หลังจากที่ลู่เฉิงฮ่าวนั้นเหยียบคันเร่งเพื่อตามรถคันด้านหน้าให้ทัน ลู่เฉิงฮ่าวก็เห็นว่ารถคันนั้นก็เหยียบคันเร่งเช่นกัน
เดิมทีหากรถตู้คันนั้นไม่เร่งความเร็ว ลู่เฉิงฮ่าวก็คงเลิกไล่ตาม แต่ในตอนนี้รถตู้คันนั้นจู่ๆก็เร่งความเร็วอย่างกะทันหัน เดิมทีลู่เฉิงฮ่าวสงสัยว่าการหายตัวไปของลั่วเสี่ยวชิงนั้นเกี่ยวข้องกับรถตู้คันดังกล่าวหรือไม่ ในตอนนี้เมื่อรถตู้คันนั้นเห็นเขาไล่ตามก็เร่งความเร็วในทันที นี่มันร้อนตัวเองชัดๆ!
ลู่เฉิงฮ่าวขมวดคิ้วและจ้องไปที่รถตู้ตรงหน้าเขา ริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย
เหอะ นี่อยากจะแข่งรถกับเขางั้นเหรอ?
ถ้างั้นก็ช่างน่าเสียดายจริงๆ ก่อนหน้านี้ลู่เฉิงฮ่าวเป็นลูกของเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาล เขาเคยทำเรื่องฟุ่มเฟือยไว้มากมาย ในช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัยลู่เฉิงฮ่าวหมกมุ่นอยู่กับรถสปอร์ต ไม่ต้องพูดถึงการซื้อรถสปอร์ตที่ราคาแพงจนน่าตกใจ ลู่เฉิงฮ่าวยังตั้งใจลงเรียนการแข่งรถอีกด้วย ความสามารถของลู่เฉิงฮ่าวนั้นไม่ธรรมดา เขายังได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติหลายครั้งและผลงานของเขานั้นไม่เลวเลยทีเดียว
หลังจากนั้นคุณปู่ลู่เห็นว่าการแข่งรถมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เขาจึงไม่ต้องการให้หลานชายสุดที่รักของเขาเข้าร่วมการแข่ง เขาออกคำสั่งขั้นเด็ดขาดในทันที ไม่เช่นนั้นตอนนี้ลู่เฉิงฮ่าวอาจกลายเป็นนักแข่งรถชั้นแนวหน้าของโลกแล้วก็เป็นได้
แม้ว่าลู่เฉิงฮ่าวไม่ได้เข้าร่วมการแข่งรถมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ทักษะในการขับรถแข่งนั้นเขายังคงจำได้ดี
เขาใช้มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยอย่างสบายๆจากนั้นเขาเหยียบคันเร่งไว้ใต้ฝ่าเท้า รถพุ่งทะยานไปด้านหน้าราวกับลูกศรที่กำลังพุ่งตรงไปยังเป้า
ทางด้านหลิวหยู่ขับเพียงรถตู้และทางด้านลู่เฉิงฮ่าวขับรถสปอร์ตระดับไฮเอนด์ เพียงแค่รถก็สามารถบดขยี้หลิวหยู่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องพูดเลยว่าลู่เฉิงฮ่าวยังเป็นนักแข่งรถระดับมืออาชีพ
ผลลัพธ์ในการแข่งครั้งนี้ไม่มีข้อสงสัย!
คนขับรถของหลิวหยู่เห็นว่ารถของลู่เฉิงฮ่าวเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ และในชั่วพริบตา รถสปอร์ตก็ขับขึ้นมาตีคู่กับเขา เหงื่อเย็นไหลออกมาจากมือของเขา เขารีบพูดกับหลิวหยู่ทันทีว่า “ลูกพี่มีบางอย่างผิดปกติ รถ รถคันนั้นไล่ตามเราทันแล้ว มันกำลังบีบให้เราจอดรถ! เราทำยังไงกันดีครับลูกพี่!”
เมื่อหลิวหยู่ได้ยินคนขับรถเอ่ยเช่นนั้น เขาเองก็ตกใจไม่น้อย เขาหยุดลงมือและมองไปยังหน้าต่างด้านข้าง ทันทีที่มองไป เขาเห็นรถสปอร์ตขับตีคู่ขึ้นมาและพยายามบีบให้รถตู้ของเขานั้นจอด
อีกฝั่งเป็นรถสปอร์ตและเขาเป็นเพียงรถตู้มือสอง ต่อให้เร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถเทียบเท่ารถของอีกฝ่ายได้
หลิวหยู่หมดหนทาง เขายกมือขึ้นและปิดปากลั่วเสี่ยวชิงไว้อย่างไร้ความปราณีเพื่อไม่ให้เธอกรีดร้องออกมา จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งกับลูกน้องที่กำลังขับรถว่า “หยุดรถซะแล้วก็ปิดแผ่นกั้นระหว่างด้านหน้ากับด้านหลังไว้ อย่าให้เขาเปิดได้!”
คนขับตอบรับ เมื่อเขาเห็นว่าถ้าเขาไม่หยุดรถ รถสปอร์ตด้านข้างต้องชนกระแทกเขาเป็นแน่ คนขับรถจึงรีบสะบัดพวงมาลัยรถ ในเวลาต่อมา มีเพียงเสียงล้อรถเบียดเสียดบนพื้นถนน รถตู้นั้นเหวี่ยงและจอดนิ่งอยู่บนข้างทาง
ทันทีที่รถหยุด ลู่เฉิงฮ่าวที่อยู่ภายในรถสปอร์ตก็หักพวงมาลัยและจอดรถขวางรถตู้เอาไว้ เขาผลักประตูรถในทันทีจากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังที่นั่งคนขับรถตู้และเคาะกระจก
กระจกรถที่ปิดอยู่ค่อยๆลดต่ำลงเผยให้เห็นใบหน้าของชายคนหนึ่ง
เดิมทีคนขับต้องการที่จะด่ากราดเพื่อให้อีกฝ่ายนั้นหวาดกลัว แต่คาดไม่ถึงว่าทันทีที่ลดกระจก สีหน้าของฝ่ายตรงข้ามนั้นดูมืดมน
และชายคนนี้มีพลังที่ทำให้รู้สึกผวา ราวกับว่าเป็นพลังออร่าที่มีมาตั้งแต่กำเนิด
ทันทีที่ชำเลืองมอง คำพูดที่ได้เตรียมเอาไว้แล้วของคนขับรถนั้นก็ได้กลืนกลับและหายลงไปในลำคอ วินาทีนั้นเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นอย่างกะทันหัน
ใบหน้าของเขาปรากฎรอยยิ้มที่กำลังฝืนใจและเอ่ยว่า “ไอยา พี่ชายเกิดอะไรขึ้นหรือ? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
ลู่เฉิงฮ่าวเพิกเฉยต่อชายที่ขับรถอยู่ ดวงตาบูดบึ้งกวาดมองเข้าไปในรถ
เขาเห็นชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่บนเบาะโดยสาร แต่ด้านหลังรถถูกบังไว้ด้วยแผ่นกั้น บริเวณด้านหลังนั้นไม่สามารถเห็นอะไรได้เลย
คิ้วของลู่เฉิงฮ่าวขมวดแน่นทันใด เขาชี้ไปยังแผ่นกั้นระหว่างด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกับเอ่ยว่า “เอาแผ่นกั้นนั่นลงซะ!”
เมื่อคนขับได้ยินคำพูดของลู่เฉิงฮ่าว สีหน้าของเขาเจื่อนลงในทันที
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเป็นใคร แต่สถานการณ์ปัจจุบันในบริเวณเบาะหลังนั้นสามารถจินตนาการได้เลยและหลิวหยู่ก็สั่งไม่ให้เปิดแผ่นกั้นด้วย
คนขับรถหุบรอยยิ้มทันใดและพูดกับลู่เฉิงฮ่าวว่า “ด้านหลังไม่มีอะไร!”
ขณะพูดเขาหันไปหาลู่เฉิงฮ่าวและพูดต่อ “ไอพี่ชาย พี่เป็นตำรวจเหรอ? ถ้าเป็นตำรวจเอาบัตรตำรวจของพี่มาให้ผมดูหน่อยสิ”
ลู่เฉิงฮ่าวเพิกเฉยต่อคำพูดของคนขับ เขาขมวดคิ้วและจ้องไปที่แผ่นกั้นด้านหลัง น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างขึ้น “ฉันบอกให้แกเปิดแผ่นกั้นไง!!!!”
ในอีกด้านหนึ่งหลิวหยู่กำลังปิดปากของลั่วเสี่ยวชิงเพื่อไม่ให้เธอส่งเสียงร้องออกมา แต่ลั่วเสี่ยวชิงนั้นได้ยินอย่างชัดเจนว่าเสียงผู้ชายที่ดังอยู่ด้านนอกเป็นเสียงของลู่เฉิงฮ่าวที่เธอคุ้นเคย
ในขณะที่ลั่วเสี่ยวชิงได้ยินเสียงของลู่เฉิงฮ่าว ดวงตาของเธออดไม่ได้ที่จะแดงระเรื่อและร้องไห้ออกมา
แต่ในตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงนั้นถูกหลิวหยู่กดทับไว้แนบชิดกับประตูและถูกเขาปิดปากเอาไว้แน่น ลั่วเสี่ยวชิงไม่อาจส่งเสียงอะไรได้เลย
ลั่วเสี่ยวชิงกัดปลายลิ้นของเธอและบังคับตัวเองให้สงบลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ลั่วเสี่ยวชิงสงบลง เธอก็ใช้โอกาสในขณะที่หลิวหยู่มัวแต่เพ่งเล็งที่จะปิดปาก เธอเหยียดขาออกและเตะไปยังเก้าอี้แถวหน้าอย่างสุดแรง
เสียง ปัง ดังขึ้นอย่างชัดเจนภายในห้องโดยสารที่เงียบสงัด
เมื่อลู่เฉิงฮ่าวได้ยินเสียงนี้ ดวงตาของเขาหรี่ลง เขาเกียจคร้านเกินกว่าจะพูดคุยกับคนขับรถ เขายกขาขึ้นและเตะคนขับรถในทันที
ขณะนั้นคนขับยังไม่ทันเตรียมตัว จู่ๆลู่เฉิงฮ่าวก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน เขากุมท้องของตัวเองและล้มตัวลงในรถด้วยความเจ็บปวด ชายที่นั่งเบาะนั่งผู้โดยสารรีบเปิดประตูรถและลงมาช่วยในทันที น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเขาคือลู่เฉิงฮ่าวที่ฝึกฝนซันตะและเทควันโด
ลู่เฉิงฮ่าวดึงคอเสื้อของเขาและดึงขึ้นเหนือไหล่ของเขา จากนั้นชายคนนั้นถูกเหวี่ยงลงบนพื้นราวกับกระสอบทรายและไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
ทั้งสองคนถูกลู่เฉิงฮ่าวจัดการได้อย่างง่ายดาย ลู่เฉิงฮ่าวตรงขึ้นรถทันทีและเปิดแผ่นกั้น ทันทีที่แผ่นกั้นเปิดออกสถานการณ์ด้านหลังรถก็ฉายผ่านแววตาของลู่เฉิงฮ่าว
ดวงตาของเขามืดมนลงทันที ในแววตาที่มืดมนนั้นราวกับมีน้ำตาคลออยู่ เขาจ้องมองหลิวหยู่ที่กำลังข่มเหงลั่วเสี่ยวชิง
วินาทีถัดมา ภายในห้องโดยสารที่เงียบสงบมีเพียงเสียงกรีดร้องที่แหลมคมจากหลิวหยู่
ยังไม่ทันที่หลิวหยู่จะร้องเสียงร้อง ลู่เฉิงฮ่าวเตะเขาลงจากรถ จากนั้นเท้าของลู่เฉิงฮ่าวก็เตะเข้าไปที่เป้าของหลิวหยู่อย่างแม่นยำ