งปริมาณแอลกอฮอล์มันเท่ากับเหล้า แรง ๆ 30 แก้ว! แต่เขา เขาดื่มมันคนเดียวจนเกือบหมด!”

‘อะไรนะ!’

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา ชายหัวล้านก็ตกตะลึงในทัน

จากนั้นเขาก็จับจ้องไปที่เย่เฟิงขณะที่หรี่ตาลงเล็กน้อย และตอบว่า

“ไร้สาระ! มันจะเป็นไปได้ยังไง! ให้ฉันลองสิ!”

ชายหัวล้าน เดินโซเซไปทางเย่เฟิงด้วยท่าทางเหยียดหยาม

หลังจากนั้นเขาก็หยิบแก้วเปล่ามาวางตรงหน้าเย่เฟิง!

“ไอ้หนู เทเหล้าแก้วนั้นให้ฉันลองสิ!”

เสียงของชายหัวล้านฟังดูก้าวร้าวและข่มขู่อย่างมาก!

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา เย่เฟิงก็หันกลับมาและมองเขาอย่างใจเย็นราวกับว่าเขากําลังมองไปที่มดแมลง

จากนั้นเขาก็หันกลับมาและดื่มเหล้าของเขาต่อ!

ชายหัวล้านโกรธจัด

เขาไม่คิดเลยว่าเด็กผู้ชายตัวผอมคนนี้จะกล้าเมินเขา

“แม่ง! ไอ้สั่งแกไม่ได้ยินคําพูดของฉันเหรอไง ? เทเหล้า นั่นให้ฉัน!”

ชายหัวล้านพูดเสียงดังยิ่งกว่าเดิมด้วยความโมโห!

ทว่าหลังจากได้ยินคําพูดของเขา คนแทบจะทั้งบาร์ก็ตัว แข็งที่อ

เย่เฟิงค่อย ๆ หันกลับมาขณะที่เขายิ้มด้วยสีหน้ากระหายเลือดแล้วถามว่า

“หนึ่งแก้วแลกกับหัวหนึ่งหัว! นายตกลงไหม ?”

‘อะไรนะ!’

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา ชายหัวล้านก็ตัวสั่น

ดวงตาของเยเฟิงนั้นช่างดูน่ากลัว ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุเข้าไปในหัวใจของชายหัวล้านได้เลย!

นอกจากนี้ชายหัวล้านยังถูกปกคลุมไปด้วยพลังฉีที่รุนแรง และโหดเหี้ยม

ร่างกายของเขาขนลุกซูราวกับว่าเขานั้นได้ปลุกสัตว์ร้ายจากยุคโบราณ

เขารู้ว่าเขาจะหัวขาดทันทีถ้าพูดว่า ‘ได้’ ออกไป!

หน้าผากของชายหัวล้านเริ่มมีเหงื่อไหลออกมาอย่างหนัก

“ไอ้สารเลวเอ้ย แกเป็นตัวอะไรกันแน่! แล้วเรามารอดูกัน!”

ภายนอกเขานั้นดูเหมือนจะแข็งกร้าว แต่ภายในใจนั้นกลับแตกตื่นอย่างมาก หลังจากคําพูดสุดท้ายของเขา ชายหัวล้านก็หนีไปเหมือนกระต่ายตื่นตูม

บาร์เทนเดอร์และคนอื่น ๆ ทั้งหมดไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งจะเห็น

ทว่าครูต่อมาดนตรีในบาร์ก็หยุดบรรเลงลงในทันที!

ชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเดินเข้ามาในบาร์ เขาลากชายชราคนหนึ่งเข้ามาด้วยเชือก

“เงียบ!”

ชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเดินผ่านเคาน์เตอร์บาร์ไปยังเวทีเล็ก ๆ จากนั้นเขาก็ตะโกนทันทีที่ก้าวขึ้นไปบนเวที “หีหีมันเป็นวันที่ยอดเยี่ยม ฉันจะโชว์สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของฉันให้พวกนายดู!”

หลังจากพูดจบเขาก็ชี้ไปที่ชายชราที่นอนหมอบอยู่กับพื้น “พวกนายเห็นเขาไหม ? เขาคืออดีตผู้มีอํานาจในตระกูลซือกง เส้นเอ็นที่มือและเท้าของเขาถูกตัดจุดตันเทียนของเขาถูกทําลาย ตอนนี้เขาเป็นหมาของฉันแล้ว!”

ทั้งบารพูดคุยกันเสียงขรม

‘ตระกูลซือกง ?’

‘นั่นคือตระกูลสําคัญในเมืองเจียงเปย!’

‘คนที่มีอํานาจเช่นนั้นจะลดตัวมาเป็นสัตว์เลี้ยงของคน ๆ นี้ได้ยังไง ?!’

ลูกค้าในบาร์ทุกคนจับจ้องไปที่ชายชรา

ร่างกายของชายชราเต็มไปด้วยเลือดเสื้อผ้าสกปรกมอมแมม

เส้นเอ็นที่ข้อมือและเท้าของเขาถูกตัดขาดจนหมด นอกจากนี้เขายังมีร่องรอยการถูกทําร้ายอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งร่าง

“กู๋หยู ? ฉันรู้จักเขา เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโส 6 อันดับแรกของตระกูลซือกง! แล้วเขา…”

“โอ้พระเจ้า! นั่นคือเขา! ว่ากันว่าหัวหน้าตระกูลซือกงไป ที่เมืองเจียงซีพร้อมกับเหล่าผู้เฒ่า 6 คนของเขาแต่กู๋หยูเป็นคนเดียวที่กลับมา แล้วเขาถูกทําร้ายจนน่าสงสารแบบนี้ได้ยังไง!”

“ผู้อาวุโสของตระกูลใหญ่โดนทําร้ายจนพิการและกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยง ทําไมถึงกระจอกแบบนี้”

ลูกค้าจํานวนมากในบาร์นั้นจ้าชายชราคนนี้ได้ พวกเขาทั้งหมดส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

กู๋หยูหมอบอยู่บนพื้นด้วยข้อศอกและเข่าของเขาตัวทั้งตัวของเขาสั่นสะท้าน

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยคราบน้ําตาที่บ่งบอก ถึงตราบาปในใจของเขา!

คนมีอํานาจอย่างเขาลดตัวลงมาเป็นสัตว์เลี้ยง มันเป็นความอับอายอย่างที่สุดในชีวิตของเขา!

จากนั้นชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่น่ากลัวออกมา ขณะที่เขากระตุกเชือกอย่างแรงเพื่อให้กู๋หยูล้มลงไปกองกับพื้น

“หึหึ! ผู้อาวุโสกู๋หยูว่ากันว่าแกยอมรับให้ไอ้คนไร้ค่ามา เป็นหัวหน้าใหญ่ของตระกูลซือกงเป็นความจริงหรือเปล่า

‘ไอ้คนไร้ค่า’

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา กู๋หยูค่อย ๆเงยหน้าขึ้น

แม้จะมีผมรุงรัง แต่นัยน์ตาสีขุ่นของเขาก็ยังส่องประกาย “คนไร้ค่า ? ฮ่า ๆ ตาบอด! พวกแกมันตาบอดกันหมด!”

กู๋หยูรู้สึกตื่นเต้น หน้าของเขาแสดงความปิติยินดีขณะที่ เขาตะโกนว่า “ ฟังนะ ผู้ชายคนนั้นเป็นปีศาจในสายตาของศัตรูและเป็นเทพเจ้าให้กับมิตรสหาย!”

“วันหนึ่งตระกูลใหญ่ทั้งหมดในเมืองเจียงเปยจะต้องหวาดกลัวเขา!”

“แกไม่รู้สักหน่อยว่าเขาน่ากลัวได้มากแค่ไหน…แกไม่ รู้เลย!”

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา คนในบริเวณนั้นก็พูดคุยกันเสียงขรม!

พวกเขาไม่เข้าใจว่าคนแบบไหนกันที่ทําให้ กู๋หยูนับถือเขาอย่างมากแบบนี้

ชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้ากล่าวพร้อมกับแสยะยิ้ม “เทพเจ้า ? ปิศาจ ? หึหึ…กู๋หยู นี่แกกลายเป็นคนโง่ไปแล้วเหรอ!”

หลังจากพูดจบ ชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็สะบัด แม้ในมือและเผยรอยยิ้มที่น่ากลัวออกมา

“หึหึ…ในเมื่อแกเคารพเขามากนัก ฉันต้องการให้แกเรียกมันว่าไอ้ขยะไร้ค่า! ไหนพูดออกมาสิ!”

“พูดสิ! พูดว่ามันไร้ค่า! มันเป็นแค่ขยะที่ไม่มีค่าอะไรเลย!”

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา กู๋หยูก็หัวเราะเยาะขณะที่เขาสบตากับชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าราวกับว่าเขา นั้นเป็นแค่คนโงี่เง่าและพูดออกมาด้วยความนับถือ “เขาเป็นเทพเจ้าในใจของฉัน และยังเป็นเทพในใจของคนอีกหลาย ๆ คนด้วย! แกไม่เข้าใจ! แกไม่มีวันจะเข้าใจ…”

“แม่ง! แกกล้าทําตัวดื้อด้านขนาดนี้ได้ยังไง!”

ชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้ารู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที ขณะที่เขาตั้งใจจะฟาดแส้ไปที่หัวของกู๋หยู!

กู๋หยูหลับตาลงขณะที่น้ําตาแห่งความน่าอับอายไหลออกมาจากดวงตาของเขา

เขาเสียใจที่กลับมายังฐานของตระกูลซื้อกงในเมืองเจียงเปย แทนที่จะอยู่ในเมืองเจียงซี!

เขานั้นเต็มใจที่จะเป็นแค่ทาสของเย่เฟิงด้วยซ้ํา

ตุบ!

แส้ตกลงไปที่พื้น!

หยุตกตะลึง เขาไม่รู้สึกถึงเจ็บปวดใด ๆ แม้แต่น้อย

จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นและเห็นร่างบางของคนคนหนึ่งเข้า มาขวางเขาเอาไว้ พร้อมจับที่ปลายแส้!

“ท่าน…ท่าน!”

ในขณะนั้นกู้หมูสงสัยและสับสนในสิ่งที่เขาเห็น!

‘นั่นเขางั้นเหรอ ?’

‘เป็น…เป็นไปไม่ได้’

กู๋หยูตกใจมาก ขณะที่เขาตัวสั่น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความตื่นเต้น!

เมื่อเขามั่นใจว่าคนที่เขาเห็นตรงหน้าคือคนที่เขานับถือใบหน้าของเขาก็ฉีกยิ้มออกมาทันที!

“ไอ้สารเลว แกมันเป็นใครวะ ?” ชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ตกตะลึงเช่นกัน

จากนั้นชายคนนั้นก็กลับไปเกรี้ยวกราดอย่างรวดเร็ว

ก่อนที่เย่เฟิงจะมีโอกาสเปิดปาก ชายหัวล้านคนก่อนก็วิ่งเข้าหาชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวขณะที่เขาตะโกน “พี่ชาย! มันนี่แหละ! แม่ง ไอ้สารเลวที่ทําให้ฉันไม่พอใจก่อนหน้านี้”

‘อะไรนะ!’

หลังจากที่ได้ยินน้องชายของเขา ใบหน้าของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็แสดงความแปลกใจออกมา

เขานึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าข่มขู่น้องชายของเขา ในอาณาเขตของเขาเอง!

ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าถามน้องชายของเขาพลางแสยะยิ้มว่า “มังค์ มันทําให้แกไม่พอใจยังไง ?”

“พี่ชาย ไอ้เวรนี่ผสมเหล้าในเชคเกอร์! แต่ผมอยากจะลองดื่มมัน แต่มันกลับบอกผมว่า หนึ่งแก้วแลกกับหัวหนึ่งหัว!”

‘หนึ่งแก้วแลกกับหัวหนึ่งหัว’

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา ชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่า ฮ่า…นี่มันตลกมาก! โง่มาก! โคตรจะอวดดีเลย!”

หลังจากพูดจบชายชายฉกรรจ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็มองตรงเข้าไปในดวงตาของเย่เฟิง ในขณะที่เขาพูดด้วยสายตาเยาะเย้ย “ไอ้หนู แกมันอวดดีจริง ๆ! หนึ่งแก้วแลกกับหัวหนึ่งหัว ? ฉันจะดื่มมัน! หัวของฉันอยู่ตรงนี้ มาเอามันไปได้เลย! ฮ่า ๆ”

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา กู๋หยูจ้องที่เขาราวกับว่าเขาเป็นคนโง่

‘เขาต้องตายอย่างแน่นอน!’

กู๋หยูรู้ว่าชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้านั้นต้องตาย!

หลังจากได้ยินคําพูดของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า เย่เฟิงก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง!

“ก็ได้ เอาไปสิ แล้วทิ้งหัวแกไว้ที่นี่ซะ!”

‘อะไรนะ ?’

หลังจากได้ยินคําพูดของเย่เฟิง ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ตกตะลึงในทันที เขาตั้งใจจะระเบิดเสียงหัวเราะอีก

แต่ในตอนนั้น มังค์น้องชายของเขาจ้องมองเขาด้วยสายตาที่น่ากลัว

“มังค์ แกกําลังมองอะไรอยู่ ?” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเป็นถามน้องชายด้วยความสับสน

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา มังค์ก็ตัวสันอย่างหนักขณะจ้องมองไปที่คอของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างและชี้ว่า “พี่ชาย..พี่ชายคอของพี่คอของพี่”

‘คอ ??’

ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ารีบลูบคอของเขา!

ในขณะนั้นเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้เกิดขึ้น มันขโมยลมหายใจของทุกคนที่จับจ้องเหตุการณ์อยู่ในบาร์แห่งนั้น – ศีรษะของชายฉกรรจ์นั่นค่อย ๆ เลื่อนหลุดออกจากร่างของเขา

The Man from Hell

The Man from Hell

Status: Ongoing

จักรวรรดิปีศาจได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งในจักรวาลแห่งนี้ เหล่าศัตรูต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา แลเหล่าหญิงงามควรสยบแทบเท้าของเขา

“ข้าคือปีศาจ ผู้ที่เหล่าทวยเทพเทวาทั้งหลายต่างยอมศิโรราบ หากเจ้าไม่ยอมก้มหัวให้ข้า ข้าจักบังคับเจ้าด้วยกำลัง” — เย่เฟิง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท