หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 347 ฟื้นคืนโดยสมบูรณ์
ทันใดนั้นเอง แสงสว่างเจิดจ้าสีขาวที่พร่างพรายสายตาพลันสาดทอลงมาจากห้วงนภากาศ ขุมพลังขนาดมหึมาติดตามมาพร้อมลําแสงแรงกล้าที่พุ่งตรงลงมายังสวนสมุไพร
ทันทีที่ลําแสงสายนั้นสัมผัสพื้นพสุธา มันพลันแผ่กระจายกว้างแค่เพียงพริบตาประกายแสงนั้นพลันครอบคลุมโอบล้อมทั่วทุกตารางนิ้วในสวนสมุนไพร
เพิ่มเติมยิ่งไปกว่านั้น คือกลุ่มคนผู้อยู่ในตําแหน่งใจกลางลําแสงสายนั้นพลันดูคล้ายถูกแยกขาดจากกลุ่มผู้คน พวกเขาทั้งหมดล้วนกลับกลายโปร่งใส กระทั่งไม่มีผู้ใดแลเห็นหรือได้ยินสุ่มเสียงของคนกลุ่มนี้ได้อีก
ทุกผู้คนล้วนตกอยู่ในอาการตื่นผวา เหล่ายอดฝีมือทั้งหมดในที่นั้นโดยส่วนใหญ่ล้วนเคยได้สัมผัสพิษโลหิตหลั่งสาราญกันมาอย่างถ้วนหน้า และในยามนี้ภายในจิตใจของพวกมันล้วนถูกเติมเต็มไปด้วยความหวาดผวาตื่นกลัวอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
หนานกงยวีรีบโอบร่างของเกอซี และชิงหลงด้วยม่านพลังปราการของตนส่วนหรูอี้ยังคงรั้งรอช่วยเหลือให้ทุกคนได้อยู่ในม่านพลังปราการ
หากทว่าขณะที่หนานกงยี่กําลังจะรีบคว้าตัวเกอซีเข้าสู่อ้อมแขนลําแสงสีเขียวสดพลันพุ่งโถมเข้าใส่ร่างของหญิงสาว
เกอซียังไม่ทันจะตั้งตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนางเพียงได้ยินเสียดัง “ตูม” ขึ้นภายในหัว หลังจากนั้นทุกสิ่งเบื้องหน้าสายตาพลันแปรเปลี่ยน
ครั้นเมื่อเกอซีรู้สึกตัวอีกครา หญิงสาวพบว่าตนกําลังอยู่ในสถานที่ซึ่งไม่คุ้นเคยหากแต่กลับรู้สึกคุ้นเคย
ที่กล่าวว่านางรู้สึกคุ้นเคยเนื่องเพราะที่นี้คือสถานที่ซึ่งนางได้พบกับมังกรทองตัวน้อย ทั้งก็ได้เปิดผนึกให้แก่เขาโดยไม่รู้ตัว
ที่กล่าวว่าไม่คุ้นเคยเนื่องเพราะสถานที่ซึ่งเดิมเคยคับแคบมืดมนยามนี้กลับมีความแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง
ทั่วทุกอาณาบริเวณกลับกลายดั่งทองคําประดับหยกที่งดงามวิจิตรเพริดแพร้ว
*ทองคําประดับหยก หมายถึง งดงามระยิบระยับจับตา
ไข่มุกราตรีจํานวนไม่ถ้วนถูกห้อยแขวนอยู่เหนือเพดาน พวกมันพากันส่งแสงทอประกายความสว่างที่นุ่มนวลสายตา
เดิมที่ในสถานที่นี้ปรากฏเพียงกระจกสะท้อนที่หม่นมัวเลือนลางโดยรอบทว่ามาบัดนี้กระจกทุกบานกลับสว่างใส
บานกระจกเบื้องหน้านางในยามนี้ปรากฏภาพฉากภายในอาณาจักรกําบังแห่งนี้ทั้งสิ้น และนั่นรวมถึงภาพของหนานกงยวรวมถึงทุกผู้คนในที่นั้น
หากทว่ายามนี้ ภาพที่ปรากฏในบานกระจกล้วนนิ่งค้างราวกับถูกแช่แข็งคล้ายวันเวลาภายใต้อาณาจักรกําบังแห่งนี้หยุดนิ่งสนิท
ความฉงนสนเท่ห์พลันบังเกิดขึ้นในใจของเกอซี นางแอบลอบนึกคิดอาจเป็นได้หรือว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนเนื่องเพราะมังกรทองตัวจิ๋วได้ดื่มกินผลเทพมังกรเข้าไปกระทั่งรู้สึกตัวตื่น และเขานั่นเองที่เป็นผู้นําพานางเข้ามาในรังมังกรของตนในที่นี้ ?
ชั่วขณะนั้นเอง เกอซีพลันได้ยินเสียงแห่งความชราผ่านล่วงวัยอันยาวนานของมังกรทองตัวน้อย “สาวน้อย อย่างน้อยที่สุดก็สามารถกล่าวได้ว่าเจ้าเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามผู้หนึ่ง เจ้าตระหนักได้ว่าอาวุโสผู้นี้ได้รับบาดเจ็บเนื่องเพราะให้การช่วยเหลือเจ้า เช่นนั้นเจ้าจึงนําผลเทพมังกรมาให้แก่อาวุโสผู้นี้ อย่างน้อยความพยายามขอ งอาวุโสผู้นี้ก็ไม่นับว่าได้ผลเสียทีเดียว”
ครั้นเมื่อสิ้นสุดคํากล่าว มังกรทองตัวน้อย ผู้กําลังนั่งอยู่บนก้อนเมฆสีชมพู พลันเคลื่อนคล้อยร่อนลงมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเกอซี
คล้ายยามนี้อาการบาดเจ็บของมังกรทองตัวน้อยจะได้รับการเยียวยากระทั่งหายสนิทอย่างสมบูรณ์แบบแล้วเกล็ดมังกรสีทองทั่วร่างส่งประกายสะท้อนระยิบระยับ ร่างที่เดิมที่เคยมีขนาดเพียงเท่าหัวแม่มือเริ่มขยายกว้างใหญ่ขึ้นมาบ้าง
หากทว่าก้อนเมฆสีชมพูที่พองฟูนุ่มนิ่มราวลูกกวาดที่เขานั่งขี้กับร่างน้อยขนาดกระจิริดของเขาช่างไม่เข้ากับข้อเท็จจริงที่ว่าเขาคือมังกรทองผู้สูงส่งเรืองอํานาจผู้น่าเกรงขามเอาเสียเลย
เกอซีพยายามข่มห้ามตนมิให้มุมปากคลี่ยิ้มออกมาอย่างที่สุด “อย่างน้อยในยามนี้เกล็ดบนร่างของเจ้าก็ดูคล้ายมังกรขึ้นมาบ้างแล้วย่อมไม่เป็นเช่นก่อนหน้าที่ผู้คนอาจเข้าใจผิดด้วยคิดว่าตัวเจ้าคืออสรพิษน้อย”
มังกรทองตัวน้อยพลันเดือดดาลขึ้นมาในทันทีเขาชี้นิ้วใส่หน้านางพลางก่นดาไม่ซ้ําคํา
หญิงสาวจึงรีบหยุดถ้อยคําเย้าแหย่ของตน “อย่างไรเสียข้าต้องขอบใจเจ้าที่ช่วยปกป้องต้านต้านเมื่อครั้งที่อยู่ในวังจือจิน ทั้งก็ต้องขอบใจเจ้าที่ช่วยปกป้องข้าเช่นกัน
เสียงก่นด่าของมังกรน้อยพลันหยุดชะงักก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ําเสียงเย็นชาขึ้นจมูก “ก็แค่เรื่องเล็กน้อย”
เกอซีหาได้ใส่ใจท่าที่หยิ่งยโสโอหังของเขาไม่ นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เมื่ออาการของเจ้าทุเลาลงแล้วล้วนเป็นสิ่งที่ดี ทว่าเหตุใด จู่ ๆเจ้าจึงพาข้ากลับมาในที่นี้เล่า ?”
“ข้าพาเจ้ามาด้วยเหตุใดกระนั้นรึ ?” เพียงได้ยินถ้อยคําที่นางเอ่ยกล่าวมังกรทองตัวน้อยก็ขึ้นเสียงตวาดแว้ด “เป็นที่แน่ชัดว่าเจ้าคือผู้เปิดดินแดนอาณาจักรกําบัง เจ้าจะเป็นผู้ขับเคลื่อนควบคุมทุกสิ่งภายใต้อาณาจักรกําบังแห่งนี้”