หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 287 ผูกมัดต่อกันตราบนิรันดร์

ตอนที่ 287 ผูกมัดต่อกันตราบนิรันดร์

หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 287 ผูกมัดต่อกันตราบนิรันดร์

เพียงได้ยิน ทั้งชิงหลง และหวูอต่างตื่นตกใจ ทั้งสองรีบเข้า มาห้ามปรามมิให้หนานกงยวี่ทุ่มเทกายเข้าสุ่มเสี่ยง “นายท่านสถานภาพของนายท่านค่อนข้างพิเศษกว่าผู้ใด หากนายท่านต้องสูญเสียพลังปราณไป และเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงผู้อื่น ถึงตอนนั้นผลที่เกิดย่อมเกินกว่าจะคาดคิดได้หากนายท่านห่วงกังวลในความปลอดภัย ของคุณชายซี เช่นนั้นหวอกับข้าจะติดตามคุณชายซีเข้าสู่ด้านใน พวกเราขอให้สัตย์สาบาน ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเราล้วนไม่มีทางปล่อยให้คุณชายซีได้รับบาดเจ็บแม้เพียงน้อยนิด !

มุมปากกู้หลิวเพิ่งยกโค้งขึ้นอย่างงดงาม รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ปลิด ปลิวผ่านพร้อมแววตานึกสนุก “หากเจ้าไม่เข้าสู่ด้านในย่อมไม่มีสิ่งใดน่าห่วงกังวล เพราะข้าจะติดตามเยว่เอ๋อน้อยสู่ด้านในเช่นกัน หากมีข้าร่วมเดินทางกับเยว่เอ๋อน้อยแล้วยังจะมีสิ่งใดยากเย็นเกินกว่าที่พวกเราจะขจัดได้อีกกระนั้นหรือ ? เยว่เอ๋อน้อย เจ้าคิดเห็นเช่นไร คําที่ข้ากล่าวล้วนเป็นจริงดังนั้นใช่หรือไม่ ?”

กู้หลิวเพิ่งยกมือขึ้นวางทาบบนลาดไหล่ของเกอซีพร้อมกับท่าที ผ่อนคลายไร้กังวล

ทั้งชิงหลง และหรูอต่างจ้องตาค้าง ไอ้กระหลั่ว ! กระทั่งยามนี้ ยังจะกล้าแหย่นายท่านอีกกระนั้นหรือ !

และแน่นอน ประกายตาอันเย็นเยียบปรากฏขึ้นในแววตาของ หนานกงยว ขุมพลังปราณไร้สีพุ่งตรงเป็นสายรวบรัดร่างของเกอซีกลับเข้ามาข้างกายเขาในทันที

ติดตามมากับสายพลังนั้นคือเสียงร้องด้วยความตระหนกของกู้ หลิวเพิ่งผู้กระเด้งหลบ เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนรวดเร็วฉับไวกระแสไฟที่พุ่งผ่านเผาไหม้ปลายเส้นผมยาวที่เคยระไร้สยายอยู่เบื้องหน้าให้หงิกงอกอดกลุ่มเป็นกระจุกส่งควันขโมงลอยฉุย ช่าง เป็นภาพที่น่าเศร้าสลดยิ่งนัก

หนานกงยถลึงจ้องอีกฝ่ายอย่างเย็นชาก่อนจะเค้นคํากล่าวหนัก “ไม่จําเป็นต้องอาศัยเจ้าช่วยปกป้องคนของข้าแต่อย่างใด ข้าไม่มีวันยอมให้ซีเอ๋อทิ้งข้าไปอย่างแน่นอน !”

ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยให้ซีเอ๋ออยู่กับเจ้าวายร้า ยตัวแสบนี้เพียงลําพังอย่างแน่นอน !

“นายท่าน !” เมื่อชิงหลง และหวูอวต่างไม่อาจรั้งหนานกง ยวให้รออยู่เพียงด้านนอกได้ ทั้งคู่กลับยิ่งกระวนกระวายอย่างที่สุด เมื่ออับจนหนทางแก้ปัญหา ทั้งคู่จึงหันมาส่งสายตาวิงวอนร้องขอจากเกอซี

ผู้ถูกจับจ้องได้เพียงยกมือขึ้นกุมหัว ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าเขี่ยเจ้า พวกจอมป่วนเหล่านี้ให้พ้นทางแล้วก้าวเข้าไปสู่ด้านในเพียงลําพัง อีกแล้วทว่า… เมื่อได้เห็นสายตาเดือดดาลของหนานกงยี่กับแววตาขบขันของกู้หลิวเพิ่งเช่นนี้แล้ว…เฮ้อ ช่างมันเถิด ยังมีเรื่องต้องทําอีกมาก นางไม่ต้องการมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระเช่นนี้แล้ว

เกอซีทอดสายตามุ่งไปยังม่านหมอกขาวเบื้องหน้า ร่องรอย แห่งความเคลือบแคลงสงสัยฉายวูบผ่านนัยน์ตาคู่งามกระทั่งอด มิได้ที่จะเหยียดยื่นมือออกลองสัมผัส

ดูคล้ายไม่อาจรับรู้ได้ถึงความผิดปกติใด ทั้งไม่รู้สึกถึงการดูดกลื นขุมพลังปราณดังที่กล่าวอ้างเห็นที่นางจําต้องก้าวเข้าสู่ด้านในเพื่อ ทดลองรับความรู้สึกนั้นด้วยตนเองเสียแล้วที่สุดม่านหมอกขาวนี้ สามารถดูดกลื่นขุมพลังปราณได้เช่นไร ?

“อย่าต่อปากต่อคํากันนักเลย !” นางบ่นพึมพํา “ข้าอยากรู้ งนักว่าหมอกขาวเบื้องหน้านี้สามารถดูดกลืนพลังปราณได้เช่นไรข้าจะเข้าไปสํารวจด้านในก่อน พวกเจ้าทั้งหมดจงรั้งรออยู่ที่นี่ ระหว่างนั้นพวกเจ้าลองพูดคุยกันให้ดีเสียก่อนว่าผู้ใดจะเข้าไปยังสวนส มุนไพรผู้ใดจะรั้งอยู่ที่นี้”

หนานกงยี่ตอบกลับได้อย่างฉับพลัน “ข้าจะเข้าไปพร้อมกับ เจ้า”

“ข้าเพียงเข้าไปสํารวจดูเท่านั้น ยังไม่ตรงไปยังสวนสมุนไพร ข้า ไม่ต้องการผู้ติดตาม” เมื่อหญิงสาวหันกลับมาอีกคราจึงเห็นสีหน้าดึงดันของหนานกงยวี่ เช่นนั้นนางจึงต้องกล่าวออกมาอย่างจนปัญญา “เช่นนั้นเจ้าจงเอาเส้นไหมทองคํานั่นมัดข้าแทน เอาไหมเล่า ?”

นางเพียงเปรยเล่นหากทว่าผู้ใดจะคิดว่าเพียงอีกฝ่ายได้ยิน นัยน์ ตาก็เปล่งประกาย พร้อมกันนั้นเส้นไหมทองคําก็ปรากฏขึ้นใจกลางฝ่ามือ

พริบตา มุมปากเกอซีกลับกระตุกนึกเมื่อได้เห็นเส้นไหมทองคําที่ มัดข้อมือขวาของนางเข้ากับแขนซ้ายของหนานกงยว

ชายหนุ่มโน้มกายเข้ามากระซิบใกล้ข้างใบหู “ซีเอ่อ แท้จริงข้าป รารถนาจะผูกมัดเจ้าไว้กับข้าเช่นนี้ชั่วนิรันด์ !”

นางหันขวับพุ่งร่างเข้าใส่หมอกขาวอย่างไร้ความลังเล ทั้งปฏิเสธ ที่จะหันกลับมามองเจ้าหนุ่มไร้ยางอายผู้นี้อีก ! เกอซีจึงเข้าสู่ด้านในโดยมีเส้นไหมทองคําผูกข้อมือโยงตนไว้กับหนานกงยี่ผู้ถูกบังคับให้รั้งรออยู่เพียงด้านนอก

เพียงย่างกรายเข้าสู่ด้านใน เกอซีก็รับรู้ได้ถึงแรงสูบกลืนพลัง ปราณอันมหาศาลภายใต้ม่านหมอกขาวแห่งนี้

ในหน้าของนางซีดเผือด ห่างออกไปเพียงเล็กน้อยยังได้ยินเสีย งกรีดร้องโหยหวนของผู้คน“ปล่อยข้าไป ! ปล่อยข้าไปจากไอ้หมอกบ้า ๆนี่เสียที ! ข้าไม่ปรารถนาสมบัติใดอีกแล้ว….พาข้าออกไป ที่ 1”

หมอกขาวไม่เพียงซึมซับพลังปราณในร่างกระทั่งแห้งเหือด มัน สามารถปลูกความหวาดหวั่นพรั่นพรึงให้เบ่งบานภายในใจผู้คนทําจิตให้วิปลาสสับสนผลท้ายที่สุดทุกผู้คนล้วนเสียสติหลงทางมืดมนอยู่ภายใต้ม่านหมอก

พร้อมกันนั้น เมื่อขุมพลังปราณถูกสูบกลืนกระทั่งแห้งเหือด บร รดายอดฝีมือทั้งหลายล้วนพบว่าพละกําลังภายในกายเริ่มถูกระบายถ่ายเทไหลออก เช่นนั้นผู้ที่ผ่านเข้าสู่ด้านในหมอกขาวล้วนไม่อาจค้นหาทางออกไปจากหมอกแห่งนี้ ทั้งย่อมไม่อาจผ่านให้ถึงสวนสมุนไพรอันเป็นเป้าหมายน่าสลดใจยิ่งเมื่อที่สุดพวกเขาล้ว นต้องทิ้งชีวิตไว้ภายใต้หมอกขาวอันกว้างไกลสุดตา

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

Status: Ongoing

ในงานประมูลครั้งมโหฬารแห่งหอรื่นรมย์ สาวน้อยเครื่องอุ่นเตียงชั้นยอดได้ถูกเสนอราคาชนิดสูงเสียดฟ้า ในท่ามกลางความหื่นกระหายต่อสู้เยื้อแย่งราคากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ดรุณีน้อยเปิดเปลือกตาทอดส่งผ่านลูกกรงขังสีทอง อายกระแสรังสีอันเย็นยะเยียบจับทรวงที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อกาย บ่งบอกได้ว่ายามนี้นางไร้สิ้นความหวาดกลัวอีกต่อไป

เมื่อนางคือสุดยอดมือสังหารเกียรติยศระดับเหรียญทองแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ถูกส่งผ่านข้ามกาลเวลามาสู่ร่าง คุณหนูสาม น่าหลานเกอซี แห่งตระกูลแพทย์ผู้ปรุงโอสถอันลือลั่น นางผู้สิ้นดี นางผู้ถูกกลั่นแกล้งสารพัด

นางคือผู้ที่ไร้สิ้นกระแสปราณแห่งพลังจึงมิอาจโคจรฝึกฝนพลังปราณเยี่ยงผู้อื่นได้เช่นนั้นล่ะหรือ? จะต้องเกรงไปไย เมื่อนางคือยอดหมออัจฉริยะสวรรค์บันดาน แค่อาการจิ๊บจ้อยเพียงเท่านี้ ไม่พอมือนางหรอก บิดาไม่เอ็นดูข้า มารดาไม่รักข้า ทุกคนล้วนข่มเหงรเหยียบย่ำข้ากระนั้นหรือ? ฮึ่ม! เมื่อนางคือผู้ครอบครองมิติและสัตว์เวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างไร้ผู้เทียบเทียม เช่นนี้แล้ว ไยนางต้องแสร้งทำตนเป็นคุณหนูลูกแหง่ในสกุลน่าหลานอีกเล่า!

ใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์ ร่างกายที่ผ่ายผอมแลดูอมโรคนั้น หาได้มีผู้ใดต้องการมันใช่ไหม? เพียงชั่วพริบตา นางจะกระชากหน้ากากเดิมเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ทำให้บุรุษรูปงามเป็นโหลๆต้องคอยเฝ้าล้อมหน้าล้อมหลัง! หากแต่บุรุษจอมเผด็จการผู้นั้นกลับยังตามตื้อกันไม่เลิกไม่ราตั้งแต่งานประมูลเมื่อคราก่อน

ผู้ใดบอกว่าชีวิตของข้าต้องขึ้นอยู่กับเจ้ากัน? ชีวิตของข้าย่อมต้องเป็นของข้า! ข้าจะมิยอมให้ผู้ใดมากำหนดชีวิตของข้าได้!

บุรุษนิรนาม : เช่นนั้นชีวิตของข้าก็เป็นของเจ้า แล้วแต่เจ้าจะบัญชาให้เป็นไปดีไหม?

*****

ลำดับขั้นแห่งการฝึกฝนพลังปราณอันต้องอาศัยผู้ที่มีรากฐานแห่งพลังอันเนื่องด้วยกระแสจิตวิญญาณเท่านั้นจึงจะสามารถควบกลั่นโคจรพลังปราณในกายได้ ไล่เรียงลงไปตามลำดับขั้นจากขั้นพื้นฐานไปถึงขั้นสูงสุดมีทั้งหมด 9 ขั้น โดยกำลังปราณแต่ละขั้นมี 10 ระดับ

กำลังปราณขั้น 1 เมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม กำลังปราณขั้น 2 ปฐมภูมิโลกันต์ กำลังปราณขั้น 3 พลิกผันอเวจี กำลังปราณขั้น 4 ปฐพีสะท้านสะเทือน กำลังปราณขั้น 5 ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ กำลังปราณขั้น 6 เปิดม่านฟ้าดิน กำลังปราณขั้น 7 ทะลวงสิ้นโลกสาม กำลังปราณขั้น 8 ก้าวข้ามสูญญภพ กำลังปราณขั้น 9 สยบทั้งจักรวาล

ผู้แปลไม่ได้เก่งภาษาจีน เป็นการแปลจากภาษาอังกฤษ

ดังนั้นชื่อเฉพาะของบุคคลและสถานที่ต่างๆอาจผิดเพี้ยนไปต้องขออภัยอย่างยิ่งนะคะ หากท่านใดไม่เคร่งครัดเรื่องนี้ขอเชิญมาสนุกด้วยกันเลยค่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท