“หวันหว่านไม่อยู่เป็นเพื่อนอาจวิ้นแล้วเหรอ?” เขาถามเธอ
หวันหว่านคิดได้ว่าปะป๊ากับมะม๊ามีลูกสองคนแล้ว จึงพูดขึ้น “หวันหว่านคนเดียวน้อยเกินไป อาจวิ้นแต่งงาน มีเด็กคนอื่น แบบนี้ทุกคนอยู่ด้วยกันจะครึกครื้นกว่าเดิม”
โอหยางจวิ้นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วพยักหน้า “อื้ม อาจจะไปนัดดูตัวอีก แต่ยังไม่มีคนที่เหมาะสมเป็นพิเศษชั่วคราว”
หนูน้อยพยักหน้า ในหัวเริ่มคิดถึงหญิงสาววัยรุ่น
แต่ว่าเธอขุดความทรงจำจนหมด เหมือนกับหาคนที่ควรอยู่ข้างโอหยางจวิ้นไม่ได้ จึงเบะปากอย่างเศร้าใจ
โอหยางจวิ้นเห็นท่าทางกลุ้มใจของเธอ จึงอดหัวเราะไม่ได้ “ทำไมเหรอ หวันหว่านอายุน้อยขนาดนี้ จะเป็นแม่สื่อแล้วเหรอ? ไม่เป็นไรนะ อาจวิ้นยังวัยรุ่น ตอนนี้ด้านของตระกูลก็ไม่รีบร้อน รอให้อนาคตครบ30 ก็คงจะถึงวาระแหละ!”
หวันหว่านหัวเราะในทันที เธอพยักหน้า “ดีค่ะ!”
ไม่พูดไม่ได้ว่า เวลามักผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียว หวันหว่านก็จะขึ้นอนุบาลสามแล้ว
ที่ผ่านมาหนึ่งปี เธอเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย แล้วก็รู้จักเพื่อนเยอะแยะ
เด็กที่อยู่โรงเรียนอนุบาล ชั้นเรียนสูงสุด จะเรียนจบแล้ว ก่อนที่จะจบไป ทุกคนจัดงานเลี้ยงอำลากัน
ในงานเลี้ยง การแสดงของหวันหว่านคือเต้นรำ หลังจากเรียนมาเกือบสองปี การเต้นของเธอไม่ใช่การแสดงท่าทางง่ายๆ อีกต่อไป
ในฐานะที่โอหยางจวิ้นเป็นผู้ปกครอง ดูสาวน้อยยืนหมุนอยู่กลางเวที มีความรู้สึกเหมือนลูกของตัวเองเติบโตขึ้น
เขาใช้โทรศัพท์มือถืออัดวิดีโอเธออยู่ตลอด ในตอนที่เธอเต้นเสร็จแล้วลงมาจากเวที เพราะว่ากระโปรงยาวลากพื้นนิดหน่อย เธอมองเห็นไม่ชัดเมื่อลงบันได จึงหกล้มลงมาในทันที
โอหยางจวิ้นใจกระตุก รีบวิ่งเข้าไป ในตอนนี้เอง เด็กที่นั่งอยู่แถวหน้ามีคนล้อมวงเข้าไปแล้ว
“หวันหว่าน ล้มโดนตรงไหนไหม?” เฉียวซือ ยื่นมือออกไปหาเธอ จะพยุงเธอขึ้นมา
หวันหว่านเจ็บข้อเท้านิดหน่อย เธอยื่นมือไปให้เฉียวซือ จากนั้นก็ออกแรงจับไว้ เตรียมจะลุกขึ้น
“หวันหว่าน!” โอหยางจวิ้นตามมาทันแล้ว เขาอุ้มหวันหว่านขึ้น พูดกับคุณครูที่ล้อมเข้ามา “ห้องพยาบาลอยู่ไหนครับ?”
“อาจวิ้น หนูไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเป็นกังวล” หวันหว่านทำท่าทางอยู่ในอ้อมอกเขา
แต่ว่า ยังไงเขาก็ไม่วางใจเธอ รีบอุ้มเธอไปที่ห้องพยาบาล
หมอตรวจดูรอบหนึ่ง พบว่าข้อเท้าแพลงเล็กน้อย สองวันนี้ระวังอย่าลงพื้น ห้ามออกกำลังหนัก ๆ ภายในหนึ่งสัปดาห์
ขณะที่พูดหมอจ่ายยาทาภายนอก โอหยางจวิ้นยกขาน้อย ๆ ของหวันหว่านขึ้น ในตอนที่นวดให้เธอ เฉียวซือที่อยู่ด้านข้างก้มตัวลงเป่าให้หวันหว่าน เขาเป่าไปด้วย ให้กำลังใจไปด้วย “หวันหว่านกล้าหาญ เหมือนกับเรา เหมือนเด็กผู้ชายที่แข็งแกร่ง!”
หวันหว่านยิ้มกับเขาเล็กน้อย แล้วก็ทำท่าทางหนึ่ง “จ้า พวกเราเป็นเด็กชายที่กล้าหาญแข็งแกร่ง!”
เพราะว่าข้อเท้าบาดเจ็บ ดังนั้นโอหยางจวิ้นจึงลาหยุดให้หวันหว่านหนึ่งสัปดาห์ เขาอุ้มเธอขึ้น ให้เธอนั่งบนข้อแขน แล้วเดินออกจากโรงเรียน
จู่ ๆ หวันหว่านก็คิดขึ้นมาได้ ครั้งสุดท้ายที่เขาอุ้มเธอ หลายเดือนมาแล้ว?
ตอนนั้น เธอครบสี่ขวบ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กโตแล้ว จึงไม่ให้โอหยางจวิ้นอุ้ม พวกเขาออกไปข้างนอกด้วยกัน ถ้าหากเหนื่อยเธอก็ให้เขาจูงมือ เธออดทนกัดฟันไว้
ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง หวันหว่านยื่นมือออกไปจับแขนของโอหยางจวิ้น จากนั้นก็พูดกับเขา “อาจวิ้น กำยำขึ้นอีกแล้ว”
เขาอดหัวเราะไม่ได้ “ดูออกได้ยังไง?”
หวันหว่านยื่นมือน้อย ๆ ออกไป ตบหน้าอกของโอหยางจวิ้น “ตรงนี้ก็ดูหนาขึ้น อาจวิ้นไม่ใช่ว่าอาอ้วนแล้วจะลดน้ำหนักนะ?”
เขาจะยิ้มก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่เชิง “หวันหว่าน มันไม่ได้นุ่ม ไม่ใช่ไขมัน มันคือกล้ามเนื้อ”
หวั่นหว่านได้ยิน ก้มหน้ามองดูหน้าอกเล็กกับแขนเล็ก ๆ ตัวเอง แล้วเศร้าใจนิดหน่อย “หวันหว่านไม่มีกล้ามเนื้อ”
“หนูเป็นผู้หญิง ไม่ต้องมีกล้ามเนื้อ” โอหยางจวิ้นพูด “พวกเราที่เป็นผู้ชายต้องการให้เนื้อแน่น แบบนี้ถึงจะปกป้องคนที่ตัวเองรักได้”
เธอฟังเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจชัดเจน เธอเงียบอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ถามเขา “อาจวิ้น งั้นหวันหว่านคือคนที่อารักไหมรัก?”
เขาพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “แน่นอน อาจวิ้นรักหวันหว่านมากมาโดยตลอด!”
เธอยิ้มในทันที ในดวงตาเป็นประกายสวยงาม
เขาอดไม่ได้ จึงก้มหน้าลมไปหอมแก้มขาวผ่องของเธอ
เธอยิ้มแล้วก้มหน้า จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้แล้วหอมแก้มเขา
เพียงแต่ตอนนี้เธอโตแล้ว น้ำลายไม่ไหลแล้ว ดังนั้นสัมผัสนุ่ม ๆ กลับมีเพียงความชุ่มชื้นเท่านั้น
โอหยางจวิ้นกลืนน้ำลาย จู่ ๆ ก็คิดขึ้น ว่าเขาควรจะหาแฟนแล้วใช่ไหม?
ถูกสาวน้อยหอมยังรู้สึกดีขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นหญิงสาวล่ะ?”
ผลปรากฏว่าตอนที่เขารับหวันหว่านกลับไปที่ตระกูล พอดีกับที่ตระกูลจัดการนัดดูตัวให้เขา
ผู้หญิงเป็นคนจีนแท้ๆ เป็นคนรุ่นหลัง ญาติภรรยาของเย่ซีโจว
ก่อนหน้านี้อยู่ในประเทศตลอด ช่วงครึ่งปีหลังนี้ ถึงจะย้ายถิ่นฐานมา
หญิงสาวชื่อมู่ยวี๋ฮั่น จบจากโรงเรียนทหาร เรียน
แพทย์ทหาร อีกอย่างเพราะว่าเกี่ยวข้องกับตระกูล เคยใช้ปืนจริง ฝีมือการยิงปืนไม่เลว
ดูข้อมูลของหญิงสาว ตอนเย็นโอหยางจวิ้นก็ได้เจอตัวจริง
ในตอนนี้ เขาอุ้มหวันหวั่นพาเธอสูดอากาศอยู่ด้านนอก ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง เมื่อหันหลังไปก็เห็นผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งไม่สูงไม่เตี้ย รูปร่างค่อนข้างผอม แต่ใบหน้ากลับมีเสน่ห์
“สวัสดีค่ะ” เธอเดินเข้ามาอย่างมั่นใจ “ฉันชื่อมู่ยวี๋ฮั่น ที่บ้านจัดการให้มาอยู่ที่นี่สองสามวัน แต่อันที่จริงคือมาดูตัวกับคุณ”
หวันหว่านรู้ความหมายของคำว่านัดดูตัวตั้งนานแล้ว เธอจึงมองสาววัยรุ่นตรงหน้า ครุ่นคิดว่าต่อไปมีเธออยู่ ก็จะอยู่เป็นเพื่อนอาจวิ้นบ่อย ๆ
“สวัสดีครับ” โอหยางจวิ้นเดินเข้าไป ใช้มือข้างที่ว่างจับมือทักทายกับมู่ยวี๋ฮั่น แล้วพูดอย่าสุภาพ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“หนูคือหวันหว่านใช่ไหม? ฉันเคยได้ยินมา” ขณะที่มู่ยวี๋ฮั่นพูด ก็เอาของเล่นออกมาจากมือ “หวันหว่าน ให้หนูจ้ะ!”
หวันหว่านเหลือบมองโอหยางจวิ้น เห็นเขาพยักหน้า เธอถึงยื่นมือออกไปรับ ยิ้มกับมู่ยวี๋ฮั่นแล้วทำท่าทาง “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจจ้า!” มู่ยวี๋ฮั่นพูด แล้วมองไปยังรองเท้าแตะที่หวันหว่านสวมใส่ “บาดเจ็บเหรอ?”
โอหยางจวิ้นพยักหน้า “ครับ ก่อนหน้านี้ข้อเท้าแพลง หมอบอกว่าต้องพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์”
“ถ้าหากเชื่อใจฉัน ฉันช่วยดูให้ได้นะ ฉันเรียนหมอ” มู่ยวี๋ฮั่นพูด
โอหยางจวิ้นก้มหน้าเจรจากับหวันหว่าน “หวันหว่าน ให้น้ามู่ดูได้ไหม?”
หวันหว่านมองหญิงสาวที่มีความสามารถตรงหน้า มีความไว้วางใจบางอย่าง จึงพยักหน้า
ทั้งสองพาหวันหว่านไปในห้อง หลังจากที่มู่ยวี๋ฮั่นดูเสร็จก็พูดขึ้น “ยังบวมอยู่นิดหน่อย พอดีกับที่ฉันมีนิสัยชอบพกยาติดตัว ฉันไปหยิบมาให้นะ”
ในไม่ช้าเธอหยิบน้ำมันเก๊กฮวยมาขวดหนึ่ง เทลงบนฝ่ามือ จากนั้นก็ค่อย ๆ ถูให้อุ่น แล้วนวดลงเบา ๆ บนข้อเท้าที่บาดเจ็บของหวันหว่าน
“ยาประเภทนี้สรรพคุณไม่เลว เป็นสูตรลับของตระกูลของฉัน” มู่ยวี๋ฮั่นกะพริบตา “นอนหลับตื่นทา รับรองว่าหายบวมแน่นอน!” ขณะที่พูด ก็กดจุดบริเวณโดยรอบให้หวันหว่านอีก
“เหรอ?” โอหยางจวิ้นพูด “บรรพบุรุษถ่ายทอดมา งั้นก็ไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยสูตรใช่ไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” มู่ยวี๋ฮั่นพูด จู่ ๆ ก็นึกอะไรออก แล้วมองโอหยางจวิ้นเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“แน่นอนว่า ถ้าหากการแต่งงานของพวกเราสำเร็จ พวกเราสามารถแบ่งปันความลับกันได้”
โอหยางจวิ้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ดูท่าแล้วเพื่อสูตรลับนี้ ผมคงต้องพยายามดูหน่อยแล้ว! ในเมื่อตระกูลเพอร์เซลล์ มีการกระทบกระแทกเป็นเรื่องปกติ ต้องการสูตรลับนี่จริง ๆ!”
ตอนค่ำ โอหยางจวิ้นอุ้มหวันหว่านขึ้นชั้นบน ส่วนมู่ยวี๋ฮั่นไปที่ห้องพักแขก
เช้าวันต่อมา หวันหว่านลืมตาขึ้น สาวน้อยลืมเรื่องที่ตัวเองบาดเจ็บไปตั้งนานแล้ว เธอพลิกตัวจะลงจากเตียง
คนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างตกใจอย่างมาก “คุณหนูหวันหว่าน เท้าของคุณยังไม่หายดีนะคะ คุณจะลงจากเตียงเหรอคะ พวกเราอุ้มคุณเองค่ะ!”
หวันหว่านถึงได้ก้มหน้า มองไปทางข้อเท้าของตัวเอง
แต่ว่าตรงข้อเท้าไม่บวมไม่เจ็บแล้ว มีแค่รอยฟกช้ำจาง ๆ เล็กน้อย บ่งบอกให้เห็นว่าเคยบาดเจ็บมาก่อน
เธอทำท่าทาง “เท้าของหนูหายแล้ว!”
แต่คนรับใช้วางใจได้ที่ไหน? พวกเธออุ้มหวันหว่านขึ้น กำลังจะเดินออกไปด้านนอก ก็เจอเข้ากับโอหยางจวิ้น
หวันหว่านรีบทำท่าทางกับโอหยางจวิ้น “อาจวิ้น เท้าของหนูหายแล้ว ไม่เจ็บแล้ว”
เขาอึ้งนิดหน่อย แล้วก้มหน้าดู เท้าของหวันหว่านดีขึ้นเยอะแล้วจริง ๆ จึงรับหวันหว่านทาจากคนรับใช้ จากนั้นก็อุ้มเธอลงไปด้านล่างให้มู่ยวี๋ฮั่นดู
“ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ฉันบอกแล้ว สูตรลับของตระกูลฉัน ข้อเท้าแพลงปกติ วันที่สองก็หาย!” ขณะที่พูด เธอจูงมือหวันหว่าน “หวันหว่านลองออกแรงเบา ๆ เดินดูว่าเจ็บไหม?”
หวันหว่านเดินอย่างระวัง ไม่เจ็บแล้วจริง ๆ จึงทำท่าทางกับมู่ยวี๋ฮั่น “ขอบคุณนะคะคุณน้า หวันหว่านหายแล้ว!”
โอหยางจวิ้นเป็นล่ามแปลอยู่ด้านข้าว มู่ยวี๋ฮั่นจึงทำมือตอบกลับ “ก่อนหน้านี้ที่ฉันอยู่ที่ค่ายทหารเคยเรียนภาษามือ ท่าทางของเธอฉันเข้าใจทั้งหมด”
ถึงแม้หวันหว่านจะเดินแล้วไม่เจ็บเท้าแล้ว แต่ว่าโอหยางจวิ้นตัดสินใจรอให้แข็งแรงกว่าเดิมสักหน่อย วันที่สองยังไม่ให้หวันหว่านลงพื้น
วันที่สาม เขากับมู่ยวี๋ฮั่นพาหวันหว่านไปที่ห้างสรรพสินค้า ถือว่าพาเด็กน้อยไปสูดอากาศ
ผ่านร้านเสื้อผ้า มู่ยวี๋ฮั่นชอบเสื้อผ้าตัวหนึ่งจึงไปลองเสื้อผ้า โอหยางจวิ้นจึงอุ้มหวันหว่านรออยู่ด้านนอก
มู่ยวี๋ฮั่นเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมา ชุดลำลองทั้งตัว ดูเพิ่มความสดใสขึ้น
พนักงานขายที่อยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะชม “คุณผู้หญิงสวมชุดนี้ดูดีมากจริง ๆ ค่ะ! นี่คือลูกสาวของพวกคุณใช่ไหมคะ? ดูไม่ค่อยออกว่าเป็นลูกครึ่ง รู้สึกเหมือนคุณแม่มากกว่าหน่อย!”
มู่ยวี๋ฮั่นหัวเราะ “ไม่ใช่ค่ะ เธอคือหลานสาวของพวกเรา”
“ถึงว่า ฉันดูพวกคุณอายุยังน้อย ยังอิจฉาที่พวกคุณยังวัยรุ่นขนาดนี้ ก็มีบูกที่โตขนาดนี้แล้ว!” พนักงานขายยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ!” มู่ยวี๋ฮั่นพูด “ชุดนี้ฉันซื้อเลยค่ะ!”
พลบค่ำ ทั้งสามกลับบ้านด้วยกัน โอหยางจวิ้นอุ้มหวันหว่าน ถือของทุกอย่างไว้ มู่ยวี๋ฮั่นกลับมือเปล่า
เธอเกรงใจเล็กน้อย “ขอบคุณนะคะ ช่วยฉันถือตลอดทางเลย”
โอหยางจวิ้นพูดอย่างเป็นธรรมชาติ “สบายมากครับ”
“คุณเป็นคนอบอุ่มแบบนี้ตลอดเลยเหรอคะ?” มู่ยวี๋ฮั่นพูดขึ้นอย่างสงสัย “ก่อนหน้านี้ดูข้อมูลของคุณ คนอื่นแสดงความคิดเห็นต่อคุณเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนี้!”
“เหรอครับ?” โอหยางจวิ้นมองสาวน้อยในอ้อมแขน “อาจจะเป็นเพราะเธอครับ!”
เป็นเธอ เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นคนที่ตัวเองไม่เคยคิดมาก่อน