จี้หลิงชวนรู้สึกขำไม่ออกเมื่อได้ยินมู่ซีซีพูดขึ้นมาแบบนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมู่ซีซีเอาแต่ใจตัวเอง แต่จี้หลิงชวนก็ทำอะไรไม่ได้ เขารู้ว่ามู่ซีซีเป็นห่วงเขาและกลัวว่าเขาจะลำบาก ทำให้จี้หลิงชวนรู้สึกอบอุ่น จี้หลิงชวนเม้มริมฝีปาก จากนั้นก็ถอดรองเท้าแล้วขึ้นไปนอนทางด้านข้างของมู่ซีซี
ทันทีที่เขานอนลง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเหยียดแขนออกกอดมู่ซีซีเอาไว้และค่อยๆขยับเอาตัวมู่ซีซีเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขา
มู่ซีซี ไม่ได้ต่อสู้หรือขัดขืนใดๆ เพียงแต่ปล่อยให้จี้หลิงชวนขยับเอาตัวของเธอเข้าไปไว้ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขา
จี้หลิงชวนกอดมู่ซีซีที่ตัวนุ่มนิ่มไว้แน่น เขารู้สึกว่าในชาตินี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเพื่อมู่ซีซีล้วนแต่ คุ้มค่าทั้งนั้น จี้หลิงชวนอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลงไปจูบที่ศีรษะของมู่ซีซี จากนั้นก็พูดขึ้นข้างๆหูของมู่ซีซีว่า “ซีซี ราตรีสวัสดิ์นะ ”
เมื่อมู่ซีซีได้ฟังอย่างนั้นแล้ว หัวใจของเธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นขึ้นมา มู่ซีซียิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า”จี้หลิงชวน ราตรีสวัสดิ์”
ในขณะที่นอนอยู่ภายใต้อ้อมแขนของจี้หลิงชวน ปลายจมูกของมู่ซีซีก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นเฉพาะตัวจากจี้หลิงชวน ซึ่งมันทำให้มู่ซีซีรู้สึกสบายใจ วันนี้เธอเหนื่อยมามากแล้ว หลังจากนั้นไม่นานนักเธอก็ผล็อยหลับไปอย่างสงบ
ตกกลางดึก จี้หลิงชวนก็ถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงร้องไห้ของเด็กทารก
จี้หลิงชวนรู้สึกตื่นตัวเป็นอย่างมาก ทันทีที่เสียงร้องไห้ของทารกดังนั้นเขาก็รีบตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยปกติแล้วอันอันมักจะไม่ร้องไห้ ถ้าเขาร้องไห้ก็มีความเป็นไปได้เพียงแค่สองอย่าง หนึ่งคืออันอันหิวแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือ อันอันต้องการเปลี่ยนผ้าอ้อมเพราะผ้าอ้อมมันชื้นแล้ว
อันอันคนนี้คงจะได้จี้หลิงชวนในเรื่องเสพติดสุขอนามัยมาไม่น้อย เพียงแค่ผ้าอ้อมสกปรก เขาก็จะร้องไห้เพื่อจะให้เปลี่ยนผ้าอ้อมใหม่ให้เขาในทันที เมื่อเปลี่ยนผ้าอ้อมที่สะอาดให้เขาเสร็จแล้วเขาก็จะหยุดร้องไห้ในทันที
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่มู่ซีซีจะสามารถนอนหลับได้อย่างสบายแบบนี้ จี้หลิงชวนกลัวว่าเสียงร้องไห้ของอันอันจะทำให้มู่ซีซีตื่น ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของอันอัน เขาจึงค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียง และค่อยๆเดินเข้าไปอุ้มอันอันขึ้นมา โดยลูบไปที่ผ้าอ้อมของอันอัน ผ้าอ้อมยังแห้งอยู่เลย เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วจี้หลิงชวนจึงรู้ได้ทันทีว่าอันอันเด็กคนนี้คงจะหิวตอนกลางดึก
จี้หลิงชวนสามารถชงนมผงเองได้ แต่ตอนนี้เขาอุ้มอันอันอยู่มันจึงไม่ง่ายเลย จี้หลิงชวนปลอบอันอันขึ้นพลางพูดกับเขาเบาๆว่า “เจ้าตัวน้อย เป็นเด็กดีนะ อย่าร้องไห้ และอย่าทำให้แม่ตื่นเลยนะ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่แม่จะได้นอนหลับสบายอย่างนี้ อย่าร้องไห้นะ”
จี้หลิงชวนพูดขึ้นพลางค่อยๆชงนมอย่างช้าๆ โชคดีที่ป้าหวางที่พักอยู่ห้องข้างๆได้ยินเสียงร้องของอันอันเข้า เธอจึงรีบเดินเข้ามาตรวจสอบในทันที เมื่อเห็นว่าจี้หลิงชวนกำลังชงนมอยู่ ป้าหวางจึงรีบรับหน้าที่ต่อจากจี้หลิงชวน
ป้าหวางเคลื่อนไหวได้อย่างชำนาญ เธอขยับเพียงไม่กี่ทีก็สามารถชงนมเสร็จได้อย่างรวดเร็ว จี้หลิงชวนก็รีบยื่นมือออกไปรับขวดนมที่ชงเสร็จแล้วจากป้าหวาง และป้อนให้กับอันอันอย่างรวดเร็ว
เมื่ออันอันได้ดูดนมจากขวด เขาก็สงบลงในทันที อันอันดื่มนมอย่างเชื่อฟัง
เมื่อจี้หลิงชวนเห็นว่าเจ้าตัวน้อยสงบลงแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้น สายตาของเขาค่อยๆหันมองไปที่เตียงซึ่งมู่ซีซีกำลังนอนหลับอยู่ เมื่อเห็นว่ามู่ซีซีไม่ได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วย เขาจึงยิ้มออกมา จี้หลิงชวนรีบลดเสียงลงและพูดกับป้าหวางขึ้นว่า “ป้าหวาง ทางนี้ก็โอเคแล้ว คุณกลับไปนอนเถอะ ”
ป้าหวางพยักหน้าให้กับจี้หลิงชวน จากนั้นก็ค่อยๆเดินย่องๆออกไป
จี้หลิงชวนอุ้มอันอันและนั่งลงบนเก้าอี้ทางด้านข้าง สิบห้านาทีต่อมา เด็กน้อยอันอันก็ดื่มนมจนหมด เขาหันศีรษะไปด้านข้างเล็กน้อยจากนั้นผล็อยหลับไป
จี้หลิงชวนมองดูก้อนเนื้อนุ่มๆที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง หัวใจก็ค่อยๆอ่อนไหวขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าสิ่งนี้มันน่ามหัศจรรย์จริงๆ เจ้าเด็กตัวน้อยคนนี้เป็นลูกจากความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างเขากับมู่ซีซี
จี้หลิงชวนเริ่มยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย และก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าและจูบไปที่หน้าผากของอันอัน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและวางอันอันลงนอนที่เดิมอย่างระมัดระวัง
เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว จี้หลิงชวนก็กลับขึ้นไปนอนบนเตียงและกอดมู่ซีซีดังเดิม จี้หลิงชวนหลับตา จากนั้นผล็อยหลับไป
มู่ซีซีพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาสามวันแล้ว เมื่อแพทย์อนุญาตเธอก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้
ในวันที่เธอออกจากโรงพยาบาล เธอไม่รู้ว่าจี้หลิงชวน ไปเรียนรู้มาจากที่ไหนว่าสตรีหลังคลอดไม่ควรโดนลมมากๆ
จี้หลิงชวนยังเตรียมหมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ เสื้อกันลม ถุงเท้า และรองเท้าผ้าฝ้ายเพื่อมาสวมป้องกันให้กับมู่ซีซี
มู่ซีซีมองกระจกเห็นตัวเองที่ถูกห่อหุ่มได้ด้วยของที่จี้หลิงชวนเตรียมมาให้ ตัวเธอในตอนนี้ดูเหมือนสำลีขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง และเธอก็อดไม่ได้ที่จะไม่เห็นด้วยกับจี้หลิงชวน แต่ดีที่ทางออกด้านหลังของอาคารสำหรับผู้ป่วยในของโรงพยาบาลสามารถจอดรถรับผู้ป่วยที่หน้าประตูได้ รถของจี้หลิงชวนกำลังจอดรอที่หน้าประตูทางออก เดินประมาณสิบกว่าก้าวก็ถึงรถแล้ว เสื้อผ้าพวกนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีความจำเป็นเลยจริงๆ…
แต่แน่นอนว่า การประท้วงของมู่ซีซีก็ไม่เป็นผล …
มู่ซีซีที่ถูกห่อราวกับสำลีก้อนค่อยๆเดินไปจนกระทั่งเธอขึ้นนั่งในรถ และจี้หลิงชวนจึงอนุญาตให้มู่ซีซีถอดหมวกและผ้าพันคอออก
ต่อมาเมื่อมู่ซีซีนั่งรถกลับมาถึงที่คฤหาสน์ ในขณะที่เธอกำลังจะลงจากรถ จี้หลิงชวน ก็สวมหมวกและผ้าพันคอให้กับมู่ซีซีด้วยมือของเขาเอง
ในช่วงระยะอยู่ไฟหลังคลอดมีป้าหวางและป้าหลิงเป็นคนคอยดูแลมู่ซีซี แต่ถึงอย่างนั้นจี้หลิงชวนก็ ยังคงกังวลอยู่ เขากลัวว่าพวกเขาทั้งสองจะดูแลมู่ซีซีได้ไม่ดีและไม่ถั่วถึง ดังนั้นจี้หลิงชวนจึงไม่ไปทำงานที่บริษัทและอยู่ดูแลมู่ซีซีที่บ้านด้วยตัวของเขาเอง
ในทุกๆวัน หลังจากที่มู่ซีซีนอนหลับแล้ว จี้หลิงชวนจึงจะเริ่มทำงานของตัวเอง
หลังจากที่คลอดได้สองวัน มู่ซีซีก็โทรศัพท์ไปแจ้งข่าวดีกับลั่วเสี่ยวชิง
แต่หลายวันมานี้ลั่วเสี่ยวชิงกำลังยุ่งอยู่กับกิจกรรมที่สำคัญบางอย่างของทางมหาวิทยาลัย โดยที่ลั่วเสี่ยวชิงรับหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบหลักของงาน ดังนั้นเธอจึงงานยุ่งตลอดทั้งวัน ลั่วเสี่ยวชิงโทรมาขอโทรมู่ซีซีด้วยตัวเองแล้ว โดยเธอบอกช่วงนี้เธอไม่ค่อยว่าง บางทีอาจจะไม่มีเวลามาเยี่ยมมู่ซีซีและลูกบุญธรรมที่โรงพยาบาลได้ ต้องรอให้งานนี้เสร็จก่อนเธอจึงจะมีเวลา
หลังจากที่มู่ซีซีออกจากโรงพยาบาลได้เป็นวันที่สอง ลั่วเสี่ยวชิงก็ทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยจนเสร็จ ลั่วเสี่ยวชิงรีบขึ้นรถแท็กซี่และมาหามู่ซีซีในทันที
ลั่วเสี่ยวชิงไม่ลืมที่จะซื้อของกินที่มู่ซีซีชอบมาให้มากมาย และยังซื้อของเล่นมาให้อันอันอีกด้วย
มู่ซีซีมองไปที่ของกินถุงใหญ่ที่ลั่วเสี่ยวชิงถืออยู่ในมือ เธอรู้สึกอบอุ่นมาก และอดไม่ได้ที่จะพูดกับ ลั่วเสี่ยวชิงอีกครั้งว่า “เสี่ยวชิง มาที่นี่ก็มาเฉยสิ ทำไมต้องซื้อของมากมายขนาดนี้? มันเปลืองเงินมากเกินไปแล้วนะ”
มู่ซีซีรู้ดีว่าสถานการณ์ทางครอบครัวของลั่วเสี่ยวชิงนั้นไม่ค่อยดี และของที่ลั่วเสี่ยวชิงซื้อมาให้ก็เป็นเงินที่ลั่วเสี่ยวชิงเก็บมาได้อย่างยากลำบาก
ลั่วเสี่ยวชิงไม่สนใจและโบกมือให้กับมู่ซีซี เธอมองอันอันด้วยความดีใจและรีบเดินเข้าไปอุ้มอันอันจากในแขนของมู่ซีซีอย่างระมัดระวัง ทันทีที่แขนข้างหนึ่งของเธอสัมผัสถูกผิวนุ่มๆของอันอัน ลั่วเสียวชิงก็พูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ประหลาดใจว่า “ว้าว นี่เป็นลูกบุญธรรมของฉันเหรอ! เขาดูหล่อมากๆ ในอนาคตเขาจะต้องเป็นที่น่าหลงใหลของคนจำนวนมากได้แน่!!!”
เด็กจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆวัน ตอนที่อันอันเพิ่งเกิดจี้หลิงชวนก็ยังรู้สึกรังเกียจเขาเลย แต่อันอันในตอนนี้ดูไม่เหมือนในวันนั้นแล้ว ผิวที่เหี่ยวย่นก็ค่อยๆกลายเป็นสีขาวและดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆมีพัฒนาการที่ดีขึ้น จนกระทั่งถึงตอนนี้รูปร่างหน้าตาของทารกน้อยคนนี้หากใครเห็นแล้วก็ต้องตกหลุมรักกันทุกคน
แม้แต่พ่อของเขาจี้หลิงชวน ก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจลักษณะของอันอันในตอนนี้