หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 326 เชื่อมั่นในตัวเขากระทั่งถึงที่สุด

ตอนที่ 326 เชื่อมั่นในตัวเขากระทั่งถึงที่สุด

หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 326 เชื่อมั่นในตัวเขากระทั่งถึงที่สุด

ครู่หนึ่งที่ตลอดทั่วทั้งสวนสมุนไพรปรากฏเพียงเสียงโหยหวนบาดโสตประสาทของกู้อี้ตาว เสียงแผดร้องนั้นดังกึกก้องกลบสยบเสียงร่ําร้องคร่ําครวญของเหล่าผู้ได้รับพิษทั้งหลาย

ทุกผู้คนล้วนนิ่งสงัดขณะทุกคู่สายตาต่างจับจ้อง เพียงสภาพอันน่าสลดสังเวชของกู้อี้ตาว บนดวงหน้าของพวกมัน ทุกคนล้วนถูกครอบงําด้วยความหวาดกลัว และเวทนา

ความเงียบกริบเข้ามาเยี่ยมเยือนได้เพียงชั่วอึดใจ เมื่อสวนสมุนไพรพลันระเบิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ระเบ็งเซ็งแซ่ยิ่งกว่าก่อนหน้า

“น่ากลัวจริงๆ! โชคยังดีที่ไอ้หนุ่มนั่นไม่ได้ให้การรักษาพวกเรา หากแต่เป็นเทพธิดาบัวเยือกแข็ง หาไม่พวกเราคงมีจุดจบเช่นเดียวกันนี้”

“ถูกต้อง ก่อนหน้าพวกเราล้วนเห็นว่ามันผู้นั้นเกินกว่าจะเยียวยารักษาได้แล้ว ทว่ายามนี้ ชีวิตของมัน…”

“ผู้ใดใช้ให้คุณชายกู้ไม่เชื่อมั่นในตัวเทพธิดาบัวเยือกแข็ง หากแต่กลับไปหลงเชื่อเจ้าเด็กเมื่อวานซืนที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ํานมผู้นั้นเล่า ? ข้าอยากรู้นักว่ายามนี้ลุงของเขากําลังจะสิ้นใจเช่นนี้ มันสาแก่ใจเขาแล้วหรือยัง

“ ไอ้นี่มันนักต้มตุ้น! มันคือนักต้มตุ้นที่เป็นภัยต่อผู้คน!”

ความเดือดดาลดั่งสายน้ําหลากที่โหมกระทบฝั่งไม่หยุดยั้งปะทุขึ้นจากกลุ่มผู้เฝ้าชมกระบวนการรักษา เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ที่ดังกระหึมคละเคล้าไปกับเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดทรมานของกู้อี้ตาวส่งให้ฝ่ามือที่แนบข้างลําตัวของกู้หลิวเฟิ่งบีบกําแน่น

เขาไม่อาจทนดูผู้เป็นลุงทนรับความทรมานเช่นนี้ได้ หากแต่สัญชาตญาณกลับพร่ําบอกให้เขาวางใจในตัวซีเยว่ และเมื่อเขารับคําจะเชื่อมั่น เขาย่อมต้องเชื่อมั่นในตัวซีเยวให้ถึงที่สุด!

กู้หลิวเฟิงข่มเปลือกตาทั้งคู่ลง ทั่วทั้งดวงหน้าไร้สีราวซากศพ เนื้อร่างสั่นเทา

ผู้เดียวภายในสวนสมุนไพรที่ไม่ได้รับผลกระทบใดจากเสียงโหยหวนเจียนสิ้นใจคงมีเพียงเกอซี

สีหน้าของนางยังคงเรียบสงบ ขณะหญิงสาวหันไปเอ่ยถามหนานกงยวี่ถึงความยาวของเส้นไหมสวรรค์ ก่อนจะนําของชิ้นนั้นตรงเข้ามัดร่างของกู้อี้ตาวเพื่อป้องกันไม่ให้เขาดิ้นทุรนทุรายตะเกียกตะกายออกไป

จากนั้นจึงคว้าแท่งเข็มเงินขึ้นจิ๋มแทงเจาะทะลุต่อมโลหิตดําบนร่างของกู้อี้ตาวที่ละเม็ดที่ละเม็ด

สายโลหิตสีดําคล้ําค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากเม็ดตุ่มโลหิตกระจายกลิ่นเหม็นคลุ้งที่ทําให้ทุกผู้คนรู้สึกคลื่นเหียน

โลหิตดําที่ไหลซึมออกจากปากแผล ล้วนส่งผลให้ปลายนิ้วของเกอซีเปรอะเปื้อนคราบโลหิต

ก่อนหน้านี้น้ําหนอง และคราบโลหิตล้วนสามารถทําให้ผู้คนต้องติดเชื้อพิษร้าย!

หากแต่สีหน้าของเกอซีกลับไม่แปรเปลี่ยน นางรวบรวมพลังปราณวารีเพื่อประพรมสายพลังที่กลั่น กระทั่งปรากฏ เป็นเพียงละอองที่ละเอียดอ่อนบางลงพร่างพรมทั่วร่างของกู้อี้ตาว เพื่อชําระทําความสะอาดบาดแผลทั้งมวล

เมื่อบาดแผลทั้งหมดถูกชําระให้สะอาด อาการบาดเจ็บของกู้อี้ตาวก็เข้าสู่ขั้นวิกฤต แม้เขาจะยังอยู่ในสภาพไร้สิ้นสติ ทว่ากลับยังคงปลดปล่อยเสียงโอดครวญแห่งความเจ็บปวด ไม่สิ้น

เกอซีหันไปหากู้หลิวเฟิง เพื่อกล่าวคําด้วยน้ําเสียงไร้สิ้นความรู้สึก “เสร็จแล้ว คาดว่าอาการของเขาจะดีขึ้นในอีกสองเค่อ*ให้หลัง”

*1 เค่อคือ 15 นาที

2 เค่อ คือ 30 นาที

แต่แรกกู้หลิวเฟิ่งยังเสียขวัญกระเจิดกระเจิง ทว่ายามนี้สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นยินดีขึ้นมากระทันหัน ฝ่าเท้าทั้งสองซวนเซกระทั่งแทบล้มทรุดลงกับพื้น เนื่องเพราะหยุดยืนยั้งอยู่เช่นนั้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

เกอซีขยับถอยออกไปด้านข้าง ทว่าฝ่ามือน้อยข้างหนึ่งพลันถูกหนานกงยวี่จับกุมในทันที

ยังมิทันที่เกอซีจะตอบโต้สิ่งใด หนานกงยวี่ก็คว้าแขนของนางกดหลังมือนั้นกับริมฝีปากของตนอย่างอ่อนโยน และนั่นคือตําแหน่งที่คราบโลหิตของกู้อี้ตาวไหลมาเปรอะเปื้อน

สองคิ้วของเกอซียกสูง ขณะนางกระซิบข้างหูอีกฝ่าย “เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าเพิ่งสัมผัสโลหิต และน้ําหนอง ? มันสามารถติดต่อผู้อื่นได้ เจ้าไม่กลัวจะติดโรคร้ายกระนั้นหรือ?”

บนดวงหน้าของหนานกงยวี่มีเพียงความนิ่งสงบ ขณะสองตาที่จับจ้องนางกลับอ่อนโยนอย่างที่สุด “หากซีเอ๋อต้องติดเชื้อ เช่นนั้นเปิ่นหวาง* ย่อมพร้อมจะยินดีร่วมชะตากรรมเดียวกับพระชายาของเป็นหวาง”

*เปิ่นหวาง แปลว่า ข้าคือคําเรียกแทนตนเองของท่านอ๋อง

“ผู้ใดเป็นพระชายาของเจ้ากัน!” เกอซีชักมือกลับอย่างไม่สบอารมณ์ หากแต่มุมปากทั้งสองกลับขยักยิ้มยามเมื่อนางเอ่ยอธิบาย “น้ําหนองในร่างของกู้อี้ตาวย่อมมิอาจนับได้ว่ายังเหลือเชื้อที่สามารถติดต่อสู่ผู้ใดได้ ทว่าเจ้าล้วนคาดเดาไว้แล้วมิใช่หรือ ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มพลันพ่นลมออกจมูก “หากข้ารู้ว่าการกระทําเช่นนั้นย่อมนําพาอันตรายมาสู่เจ้า ซีเอ๋อคิด หรือว่าข้าจะยอมปล่อยให้เจ้ารักษาเขาโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยของตนเอง ?”

เกอซีไม่ตอบคําหากแต่กลับเบือนหน้าหนี บุรุษผู้นี้ยังคงเอาแต่ใจเช่นเคย ทั้งความคิดจะบังคับควบคุมผู้อื่นล้วนหนักแน่นจนเกินไป!

หากทว่าขณะที่เหตุการณ์ทุกอย่างดําเนินไป กลุ่มคนที่ยังคงเฝ้าดูสภาพอาการของฉางกวนรุ่ยกลับยิ่งทวีแรงศรัทธา ที่มีต่อเฟิงเหลียนอิ่งอย่างไร้ข้อกังขา

กู้อี้ตาวยังคงไม่รู้สึกตัว ความเจ็บปวดยังคงปรากฏชัดผ่านดวงหน้า แม้โลหิตตลอดถึงน้ําหนองจากปากแผลล้วนได้รับการชําระสิ้น ทว่าตุ่มต่อมแผลล้วนยังคงปรากฏ ทั้งของเหลวสีคล้ําคละเคล้าสีเหลืองยังคงไหลซึมออกจากปากแผลอ ย่างน่าสลดสังเวช

***จบตอน เชื่อมั่นในตัวเขากระทั่งถึงที่สุด***

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

Status: Ongoing

ในงานประมูลครั้งมโหฬารแห่งหอรื่นรมย์ สาวน้อยเครื่องอุ่นเตียงชั้นยอดได้ถูกเสนอราคาชนิดสูงเสียดฟ้า ในท่ามกลางความหื่นกระหายต่อสู้เยื้อแย่งราคากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ดรุณีน้อยเปิดเปลือกตาทอดส่งผ่านลูกกรงขังสีทอง อายกระแสรังสีอันเย็นยะเยียบจับทรวงที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อกาย บ่งบอกได้ว่ายามนี้นางไร้สิ้นความหวาดกลัวอีกต่อไป

เมื่อนางคือสุดยอดมือสังหารเกียรติยศระดับเหรียญทองแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ถูกส่งผ่านข้ามกาลเวลามาสู่ร่าง คุณหนูสาม น่าหลานเกอซี แห่งตระกูลแพทย์ผู้ปรุงโอสถอันลือลั่น นางผู้สิ้นดี นางผู้ถูกกลั่นแกล้งสารพัด

นางคือผู้ที่ไร้สิ้นกระแสปราณแห่งพลังจึงมิอาจโคจรฝึกฝนพลังปราณเยี่ยงผู้อื่นได้เช่นนั้นล่ะหรือ? จะต้องเกรงไปไย เมื่อนางคือยอดหมออัจฉริยะสวรรค์บันดาน แค่อาการจิ๊บจ้อยเพียงเท่านี้ ไม่พอมือนางหรอก บิดาไม่เอ็นดูข้า มารดาไม่รักข้า ทุกคนล้วนข่มเหงรเหยียบย่ำข้ากระนั้นหรือ? ฮึ่ม! เมื่อนางคือผู้ครอบครองมิติและสัตว์เวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างไร้ผู้เทียบเทียม เช่นนี้แล้ว ไยนางต้องแสร้งทำตนเป็นคุณหนูลูกแหง่ในสกุลน่าหลานอีกเล่า!

ใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์ ร่างกายที่ผ่ายผอมแลดูอมโรคนั้น หาได้มีผู้ใดต้องการมันใช่ไหม? เพียงชั่วพริบตา นางจะกระชากหน้ากากเดิมเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ทำให้บุรุษรูปงามเป็นโหลๆต้องคอยเฝ้าล้อมหน้าล้อมหลัง! หากแต่บุรุษจอมเผด็จการผู้นั้นกลับยังตามตื้อกันไม่เลิกไม่ราตั้งแต่งานประมูลเมื่อคราก่อน

ผู้ใดบอกว่าชีวิตของข้าต้องขึ้นอยู่กับเจ้ากัน? ชีวิตของข้าย่อมต้องเป็นของข้า! ข้าจะมิยอมให้ผู้ใดมากำหนดชีวิตของข้าได้!

บุรุษนิรนาม : เช่นนั้นชีวิตของข้าก็เป็นของเจ้า แล้วแต่เจ้าจะบัญชาให้เป็นไปดีไหม?

*****

ลำดับขั้นแห่งการฝึกฝนพลังปราณอันต้องอาศัยผู้ที่มีรากฐานแห่งพลังอันเนื่องด้วยกระแสจิตวิญญาณเท่านั้นจึงจะสามารถควบกลั่นโคจรพลังปราณในกายได้ ไล่เรียงลงไปตามลำดับขั้นจากขั้นพื้นฐานไปถึงขั้นสูงสุดมีทั้งหมด 9 ขั้น โดยกำลังปราณแต่ละขั้นมี 10 ระดับ

กำลังปราณขั้น 1 เมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม กำลังปราณขั้น 2 ปฐมภูมิโลกันต์ กำลังปราณขั้น 3 พลิกผันอเวจี กำลังปราณขั้น 4 ปฐพีสะท้านสะเทือน กำลังปราณขั้น 5 ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ กำลังปราณขั้น 6 เปิดม่านฟ้าดิน กำลังปราณขั้น 7 ทะลวงสิ้นโลกสาม กำลังปราณขั้น 8 ก้าวข้ามสูญญภพ กำลังปราณขั้น 9 สยบทั้งจักรวาล

ผู้แปลไม่ได้เก่งภาษาจีน เป็นการแปลจากภาษาอังกฤษ

ดังนั้นชื่อเฉพาะของบุคคลและสถานที่ต่างๆอาจผิดเพี้ยนไปต้องขออภัยอย่างยิ่งนะคะ หากท่านใดไม่เคร่งครัดเรื่องนี้ขอเชิญมาสนุกด้วยกันเลยค่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท