หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 374 สังหารหมู่
เกอชีหยิบกระดาษสีน้ําตาลแผ่นนั้นขึ้นมา นางกวาดตามองจึงพบว่าสิ่งที่ขีดเขียนอยู่บนแผ่นก ระดาษคือโครงสร้างตัวอาการและแน่นอนย่อมบ่งบอกสัญลักษณ์ทางเข้าตลอดถึงตําแหน่งที่ตั้ง
ฐานใต้ดิน
ส่วนแผ่นหยกบันทึกความ คือกุญแจไขเข้าสู่ฐานใต้ดิน
เมื่อผู้ดูแลจีนมอบแผนที่รวมถึงแผ่นหยกบันทึกความออกไป มันมองเกอซีด้วยสายตาหวาดระแวงน้ําเสียงสั่นเครือ “เจ้ารับปากว่าหากข้ามอบแผนที่ให้ เจ้าจะไม่สังหารข้า !”
“เป็นเช่นนั้น” เกอซีเก็บแผนที่ฉบับนั้นเดินก้าวออกไปนอกตัวอาคาร
เพียงคล้อยหลัง ใบหน้าของผู้ดูแลจิ้นกลับเผยรอยยิ้มน่าสยอดสยอง
แผนที่แผ่นนั้นอาบยาพิษ เพียงพิษสัมผัสโลหิต ลําคอของมันผู้นั้นจะตีบตันขอเพียงสะกิดผิวมันผู้นั้นย่อมจะได้รับบาดเจ็บสะบักสะบอม
เมื่อครู่เขายังเห็นปลายนิ้วของเกอซีแฉลบผ่านส่วนคมของแผ่นกระดาษเคลือบยาพิษทั้งเด็ก หนุ่มผู้นั้นยังไม่ทันระแคะระคายเสียด้วยซ้ํา เฮ้อ ! หนุ่มน้อยผู้นั้นคงไม่ใส่ใจบาดแผลสะกิดเล็กน้อย
ที่สุดมันก็แค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ํานมที่สะเพร่าไร้ประสบการณ์ดังทั่วไป อา…มันวางกับดักทิ้งไว้ให้เด็กหนุ่มผู้นั้นสําเร็จแล้ว
เพียงสองก้าวเมื่อพ้นบานประตู เด็กหนุ่มผู้นั้นจะสิ้นสติฟุบลงกับพื้น พิษร้ายจะกําเริบกลืนกินพลังวัตรของเจ้าเด็กนั่นกระทั่งเดือดแห้ง
ฮ่าฮ่าฮ่า…ยามนี้ สิ่งที่มันต้องทํามีเพียงรอจับตัวเจ้าหนุ่มนั่นไปส่งมอบให้ท่านหมอเซียสร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวง
ทว่า ! เกอซีผู้กําลังก้าวขยับออกจากที่นั้นพลันชะงักฝีเท้าก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมาอย่างเชื่องช้าเพื่อเผยรอยยิ้มที่หลบซ่อน “เจ้ากําลังคิดว่าหากข้าก้าวออกไปพิษเจ็ดก้าวม้วยมรณาในร่างของข้าจะกําเริบขึ้นใช่หรือไม่ ?”
มันรู้ ! ไม่น่าเชื่อ ! มันรู้ตัวนานแล้ว ทั้งยังรู้ว่าพิษชนิดนี้ คือพิษเจ็ดก้าวม้วยมรณา
อายสังหารที่เย็นเยียบฉายวาบผ่านนัยน์ตาของเกอซีขึ้นวาบหนึ่ง เถาวัลย์ม่วงอเวจีบนข้อมือของนางเลื้อยลุกซูเส้นสายราวภูตผีปีศาจ
สองตาของผู้ดูแลจิ้นเบิกโพลงมันรีบร้องตะโกน “เจ้าบอกว่าเจ้าจะไม่สังหารข้า ! อ๊าก อาก อ๊ากกกกกก”
เถาวัลย์ม่วงอเวจีพุ่งพรวดเข้าไปในกระโหลกศีรษะของมัน สายเถาวัลย์กวาดตวัดวาดเป็นวงกลมภายในหัวกระโหลกของมันผู้นั้น ก่อนจะคืนกลับมาหาเกอซื้อย่างไม่ใคร่เต็มใจเท่าไรนัก
ผู้ดูแลจิ้นที่ส่งเสียงดังโหวกเหวกเมื่อครู่ ยามนี้กลับหัวเราะร่วนไม่เลิกใบหน้าของมันแสดงออกถึงความโง่เง่าไร้ปัญญา
ทั่วร่างของมันไร้สิ้นอายพลังปราณ นัยน์ตาทั้งสองว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่ามันได้กลายเป็นคนวิกลจริตไปแล้ว
เกอซีกระตุกเถาวัลย์ม่วงอเวจีกลับคืน พลางกล่าวอย่างเนิบช้า “ที่ข้ากล่าวว่าจะไม่สังหารเจ้าเนื่องเพราะการปล่อยให้เจ้าหลงเหลือชีวิตดําเนินต่อไปเยี่ยงนี้ หากจะเปรียบกับความตายแล้วมันน่าสนุกกว่ากันมากมายนัก”
กล่าวจบ ปลายนิ้วเรียวงามของนางพลันชี้หมุนกลางอากาศ
คล้ายเถาวัลย์ม่วงอเวจีจะได้รับคําสั่งจากผู้เป็นนาย มันหดร่างคืนกลับสู่สายเงาสีม่วงก่อนจะกลับคืนสู่ร่างของหญิงสาวเพียงชั่วพริบตา
ครึ่งชั่วยามผ่านไป* ผู้คนทั้งหลายจึงเพิ่งได้ยินคนกลุ่มหนึ่งแผดเสียงร้องลั่นออกมาจากโรงโอสถจีเชิง
*ครึ่งชั่วยาม หมายถึง 1 ชั่วโมง
มันคือเสียงของเด็กรับใช้ผู้ต่ําต้อยกับทั้งคนงานชั่วคราวที่หมดสติอยู่ในโรงโอสถ
.
เสียงแผดร้องดังสนั่นปลุกผู้คนทั้งหลายในบริเวณใกล้เคียงให้ตื่นตัว รวมถึงเหล่าทหารเวรยาม ผู้ตรวจตรายามค่ําคืน ทว่าเมื่อภาพฉากอันน่าสยดสยองปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกผู้คนต่างอดสูด หายใจเฮือกด้วยความเหน็บหนาวเสียวสันหลังวาบมิได้
ซากศพทุกศพล้วนไม่เหลือสิ่งใด นอกไปเสียจากแผ่นหนังชิ้นบางที่หุ้มห่อโครงกระดูกกับสองตาที่ถลึงกว้างด้วยความหวาดกลัวทั้งหมดทั้งมวลล้วนส่งให้โรงโอสถซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ให้ความช่วยเหลือผู้คนถูกแปรเปลี่ยนเป็นขุมนรกที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเพียงชั่วพริบตา
ทุกคนต่างพยายามคาดเดาว่าผู้ใดคือผู้ที่ลงมือได้อย่างเหี้ยมโหดอํามหิต ผู้ใดขวัญกล้าบ้าบินกระทั่งสามารถลงมือสังหารหมู่ผู้คนในโรงโอสถจีเชิง ทั้งยังสามารถหลบหนีไปได้อย่างไร้ร่องรอยท่ามกลางการอารักขาดูแลจากเหล่าทหารรักษาการประจําเมือง
ยามนี้เกอซีผู้ขวัญกล้าบ้าบิน ที่ชาวเมืองทั้งหลายล้วนกล่าวถึงก็มาถึงเรือนฝั่งตะวันออกด้านนอกเมืองนานแล้ว ด้วยความสามารถของเถาวัลย์ม่วงอเวจี และแผนที่ในมือนางย่อมสามารถเข้าถึงตําแหน่งทางเข้าฐานใต้ดินของเรือนแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย
***จบตอน สังหารหมู่**