ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ – บทที่ 470 แม่สาวน้อยของเขา นับวันก็ยิ่งสวยมากขึ้นเสียแล้ว

บทที่ 470 แม่สาวน้อยของเขา นับวันก็ยิ่งสวยมากขึ้นเสียแล้ว

เธอกำลังมองเขาที่กลับมาปลอบประโลมเธอกลับเสียอย่างนั้น ทันใดนั้นเองหัวใจก็รู้สึกแย่มากขึ้นไปกว่าเดิม แต่ทว่า กลับกันนั้นเองก็ทำได้เพียงแค่ยกมือของตนเองขึ้นมา ก่อนจะไปช่วยเช็ดหยาดเหงื่อที่หน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา

โอหยางจวิ้นพันแผลให้กับตนเองเสร็จแล้ว ก่อนนั่งทิ้งตัวลงบนหาดทราย บนร่างทุกที่นั่นแทบจะเต็มไปความเจ็บปวดที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องอยู่เลยก็ไม่ปาน สมองกลับเป็นเพราะว่าแสงอาทิตย์เช่นนี้กลับทำให้รู้สึกง่วงงุนเลือนรางจนอยากที่จะหลับไป

เขาถามว่า “หวันหว่าน ตอนนี้มีของอะไรที่สามารถใช้การได้หรือเปล่า?”

สือจินหว่านทำไม้ทำมือก่อนจะเอ่ยว่า “หนูจะรีบไปดูค่ะ!”

เธอรีบวิ่งไปดู ก่อนจะหยิบกล่องเครื่องมือมากล่องหนึ่ง ด้านในมีมีดเล่มเล็กอยู่ มีไฟแช็กหนึ่งอัน อีกทั้งยังมีเชือกอีกสองสามเส้นด้วย

หลังจากนั้น ทางด้านข้างยังมีเสื้อผ้าสองสามชุดที่ยังไม่ได้ถูกเผาหมด มีร่มหนึ่งคัน กับอาหารที่เหลือน้อยมากหนึ่งส่วน และขวดน้ำแร่อีกหลายขวด

เธอนำสิ่งของใส่ในกระเป๋าเดินทางที่ไม่ไหม้อีกครึ่งหนึ่งใบนั้น ก่อนจะอุ้มกระเป๋าเดินทางแล้วกลับมาหา หลังจากนั้นก็กางร่ม

ทันใดนั้นเอง ด้านบนศีรษะของโอหยางจวิ้นก็มีความร่มรื่นเป็นวงกว้าง รู้สึกว่าสบายใจขึ้นมาแล้วเล็กน้อย

สือจินหว่านปักก้านร่มเอาไว้บนชายหาด หลังจากนั้น ก็หันไปวาดไม้วาดมือกับโอหยางจวิ้น “คุณอาจวิ้นคะ ฉันจะไปทำน้ำมานะคะ”

เขาพยักหน้า มองเธอถือเสื้อที่ทำมาจากฝ้ายแล้ววิ่งไปทางทะเล ทำให้เปียกก่อนจะบิดให้แห้ง ตามต่อมาด้วยวิ่งกลับมาที่ข้างกายของเขา

เธอคุกเข่าลง ก่อนจะช่วยเขาเช็ดเหงื่อ

สือจินหว่านมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว บนใบหน้าของโอหยางจวิ้นไม่มีบาดแผล มีรอยเลือดในริมฝีปากและจมูกที่ไหลออกมา

ดังนั้นแล้ว เธอเช็ดใบหน้าของเขาด้วยน้ำทะเลอย่างคลายใจลง ภายในหัวใจกำลังคิด พวกเราไม่มีเครื่องมีติดต่อสื่อสารเลย กุญแจของเครื่องบินก็ถูกไฟเผาไปแล้ว อยากที่จะกลับบ้าน อีกทั้งก็ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานมากแค่ไหน

ถ้าอย่างนั้นแล้ว น้ำจืดในขวดน้ำแร่เหล่านั้น ก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก

“หวันหว่าน ฉันไม่เป็นไร หนูพักสักหน่อยเถอะ” โอหยางจวิ้นมองเห็นว่าที่หน้าผากของสือจินหว่านนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงกดมือเธอให้หยุดเอาไว้

เธอหันไปส่ายหน้ากับเขา แสดงออกว่าตนเองไม่เป็นไร โอหยางจวิ้นเห็น ริมฝีปากของสาวน้อยนั้นกัดเม้มเข้าหากันแน่น ท่าทางแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วแต่ว่าก็ยังคงฝืนอดทนเอาไว้อยู่ ดูน่าเวทนาจนทำให้คนใจเจ็บ

ยังดีที่เธอไม่เป็นไร เขาเป็นผู้ชาย บาดเจ็บเล็กน้อยเองก็ไม่เป็นไรหรอก

ในวินาทีต่อมา แทบจะเป็นเพราะว่าน้ำทะเลในเส้นผมนั่นเข้าไปยังบาดแผลที่ลำคอ จู่ ๆ สือจินหว่านก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แรง ๆ หนึ่งหน

“หวันหว่าน ให้ฉันดูหน่อย!” โอหยางจวิ้นรีบกุลีกุจอเอ่ยขึ้นมา

เธอเบือนหน้า ไม่ได้สนใจความเจ็บปวด ใช้เส้นผมบดบังบาดแผลเอาไว้มากขึ้น

จู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็หนักเพิ่มขึ้นมาหลายส่วนในทันที “เชื่อฟังนะ!”

เธอสบตามองสายตาจริงจังของเขา หลังจากนั้นถึงจะค่อย ๆ ปัดเส้นผมออก เผยให้เห็นบาดแผลนั่นของตนเอง

โอหยางจวิ้นเห็นแล้ว บาดแผลนั้นไม่ถือว่าตื้นมาก แต่ทว่าตอนนี้ก็เกิดการแข็งตัวขึ้นแล้ว บนผิวหนังของเด็กสาวที่ขาวเนียนไม่เคยต้องแสงแดดมาก่อน มันกลับเป็นรอยที่ดึงดูดสายตาได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว

เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป ก่อนจะวางทาบทับไปบนใบหน้าด้านข้างของเธอ หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างอบอุ่นว่า “หวันหว่าน เจ็บมากไหม?”

เธอส่ายหน้า ก่อนจะหันไปวาดมือกับเขาว่า “คุณอาจวิ้นคะ ในตอนนั้นทำไมอาต้องให้พวกเขาตีด้วยละคะ? พวกเขาไม่กล้าที่จะฆ่าฉันจริง ๆ หรอกค่ะ”

เธอไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว ในตอนนี้สงบเยือกเย็นลงแล้ววิเคราะห์ขึ้นมา ฝั่งตรงข้ามนั้นแม้กระทั่งโอหยางจวิ้นก็ล้วนแล้วแต่ไม่กล้าที่จะลงมือจนตาย นั่นก็เป็นหลักฐานได้เลย ว่าจริง ๆ แล้วนั้นก็คือการรับเงินมาเพื่อสั่งสอนเขาครั้งหนึ่ง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ย่อมต้องไม่ทำอะไรต่อเธอจริง ๆ อย่างแน่นอน

โอหยางจวิ้นถอนหายใจ “หวันหว่าน ฉันไม่กล้าเอาหนูไปเสี่ยงอันตรายหรอก แม้แต่นิดเดียวก็ไม่กล้าที่จะเอาไปพนัน”

สือจินหว่านได้ยินคำพูดของเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกสับสนขึ้นมาในทันที

ในตอนนี้ สัมผัสที่ปลายนิ้ว แทบจะแปรเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้นมาแล้ว

ความรู้สึกลุ่มลึกมากเช่นนั้น ราวกับว่าเป็นคนที่ในยามปกตินั้นมีความสัมผัสใกล้ชิดกันมาก จู่ ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบการคบค้าสมาคมเล็กน้อยเช่นนั้น ทำให้ในตอนที่เธอคิดอยากที่จะศึกษาค้นคว้าอย่างลึกซึ้ง ก็ราวกับว่าสัมผัสได้ไม่ถึงแทน

เธอช่วยเขาเช็ดรอยเลือดจนสะอาด แต่ทว่า เมื่อได้มองเห็นใบหน้าหล่อเหล่าของเขาที่ยังคงมีจุดช้ำเป็นจ้ำสีเขียวและบวมเบ่งเป็นก้อนอีกหลายก้อนนั้นแล้ว หัวใจก็เริ่มที่จะรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว

โอหยางจวิ้นเห็นว่าสีหน้าของหวันหว่านไม่ถูกต้อง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงเอ่ยถามว่า “เป็นอะไรไปน่ะ?”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอส่ายหน้า ก่อนจะหันไปวาดมือกับเขา “คุณอาจวิ้นคะ อาหล่อมากเลยค่ะ!”

เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้ว หลังจากนั้นก็ให้เธอนั่งลง แต่เธอกลับยื่นมือไปช่วยพยุงเขา “คุณอาจวิ้นคะ ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะค่ะ!”

โอหยางจวิ้นพยักหน้า ภายใต้การช่วยพยุงให้ลุกขึ้นนั่งของสือจินหว่าน หลังจากนั้นก็ดื่มน้ำแร่เล็กน้อย

เขาเห็นว่าเธอไม่ดื่ม จู่ ๆ ก็สัมผัสอะไรขึ้นมาได้ในทันที “หวันหว่าน พวกเรายังเหลือน้ำอีกกี่ขวด?”

หัวใจของสือจินหว่านกระตุกในทันที ก่อนจะวาดมือออกไปห้า

หัวใจของโอหยางจวิ้นผ่อนคลายตัวลงเล็กน้อย เกาะนี้ถึงแม้จะเป็นเกาะส่วนตัว โดยปกติแล้วคนที่สามารถมานั้นน้อยมาก แต่ทว่าถ้าหากว่าเหลือน้ำอีกห้าขวดแล้วละก็ ก็ยังสามารถที่จะประคับประคองไปจนถึงตอนที่จะมีคนมาช่วยพาพวกเขากลับไปได้

“หวันหว่าน ที่นี่ร้อนนิดหน่อย หนูเองก็เหนื่อยแล้ว กางร่มเอาไว้ตรงนี้ก็พอแล้วล่ะ หนูไปพักผ่อนที่ใต้ต้นไม้ทางฝั่งนั้นสักหน่อยเถอะ” เขาเห็นว่าร่มนั้นไม่ได้ใหญ่มาก เขาเอนตัวลงนอน เธอเพื่อที่จะบังให้เขา ร่างทั้งร่างของเธอนั้นแทบจะส่องโดนแดดแล้วเต็ม ๆ เลย

ในความเป็นจริงนั้นมันร้อนนิดหน่อยจริง ๆ อีกอย่างหนึ่ง บวกเข้ากับตากแดดเต็ม ๆ เช่นนี้อีก ประเดี๋ยวน้ำในร่างกายนั้นต้องระเหยออกไปแน่ นั่นจะยิ่งทำให้ต้องการน้ำมากยิ่งขึ้น

สือจินหว่านคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว คิดอยากที่จะฟังคำพูดของโอหยางจวิ้น แต่ทว่า ก็กลัวว่าเขาคนเดียวนั้นจะเป็นอะไรไป ในตอนที่กำลังลังเลอยู่นั้นเอง จู่ ๆ ก็มีความคิดความคิดหนึ่งไหลฉบับพลันเข้ามาทันที

เธอเองก็เอนตัวนอนลง ก่อนจะนอนอยู่ทางด้านข้างของโอหยางจวิ้น หลังจากนั้นก็หดร่างกายจนกลมดิก

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เงาของร่มนั้นจึงสามารถปกคลุมร่างกายโดยส่วนมากของเธอได้

“คุณอาจวิ้นคะ แบบนี้ก็ถือว่าโอเคแล้วหรือยังคะ?” สือจินหว่านหันศีรษะกลับมาด้วยความปีติ ก่อนจะหันไปวาดมือใส่โอหยางจวิ้น

เขาหัวเราะออกมาอย่างหมดคำจะกล่าวเล็กน้อย “โอเค”

กลัวว่าเส้นผมของเธอนั้นจะไปกระทบเข้ากับบาดแผลอีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงยื่นมือออกไปช่วยเธอปัดออก

แต่ว่า ในตอนที่ยื่นมือออกไปแล้วนั้นเอง ไม่ทันได้ระวังจึงไปแตะโดนลำคอของเธอเข้าให้เสียแล้ว สัมผัสเกลี้ยงเกลานั้นแล่นเข้าสู่ปลายนิ้วในทันที

จิตใจของโอหยางจวิ้นสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อหันสายตากลับมามองดูอีกครั้ง ก็ค้นพบว่าพวกเขานั้นนานกันใกล้มาก แม้กระทั่งเขานั้นก็ยังสามารถมองเป็นเส้นขนเล็ก ๆ บนแก้มของเธอได้เลยทีเดียว

ใบหน้าของเธอนั้นขาวใสละเอียด เดิมก็มองไม่เห็นรูขุมขน เหมือนราวกับที่เขาเคยสังเกตในระยะใกล้ ๆ มาแล้วหลายครั้ง

แต่ทว่า ในตอนนี้องศาที่นอนกันเช่นนี้นั้น กลับเป็นครั้งแรก

“คุณอาจวิ้นคะ?” สือจินหว่านจู่ ๆ ก็เห็นว่าโอหยางจวิ้นนั้นไม่เคลื่อนไหว อดไม่ได้ที่จะสบตามองเขาอย่างสงสัย

มีลมหายใจแผ่วเบาตกกระทบบนใบหน้าของเขา ที่จมูก กระทั่งยังได้กลิ่นหอมของเด็กสาวลอยเข้ามาในทันที

โอหยางจวิ้นจู่ ๆ ก็หลุดออกจากภวังค์อย่างรวดเร็ว ค้นพบว่ามือของตนเองตอนนี้นั้นหยุดอยู่ที่ลำคอของสือจินหว่าน ดังนั้นจึงรีบกุลีกุจอยกมือขึ้น ก่อนจะจัดแจงเส้นผมให้เธอใหม่อีกครั้ง

แต่ทว่า ในตอนที่ประสานสายตาไปเมื่อครู่นี้นั้นเอง จู่ ๆ หัวใจกลับเต้นระรัวมากขึ้น

เพียงแต่ว่า มันกลับไม่ได้รุนแรงมาก ดังนั้นเดิมจึงทำให้คนไม่ได้รู้สึกสนใจอะไร

สือจินหว่านกลับไม่รับรู้เลยว่าจิตใจของโอหยางจวิ้นสั่นไหวไปเมื่อครู่นี้ เธอขยับกายเข้าหาก่อนจะวาดมือกับเขา “คุณอาจวิ้นคะ คุณอาหลับตาพักผ่อนครู่หนึ่งสิคะ ประเดี๋ยวตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเราจะได้ทานอาหารแห้งกันอีกครั้ง”

เขาหยักหน้าหงึกหงัก จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าขนตาของสาวน้อยนั้นยาวมาก ทำให้เขาหวนนึกไปถึงเมื่อตอนที่รับราชการทหาร มีครั้งหนึ่งที่ไปประจำการที่ชนเผ่าดั้งเดิม ก็ได้พบเห็นเข้ากับผีเสื้อชนิดหนึ่งที่มีปีกสีดำโดยบังเอิญ

เธอเห็นเขามองเธอ ทันใดนั้นก็รีบยกยิ้มน้อย ๆ ให้กับเขาในทันที นัยน์ตาล้วนแล้วแต่เป็นประกาย

โอหยางจวิ้นกลับเห็นเงาของตนเองที่ตกอยู่ในดวงตาของเธอ มันล้วนแล้วแต่สดใสน่ามองมากกว่าตอนไหน ๆ

แม่สาวน้อยของเขา นับวันก็ยิ่งสวยขึ้นแล้ว

ท้ายที่สุดแล้วเขานั้นก็เป็นเพราะว่าร่างกายทั้งร่างเจ็บปวดไปทั่ว เรี่ยวแรงประคับประคองต่อไปไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงปิดเปลือกตาลงและหลับไปแล้ว

ได้ยินเสียงลมหายใจก่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอดังขึ้นที่ข้างใบหู สือจินหว่านถึงค่อย ๆ ลุกขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

เธอมองดูอาหารที่พวกเขามีอยู่ทั้งหมด คำนวณอยู่ครู่หนึ่งว่าถ้าหากต้องอยู่ที่นี่สามวัน จำนวนที่สามารถบริโภคได้ในทุกวันนั้นแล้ว หัวใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย

ตอนนี้โอหยางจวิ้นได้รับบาดเจ็บ จำเป็นที่จะต้องรับประทานอาหารอะไรสักหน่อยเพื่อบำรุงร่างกายและระดับน้ำ ถ้าหากว่าสามวันนั้นล้วนแล้วแต่ไม่พบคนผ่านมาเลย ถ้าอย่างนั้นแล้ว……

สือจินหว่านเดินไปตามฝั่งทะเลอีกหน เห็นว่าตอนนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงหยิบกระเป๋าเดินทางชำรุดลอยขึ้นฟ้า หลังจากนั้น รอให้เก็บเปลือกหอยในทะเลมา

ค่อย ๆ ดำเนินมาอย่างเชื่องช้า พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว ระดับน้ำทะเลที่ลดลงไปก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น บนหาดทราย ตอนนี้มีหอยสังข์และปูออกมาแล้ว

สือจินหว่านเหยียบหลังเท้าไปสัมผัสเข้ากับน้ำทะเล ก่อนจะค่อย ๆ เก็บขึ้นมาทีละอัน เมื่อเห็นว่ามีเนื้อแล้ว หลังจากนั้นจึงวางมันเข้าไปในกระเป๋าเดินทางที่ชำรุด

ตามต่อมาด้วยเธอใช้เวลาหาทางด้านข้างของทะเลมาชั่วโมงหนึ่งแล้ว กระเป๋าเดินทางของเธอนั้นบรรจุจนเต็มแล้วจริง ๆ

ในตอนนี้เอง พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว บนหายทรายนั้นยังคงมีแสงอาทิตย์หลงเหลืออยู่ แต่ทว่ากลับไม่สาดส่องมาแล้ว

สือจินหว่านอุ้มกระเป๋าเดินทางเอาไว้ ก่อนจะหาสถานที่ที่สามารถที่จะจุดไฟได้ หลังจากนั้นก็วางกระเป๋าเดินทางลง ในลำดับต่อมา ก็ไปยังสถานที่ที่มีต้นไม้อีกครั้ง ก่อนจะเก็บกิ่งไม้แห้งมาเป็นจำนวนไม่น้อย

เธอนั้นไม่เคยจุดไฟด้วยตนเองมาก่อนเลย อีกทั้งก็ไม่รู้ด้วยว่าจะสามารถต้มของกินจนสุขได้หรือไม่ แต่ทว่า กลับไม่มีหนทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ทดลองดูเท่านั้นแล้ว

ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าหม้อพับของพวกเขานั้นจะถูกเผาไปแล้ว แต่ทว่า ในเมื่อเป็นสเตนเลส ถึงแม้ว่าสีนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่ทว่าก็ยังคงสามารถที่จะใช้งานได้อยู่

สือจินหว่านทำความสะอาดหม้อ ก่อนจะวางหินเพื่อประคองเอาไว้อย่างดี ก่อนจะตัดใจอย่างเจ็บปวดเป็นอย่างมากเพื่อเปิดขวดน้ำแร่ออกมาขวดหนึ่ง หลังจากนั้นก็นำหอยสังข์ เปลือกหอยและปูใส่ลงไป

ถึงแม้ว่าเปลือกหอยนั้นจำเป็นที่จะต้องแช่ในน้ำจืดก่อนเพื่อที่จะให้คายทรายออกมาถึงจะสามารถรับประทานได้ แต่ทว่า ตอนนี้เงื่อนไขที่มีอยู่นั้นยากลำบากมาก เธอเองจึงทำอะไรไม่ได้มากขนาดนั้น

กว่าจะติดไฟได้ขึ้นมานั้นไม่ง่ายเลย เป็นเพราะกลัวว่าปูนั้นจะปีนหนีออกมา สือจินหว่านจึงใช้หินกดฝาหม้อเอาไว้อยู่ตลอดเวลา

แต่ทว่า ในตอนที่น้ำนั้นค่อย ๆ ร้อนขึ้นมาแล้ว อีกทั้งกลับเผอิญมีปูตัวหนึ่งที่ใช้กล้ามเปิดฝาหม้อเพื่อที่จะปีนหนีออกมาแล้วจริง ๆ

เธอจึงรีบยื่นมือออกไปรับ แต่ประจวบเหมาะเข้ากับถูกอีกฝั่งกระโดดออกมาจนสะเก็ดไปกระเด็นใส่ ทันใดนั้นเอง ความเจ็บปวดก็พรั่งพรูขึ้นมาในทันที

สือจินหว่านเจ็บจนหดมือกลับในทันที ยกขึ้นมาดูหนหนึ่ง บนมือนั้นมีรอยแดงเพิ่มขึ้นมาสามรอยเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนัก ก็ขึ้นตุ่มน้ำในทันที

หยาดน้ำตาคลออยู่เต็มดวงตา แต่ทว่า ในตอนที่มองเห็นร่างของคนที่กำลังหลับลึกที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบเมตรนั้นแล้ว เธอจึงกดข่มความเจ็บอีกครั้ง ก่อนจะนำปูใส่เข้าไปในหม้อ ใช้หินกดทับเอาไว้ แต่ในขณะเดียวกันก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งกดเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตายด้วย

ค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ น้ำในหม้อเดือดแล้ว เธอผ่อนลมหายใจออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะก้มศีรษะมองดูมือของตนเองที่ขึ้นตุ่มน้ำ

แทบจะ เป็นเพราะว่าไฟนั้นเปลี่ยนไปเป็นเล็กลงอีกครั้งหนึ่งแล้ว สือจินหว่านกลัวว่าของจะไม่สุก เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงรีบไปหากิ่งไม้มาอีกครั้ง

รอให้กิ่งไม้ทั้งหมดนั้นเผาไหม้หมดแล้ว ที่จมูก ตอนนี้ก็เริ่มมีกลิ่นหอมพัดโชยเข้ามาแล้ว

เธอนั้นราวกับว่าหิวขึ้นมาเป็นอย่างมากแล้วเล็กน้อย

เธอรีบวิ่งกลับไปที่ทางด้านข้างของโอหยางจวิ้น บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาได้ยินเสียงฝีเท้าแล้วเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ

“หวันหว่าน ท้องฟ้าจะมืดแล้วอย่างนั้นหรือ?” โอหยางจวิ้นสับสนเล็กน้อย “ฉันนอนไปตลอดบ่ายเลยหรือ?”

สือจินหว่านพยักหน้า “คุณอาจวิ้นคะ ตอนนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะ ดีขึ้นหน่อยแล้วหรือยังคะ?”

“ดีขึ้นแล้วล่ะ” โอหยางจวิ้นถึงแม้ว่าจะพูดออกมาเช่นนี้แล้ว แต่ทว่า ก็ยังคงรู้สึกว่าร่างกายบางเบา หัวใจของเขารู้สึกไม่สงบเล็กน้อย เขา แทบจะเป็นไข้แล้ว……

“คุณอาจวิ้นคะ ตรงนี้ห่างจากทะเลใกล้มากเกินไปแล้วค่ะ หนูกลัวว่าน้ำจะสูงขึ้นในตอนกลางคืน” หวันหว่านวาดมือไป “พวกเราไปกันที่ฝั่งนั้นดีไหมคะ คุณอาสามารถเดินได้หรือเปล่าคะ?”

“ลองดูกันเถอะ” โอหยางจวิ้นพูดไป ก่อนจะประคองตัวลุกขึ้นนั่ง

สือจินหว่านเดินมาที่ด้านข้างของเขา ก่อนจะใช้ไหล่รับแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้ หลังจากนั้น จึงออกแรงเพื่อพยุงเขาขึ้นมา

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

Status: Ongoing

เมื่อถูกหักหลังจากสามีของเธอและมือที่สาม หลานเสี่ยวถางไม่มีอะไรเหลือเลยภายในคืนเดียว เมื่อออกมาจาก ‘งานเลี้ยงการหย่าร้างเพื่อสันติภาพ’ ชายคนนั้นผลักเธอเข้ามุมห้อง แล้วลมหายใจร้อนก็รดลงมาบนใบหูของเธอ: “แต่งงานกับผมสิ ผมจะจัดการเขา ผมจะพาคุณไปแก้แค้น และทวงคืนทั้งหมดที่เป็นของคุณ… … “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท