หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 285 ตระกูลมู่หรง

ตอนที่ 285 ตระกูลมู่หรง

หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 285 ตระกูลมู่หรง

แม้ผู้คนโดยส่วนใหญ่ล้วนไม่เคยเห็นไม่รู้จักท่านอ๋องราชันมัจจุราช กระนั้น หวูอวี้กลับยังคงชอบให้หนานกงยวี่ปลอมแปลงปกปิดฐานะที่แท้จริงเพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายไว้ก่อน

ทว่าแม้องค์ราชันมัจจุราชจะถูกจับปลอมแปลงกายก็จริง ทว่ารัศมีที่ปลดปล่อยออกจากเรือนกายยังคงแผ่กว้างกระจายออก ยิ่งโดยเฉพาะชิงหลง และหวูอวี้ ทั้งคู่ต่างไม่ใส่ใจจะปกปิดพลังฝีมือของตน เมื่อยอดฝีมือเฉกเช่นพวกเขาทั้งสองซึ่งสามารถบรรลุถึงระดับสูงสุดของพลังปราณขั้นที่ 4 ปฐพีสะท้านสะเทือนปรากฏขึ้น ย่อมเป็นเหตุให้กลุ่มชาวยุทธที่ล้อมกรอบไอหมอกจางอยู่นั้นห่อตัวถอยกลับไปด้วยความหวาดระแวง

ยอดฝีมือระดับต้นแห่งพลังปราณขั้นปฐพีสะท้านสะเทือนผู้หนึ่งเหยียดฝ่าเท้าก้าวตรงเข้ามาหากลุ่มของพวกเขา ก่อนจะเอ่ยกล่าวอย่างคุมเชิง “พวกเจ้าคิดอยากเข้าไปด้านในสวนสมุนไพรด้วยกระนั้นหรือ ?”

หวูอวี้ตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “หากเป็นเช่นนั้น แล้วจะอย่างไร ?”

“ข้าอยากมอบข้อชี้แนะแก่เจ้าไว้สักเล็กน้อย ย่อมเป็นการดีกว่าหากเจ้าจะรีบหลีกไปจากสถานที่แห่งนี้” ยอดฝีมือผู้นั้นเชิดหน้าขึ้นอย่างยโส “ขอบอกเจ้าตามจริง สวนสมุนไพรแห่งนี้ตระกูลมู่หรงของพวกเราคือผู้อ้างสิทธิ์ครอบครอง พวกเจ้าย่อมสามารถเข้าสู่ด้านในได้ทุกเมื่อตามประสงค์ ทว่าจําต้องชดเชยให้พวกเราแปดในสิบส่วนของทุกสิ่งที่พวกเจ้าสามารถถือครองออกมาจากสวนสมุนไพรแห่งนี้”

ยังไม่ทันที่หวูอวี้จะตอบคํา เขาก็เห็นกู้หลิวเฟิ่งผู้เงี่ยหูฟังอย่างนิ่งเงียบมาโดยตลอดขยับก้าวออกมาพร้อมเสียงเอ่ยเยาะ “หากพวกเราไม่ตกลงเล่า ?”

“ไม่ตกลง ?” ยอดฝีมือผู้นั้นระเบิดเสียงหัวร่อลั่น “พวกเจ้าคิดหรือว่าด้วยระดับพลังปราณอันสูงส่งของพวกเจ้าจะช่วยให้พวกเจ้าสามารถฉกฉวยสิ่งที่ตนต้องการออกนอกสวนสมุนไพรแห่งนี้ได้ ? ข้าจะขอบอกพวกเจ้าไว้เสียแต่ในที่นี้เลยว่า แม้นหากพลังฝีมือของพวกเจ้าจะสูงส่งจริง พวกเจ้ายังคงไม่อาจพลิกวายุและคลื่นทะเลได้ แม้ในยุทธภพพวกเจ้าจะเสมือนหนึ่งมังกร ทว่ายามเมื่อพวกเจ้าเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขตตระกูลมู่หรงของพวกเราแล้ว พวกเจ้าล้วนจําต้องอยู่ในโอวาท”

“ตระกูลมู่หรง ?” กู้หลิวเฟิ่งเน้นเสียงออกมาทีละคําช้า ๆ

“ผู้นําตระกูลมู่หรงคือหนึ่งในสี่สายสกุลผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองเหยียนจิง อย่าบอกเชียวนาว่าเจ้าไม่เคยได้ยิน ?” ความโอหังอวดดีที่ลอยพาดผ่านใบหน้าของยอดฝีมือระดับปฐพีสะท้านสะเทือนผู้นั้นแฝงด้วยท่าทีปรามาสหยามหมิ่นยาม เมื่อมันเบี่ยงสายตามาหากู้หลิวเฟิ่ง “หากเจ้าไม่ยอมปฏิบัติตามกฏอาณาจักรไม้ขจี แม้นพวกเจ้าออกไปได้จริง ตระกูลมู่หรงของข้าล้วนไม่มีทางยอมปล่อยพวกเจ้าไว้ เช่นนั้น หากพวกเจ้าฉลาดก็ควรไสหัวไปเสีย หรือมิเช่นนั้นก็ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขของพวกเราเสียแต่โดยดี !”

คนผู้นั้นยังไม่ทันกล่าวจบ ลําแสงสีแดงที่ร้ายกาจก็พุ่งออกจากฝ่ามือของกู้หลิวเฟิ่งในทันที

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมร่าง ที่ถลาล่าถอยไปหลายตลบก่อนยอดฝีมือผู้นั้นจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง

นัยน์ตาของมันเบิกโพลงสองตาอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอันเหลือเชื่อ กลางอกนั้นคือแผลไหม้สว่างที่กระจายลุกลามจากช่องอกลงไปกระทั่งช่วงท้อง

“เจ้าเจ้า!” โลหิตทะลักออกปาก ใบหน้าตื่นผวาหวาดกลัวเผยความรู้สึกที่ไม่อาจยอมรับ กระทั่งที่สุดคนผู้นั้นก็ไม่อาจฝืนกล่าวคําให้จบเมื่อลมหายใจสุดท้ายของเขาถึงกาลสิ้นสุด

เหล่ายอดยุทธที่รายล้อมล้วนเห็นประจักษ์ในเหตุการณ์ทั้งหมด อาการตื่นผวาล้วนแสดงผ่านออกมาทางสีหน้าของพวกมันไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นผู้อยู่ในสังกัดตระกูลมู่หรงหรือน่าหลาน ทั้งหมดทั้งมวลล้วนสืบเนื่องมาจากการลงมืออันแสนอํามหิตไร้ความปรานีของกู้หลิวเฟิ่ง

ขณะที่ฝั่งข้างฝ่ายเกอซีกลับตรงกันข้าม การลงมืออันเฉียบคมร้ายกาจอย่างกระทันหันของกู้หลิวเฟิ่งไม่สะทกสะท้านความรู้สึกของพวกเขาแต่ประการใด สําหรับพวกเขาแล้วสิ่งที่กู้หลิวเฟิ่งลงมือสังหารย่อมไม่มีค่ามากไปกว่ามดตัวน้อยที่ไร้ความหมายตัวหนึ่ง

หากแต่กลับกัน เมื่อหวูอวี้ ทําที่ขยับเข้ามากระซิบกระซาบกู้หลิวเฟิ่ง “โอ นี่ท่านชังน้ำหน้าพวกมู่หรงถึงเพียงนี้เชียวล่ะหรือ ?

กู้หลิวเฟิ่งถอนกระบี่ยาวกลับคืนอย่างใจเย็นรอยยิ้มเกียจคร้านแขวนประดับบนมุมปาก

“พวกมันก็ไม่ต่างใดกับฝูงสุกรสวมอาภรณ์ไม่ชวนรื่นรมย์สายตา พบเจอเมื่อไรย่อมสมควรปลิดชีพมันเป็นการดียิ่งแล้ว จะกล่าวถึงความชิงชังใดกัน ?”

หวูอวี้ปล่อยหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินเช่นนั้น พร้อมกัน เขามิได้พยายามล้วงแคะเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายแต่อย่างใด หากแต่จะอย่างไรก็ตามผู้ดูแลหอรื่นรมย์ยังคงชี้นิ้วไปยังยอดยุทธที่ยืนชิดม่านหมอกขาวพลางออกเสียงสั่ง “เจ้านั่น มานี่!”

คนผู้นั้นมีพลังปราณระดับกลางของขั้น 3 พลิกผันอเวจี หากแต่เมื่อเขาได้เป็นส่วนหนึ่งแห่งการร่วมรับรู้ถึงความโหดเหี้ยมของกู้หลิวเฟิ่ง ใบหน้าของเขาจึงซีดเผือด เพียงได้ยินคําสั่งเรียกหา ชายผู้นั้นก็หวังอยากขุดดินหลบหนีซุกซ่อนกายเสียให้ได้

“อย่ามาเรียกข้า! อย่าเรียกข้า เข้าข้าหาได้เป็นคนของสกุลมู่หรงไม่ ! ข้าเพียงมาที่นี่ด้วยหวังจะได้สิ่งใดติดมือติดไม้กลับไปบ้างก็เท่านั้น”

หวูอวี้ส่งเสียงเย้ยเหยียด “ข้าบอกให้มา ก็เพียงมาหาเท่านั้น ! กล่าวอันใดให้มากความ เช่นนั้นให้ข้าเฉือนลิ้นเจ้าออกมาทํากับแกล้มเคล้าสุราเสียเป็นไร !”

ชายผู้มีพลังปราณขั้นพลิกผันอเวจีคนนั้นหวาดกลัวจนแทบคลั่ง ตลอดทั่วร่างเริ่มสั่นสะท้าน มันตาเหลือกลานรีบปรี่เข้ามาทรุดเข่าลงตรงฝ่าเท้าของหวูอวี้พลางโขกศีรษะขอความเมตตาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา

***จบตอน ตระกูลมู่หรง***

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

Status: Ongoing

ในงานประมูลครั้งมโหฬารแห่งหอรื่นรมย์ สาวน้อยเครื่องอุ่นเตียงชั้นยอดได้ถูกเสนอราคาชนิดสูงเสียดฟ้า ในท่ามกลางความหื่นกระหายต่อสู้เยื้อแย่งราคากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ดรุณีน้อยเปิดเปลือกตาทอดส่งผ่านลูกกรงขังสีทอง อายกระแสรังสีอันเย็นยะเยียบจับทรวงที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อกาย บ่งบอกได้ว่ายามนี้นางไร้สิ้นความหวาดกลัวอีกต่อไป

เมื่อนางคือสุดยอดมือสังหารเกียรติยศระดับเหรียญทองแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ถูกส่งผ่านข้ามกาลเวลามาสู่ร่าง คุณหนูสาม น่าหลานเกอซี แห่งตระกูลแพทย์ผู้ปรุงโอสถอันลือลั่น นางผู้สิ้นดี นางผู้ถูกกลั่นแกล้งสารพัด

นางคือผู้ที่ไร้สิ้นกระแสปราณแห่งพลังจึงมิอาจโคจรฝึกฝนพลังปราณเยี่ยงผู้อื่นได้เช่นนั้นล่ะหรือ? จะต้องเกรงไปไย เมื่อนางคือยอดหมออัจฉริยะสวรรค์บันดาน แค่อาการจิ๊บจ้อยเพียงเท่านี้ ไม่พอมือนางหรอก บิดาไม่เอ็นดูข้า มารดาไม่รักข้า ทุกคนล้วนข่มเหงรเหยียบย่ำข้ากระนั้นหรือ? ฮึ่ม! เมื่อนางคือผู้ครอบครองมิติและสัตว์เวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างไร้ผู้เทียบเทียม เช่นนี้แล้ว ไยนางต้องแสร้งทำตนเป็นคุณหนูลูกแหง่ในสกุลน่าหลานอีกเล่า!

ใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์ ร่างกายที่ผ่ายผอมแลดูอมโรคนั้น หาได้มีผู้ใดต้องการมันใช่ไหม? เพียงชั่วพริบตา นางจะกระชากหน้ากากเดิมเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ทำให้บุรุษรูปงามเป็นโหลๆต้องคอยเฝ้าล้อมหน้าล้อมหลัง! หากแต่บุรุษจอมเผด็จการผู้นั้นกลับยังตามตื้อกันไม่เลิกไม่ราตั้งแต่งานประมูลเมื่อคราก่อน

ผู้ใดบอกว่าชีวิตของข้าต้องขึ้นอยู่กับเจ้ากัน? ชีวิตของข้าย่อมต้องเป็นของข้า! ข้าจะมิยอมให้ผู้ใดมากำหนดชีวิตของข้าได้!

บุรุษนิรนาม : เช่นนั้นชีวิตของข้าก็เป็นของเจ้า แล้วแต่เจ้าจะบัญชาให้เป็นไปดีไหม?

*****

ลำดับขั้นแห่งการฝึกฝนพลังปราณอันต้องอาศัยผู้ที่มีรากฐานแห่งพลังอันเนื่องด้วยกระแสจิตวิญญาณเท่านั้นจึงจะสามารถควบกลั่นโคจรพลังปราณในกายได้ ไล่เรียงลงไปตามลำดับขั้นจากขั้นพื้นฐานไปถึงขั้นสูงสุดมีทั้งหมด 9 ขั้น โดยกำลังปราณแต่ละขั้นมี 10 ระดับ

กำลังปราณขั้น 1 เมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม กำลังปราณขั้น 2 ปฐมภูมิโลกันต์ กำลังปราณขั้น 3 พลิกผันอเวจี กำลังปราณขั้น 4 ปฐพีสะท้านสะเทือน กำลังปราณขั้น 5 ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ กำลังปราณขั้น 6 เปิดม่านฟ้าดิน กำลังปราณขั้น 7 ทะลวงสิ้นโลกสาม กำลังปราณขั้น 8 ก้าวข้ามสูญญภพ กำลังปราณขั้น 9 สยบทั้งจักรวาล

ผู้แปลไม่ได้เก่งภาษาจีน เป็นการแปลจากภาษาอังกฤษ

ดังนั้นชื่อเฉพาะของบุคคลและสถานที่ต่างๆอาจผิดเพี้ยนไปต้องขออภัยอย่างยิ่งนะคะ หากท่านใดไม่เคร่งครัดเรื่องนี้ขอเชิญมาสนุกด้วยกันเลยค่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท