Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1467

ตอนที่ 1467
ตอนที่ 1467 สกัดแทงหลัง!

ณ ค่ายหลักแห่งกองทัพเผ่าปีศาจ เมื่อแม่ทัพใหญ่ทราบข่าวดังนั้น ใบหน้าพลันบูดบึ้งสุดขีด

“ซิ่วเหล่ยเจ้าโง่! กลับทำเรื่องเล็กให้ล้มเหลวได้! เพื่อประโยชน์ในวันนี้ เมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะของเราอุตส่าห์เตรียมการวางแผนมาหลายสิบปี! ข้าบอกได้เลยว่าเจ้าไม่สามารถรับผิดชอบความผิดในคราวนี้ได้ไหวเป็นแน่! ท่านเจ้าเมืองไม่ยอมฟังข้อแก้ตัวแน่นอน! อ๊ากกก! เจ้าทำให้เราชายชราโมโหเจียนตาย!”

แม่ทัพใหญ่คำรามลั่นด้วยความโกรธ

เหล่าผู้ใต้บัญชาทุกคนต่างปิดปากเงียบสงัดดั่งจักจั่นในฤดูหนาว แต่ละคนไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดออกมา

แม่ทัพใหญ่ยามนี้เดือดพิโรธจัด ไม่เห็นแก่หน้ามิตรสหายคนใดอีกแล้ว

“ท่านแม่ทัพใหญ่ มีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่เราสามารถบุกโจมตีได้ หากโชคดีพอ ขอเพียงส่วนหางข้ามหุบเขาอัญเชิญปีศาจมาได้ พวกเราย่อมได้เปรียบ ทางเหนือของพวกมันมีปราการป้องกันอ่อนแอมากกว่าทางใต้นัก ตราบใดที่พวกเราลำเลียงกำลังเข้าไปอีกฝ่ายได้มากพอ ย่อมสามารถบุกยึดเมืองได้ไม่ยาก!”

ปีศาจตนนี้ที่เอ่ยปากกล่าวขึ้นเป็นกุนซือที่น่าเชื่อถือที่สุดของแม่ทัพกอง ในเวลานี้มีเพียงเขาตนเดียวที่กล่าวเอ่ยปากเสนอแนะ

แม่ทัพกองสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามสงบสติอารมณ์ลง ก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“ไอ้โง่นี่ คล้อยหลังยึดเมืองมาได้ แล้วบิดาผู้นี้จักสั่งสอนให้สักบทเรียน! ถ่ายทอดคำสั่งออกไป เคลื่อนทัพเข้าโจมตีเมืองทันที!”

“รับทราบ!”

ทันทีที่อม่ทัพสั่งการ พวกเขาต่างรับบัญชาและแยกย้ายออกไปทันที

ในเวลาเดียวกัน ภายในตำหนักเจ้าเมืองกระแสพิรุณ แม่ทัพใหญ่หวังและผู้บัญชาการกัวชางหมิงเข้ารายงานสถานการณ์ทั้งหมดที่จ้าวปิงเอ่ยอธิบายมาทันที

จ้าวปิงพยายามข่มกลั้นอาการบาดเจ็บและเล่าเรื่องราวทั้งหมดในป่าทึบให้ฟัง จากนั้นก็เงียบลง

กัวชางหมิงสงบนิ่งดุจภูผาทว่าสีหน้ากลับดูไม่มีความสุขนัก เขากล่าวเสียงโศกขึ้นดังว่า

“เจ้ามีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”

แม่ทัพใหญ่หวังหรือหวังอี้เฟินครุ่นพินิจไตร่ตรองเรื่องนี้มานานแล้ว ยามนี้เอ่ยตอบทันทีว่า

“คำกล่าวของจงเต๋าเองก็มิได้ไร้เหตุผลเช่นกัน เผ่าปีศาจมากเล่ห์หลากกลลวง พวกเราเคยพลาดท่าให้มันกับเรื่องเช่นนี้ก็ไม่น้อย มีความเป็นไปได้ว่า พวกมันจงใจปล่อยข่าวลวงออกไปให้เราตีโพยตีพายกันไปเอง เพื่อกระจายกำลังทหารของเราออกไป แต่…ในขณะเดียวกัน ข้าก็รู้สึกว่า เราจำต้องระวังเช่นกัน!”

เมื่อจ้าวปิงได้ยินเช่นนั้น ก็พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

กัวชางหมิงเอ่ยขึ้นว่า

“เรื่องนี้รอจนกว่าเหลียงเฟิงจะกลับมายืนยันก่อนเป็นดีที่สุด อย่างไรก็ตาม กองกำลังที่สามของเจ้าเข้าป้องกันเมืองทางใต้ไปก่อนชั่วคราว ท้ายที่สุดนี้ประตูเมืองทางทิศใต้นับเป็นจุดยุทธ์ศาสตร์สำคัญ!”

หวังอี้เฟินพยักหน้า

“รับทราบ!”

แต่ทันใดนั้น พลันมีผู้ใต้บัญชาคนหนึ่งตรงปรี่เข้ามารายงานสถานการณ์เป็นทันด่วน

“ท่านแม่ทัพใหญ่แย่แล้ว! กองทัพของเผ่าปีศาจบุกประชิดตีล้อมอยู่รอบกำแพงเมืองแล้ว!”

เคลื่อนทัพมาเร็วมาก!

เมื่อรับทราบข่าวดังนั้น สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก

การมาถึงของเผ่าปีศาจเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป และไม่มีสัญญาณใดๆแจ้งออกมาก่อนเลย!

กัวชางหมิงเอ่ยถามเสียงขรึมว่า

“พวกมันมีเท่าไหร่?”

ผู้ใต้บัญชากล่าวตอบว่า

“รอบนี้เป็นทัพใหญ่มีจำนวนเกินคนานับ เบื้องต้นเท่าที่คาดการณ์มีจำนวนไม่น้อยกว่าสามหมื่น!”

ฟู่วว….

ทุกคนต่างพากันถอนหายใจเสียงเย็นแช่ม

กองกำลังกว่าสามแสน ศึกสัประยุทธ์ใหญ่ขนาดนี้มิได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว

ดูเหมือนว่าคราวนี้ เผ่าปีศาจจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี!

เซียนระดับสูงภายในเมืองกระแสพิรุณมีประมาณแปดหมื่นคนเห็นจะได้ แต่เผ่าปีศาจทมีอย่างน้อยสุดสามแสน นับเป็นตัวเลขความแตกต่างที่น่ากลัวเกินไป!

“สั่งการลงไป! ระดมทักศึกทั้งหมดให้พร้อมและรอคำสั่ง! หวังอี้เฟิง เจ้าแบ่งกองทหารหน่วยของตนไปยังทิศเหนือออกไปครึ่งหนึ่งเข้าเฝ้าระวัง! ส่งม้าเร็วเดินทางไปยังเมืองคังติงเพื่อขอกำลังเสริม!”

แม้กังชางมินจะตกใจกับศึกที่มาถึงกะทันหันเช่นนี้ แต่เขาก็มิได้ขวัญเสียอย่างใด พร้อมออกคำสั่งกระจายหน้าที่ออกไปอย่างเป็นระเบียบแบบแผน

ริมหน้าผา ณ หุบเขาอัญเชิญปีศาจ ซิ่วเหล่ยรอรับพรรคพวกปีศาจกว่าหนึ่งร้อยกองร้อยที่ทยอยกันเข้ามา

“เห็นผีกระมัง! ข้าได้ยินมาว่าเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะลงทุนไปจำนวนมหาศาลเพื่อสร้างเรือเหาะเหล่านี้เพื่อขนส่งศิลาเทวะนับหลายร้อยไป เพื่อเรียกไถ่เป็นค่าภาษี! แต่เดิมคิดว่าพวกเราสามารถบุกยึกเมืองกระแสพิรุธได้โดยตรง แต่ที่ไหนได้ กลับมีกองทัพจากเผ่ามนุษย์โผล่มาจากไหนมิทราบ เข้าสกัดจนเรื่องแดงขึ้นในที่สุด!”

“เจ้าไม่เห็นปฏิกิริยาของท่านซิ่วเหล่ยรึ แทบอยากจะฉีกร่างคนพวกนั้นเป็นชิ้นๆ!”

 …

หัวหน้าปีศาจทั้งสองกำลังสนทนาพูดคุยกันด้วยความงงงวย ถึงที่มาที่ทำให้แผนการของพวกมันรั่วไหล

แต่เดิมแผนการนี้ไร้รูรั่วเป็นภารกิจง่ายๆที่ได้รับมอบหมายมา เช่นนั้นจะมิให้พวกปีศาจรู้สึกหดหู่ได้อย่างไร?

ทันใดนั้น กลับมีร่างหนึ่งเดินตรงออกมาพร้อมยิ้มกล่าวว่า

“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะสนใจไม่น้อย ไฉน…ไม่มาถามข้าดูล่ะ!”

เหล่าทหารปีศาจทั้งหมดต่างสะดุ้งเฮือกด้วยความประหลาดใจจัดต่อการปรากฏตัวของมนุษย์

หัวหน้าปีศาจตนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนขยับขยายสายตาจับจ้องมนุษย์คนนั้น แลดูคุ้นเคยผิดหูผิดตา

ทันทีทันใด ดวงตาของมันโพล่งกว้างจับจ้องด้วยความเหลือเชื่อ

“เจ้า…เจ้าคือมนุษย์คนนั้นที่กระโดดลงหน้าผามิใช่รึ?! นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร?!”

หัวหน้าตนนี้เป็ฌนมือขวาคนสนิทของชูเชลียน เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ติดตามซิ่วเหล่ยที่ไล่ล่าพวกเย่หยวนก่อนหน้าเช่นกัน

ไกลออกไปตอนนั้น มันเห็นเย่หยวนและเหลียงเฟิงกระโดดลงจากหน้าผาก นั้นจึงเป็นเหตุผลว่า ไฉนมันถึงคุ้นหน้านัก

เจ้าหนุ่มคนนี้ควรตายไปนานแล้ว เหตุใดถึงมาปรากฏคตัวที่นี่ได้?

เมื่อปีศาจตนอื่นๆได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกตนต่างเผยท่าทีแปลกใจออกมา

ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลยว่า จะมีคนที่กระโดดลงไปในเหวลึกและสามารถรอดชีวิตกลับมาได้!

เย่หยวนคลี่ยิ้มบางและกล่าวว่า

“คนตายไม่จำต้องรู้เรื่องอันใดให้มากความ!”

สายตาที่จับจ้องของหัวหน้าปีศาจตนนั้นแปรเปลี่ยนดูจริงจังขึ้นถนัดตา พร้อมเปล่งเสียงเย้ยเยาะเย็นสะท้านขึ้นว่า

“คนตายงั้นรึ? หรือน่าจะเป็นเจ้า? แค่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้น แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ารอดมาได้อย่างไร ทว่าเจ้าอาจเข้าใจผิดไป ข้าหาใช่ระดับชั้นหัวหน้าทั่วไป!”

ทันใดนั้นเอง รัศมีกลิ่นอายของหัวหน้าปีศาจตนนั้นพลันระเบิดคลั่งปะทุออกมา แท้จริงแล้วมันเป็นถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลาย!

หากเป็นปีศาจชนชั้นหัวหน้าทั่วไป จะเป็นเพียงอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลาง แต่เนื่องด้วยหัวหน้าตนนี้เป็นมือขวาคนสนิทของลูเชียน มันจึงแข็งแกร่งกว่าระดับชั้นหัวหน้าทั่วไป

“ฮ่าๆๆ… เจ้ามนุษย์แสนโง่เขลา เจ้าเห็นนี่เป็นเรื่องตลกกระมัง? พวกเราล้วนเป็นระดับชั้นหัวหน้าทั้งสิ้น คิดสัประยุทธ์แบบหนึ่งต่อสิบ เจ้ากำลังโหยหาที่ตายอย่างแท้จริง!”

“เจ้ากำลังจะบอกกับเราว่า พวกมู่เฟิงถูกกำจัดเป็นฝีมือของเจ้า? หึหึ ข้าขอบอกอะไรเจ้าไว้อย่าง ไม่ว่าระดับชั้นหัวหน้าตนใดที่ยืนอยู่ตรงนี้ เพียงสุ่มหยิบออกมาก็สามารถฆ่าพวกนั้นได้เช่นกัน!”

“พวกมนุษย์นี่มันโง่เง่าโดยแท้! คิดว่าตัวเองเก่งกาจเพียงเพราะมีเศษเสี้ยวพลังเล็กน้อย ทั้งยังมั่นใจยั่วโมโหถึงหน้าประตู พวกข้าขำเจียนตายจนหายใจไม่ทันแล้ว!”

เหล่าหัวหน้าพวกนี้ล้วนเผยท่าทีดูถูกเหยียดหยามยิ่ง แต่ละตนจับจ้องไปที่เย่หยวนด้วยแววตาน่ารังเกียจยิ่ง

ความแข็งแกร่งของพวกมันหาใช่ธรรมดาไม่ บางตนเป็นถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลาง

แค่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเพียงลำพังคิดท้าทายกลุ่มชนชั้นหัวหน้านับสิบ นี่เป็นเพียงเรื่องตลก

เย่หยวนแสยะยิ้มเย็นกล่าวว่า

“ข้าเองก็ขำเจียนตายเช่นกัน! ส่งเหลียงเฟิงออกไปแล้วเช่นนี้ ในที่สุดข้าก็ได้ยืดแขนยืดขาเต็มที่เช่นกัน!”

เย่หยวนค่อยๆชักดาบพิชิตมารฟ้าออกมาจากร่าง และอันตรธานหายไปทันทีจากที่แต่เดิมยืนอยู่

โพ๊ละ!

ศีรษะของหัวหน้าปีศาจตนหนึ่งระเบิดออกทันที แม้แต่แกนปีศาจในตัวมันยังไม่ทันมีเวลาหนีจาก

เพียงเสี้ยวพริบตา สามารถสังหารปีศาจอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลางได้แล้วในหนึ่งกระบวน!

คู่สายตาของหัวหน้าปีศาจตนนั้นขยับขยายเอาจริงเอาจังขึ้นทันที ในที่สุดมันก็ตระหนักได้แล้วว่า ไฉนชายหนุ่มคนนี้ถึงหาญกล้านัก

“ไอ้บัดซบตัวนี้หาใช่ง่ายดายดั่งพื้นผิว! ผนึกกำลังโจมตี!”

หัวหน้าตนนั้นคำรามลั่นอย่างหัวเสีย

เย่หยวนฉีกยิ้มกว้างและปลดปล่อยสยบดาราศาสตร์ส่งพวกมันต่อเนื่องไม่ยั้งมือ

โพ๊ละ โพ๊ละ โพ๊ละ…

ร่างของพวกปีศาจเหล่านั้นระเบิดออกทันทีโดยตรงที่เข้าสัมผัสกับคมดาบ

หนึ่งกระบวนดาบเดียวของเย่หยวนสามารถฆ่าล้างพวกมันสิ้นซาก!

ยิ่งหัวหน้าตนนั้นสัประยุทธ์มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตื่นตกใจมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเพียงเด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นจริงๆงั้นรึ?

จำนวนของเหล่าทหารปีศาจลดลงอย่างรวดเร็ว หัวหน้าตนนั้นใจหายวาบสู่เหวลึก

ทันทีทันใดมันต้องเบิกตาโพล่งกว้างด้วยความตะลึงจัด แววเหลือเชื่อสาดสะท้อนออกมาจากนัยน์ตาชัดแจ้ง

เย่หยวนกำลังเลื่อนระดับ!

…………………………………

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Status: Ongoing
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง….
กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก…
ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท