ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ แล้วมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน
ภาพลักษณ์ของเขาในเวลานี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เป๋าฮวนรู้สึกราวกับหัวใจของเธอเต้นผิดไปครึ่งจังหวะ เธอไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ และไม่ได้ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว
“ฮวนฮวน ผมคีบให้คุณใหม่นะ อาหารในถ้วยของคุณเย็นหมดแล้ว” ในเวลานี้เอง เสียงของเวินซือเหยียนก็ดังขึ้น
สติของเป๋าฮวนถูกดึงกลับมา เธอหันกลับมาอีกครั้ง เห็นว่าเวินซือเหยียนใช้ตะเกียบคีบเนื้อและผักที่สุกแล้วให้เธอ
มันกำลังร้อนๆ ดูน่ากินมาก
“ขอบคุณค่ะ!” เป๋าฮวนรีบกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็หยิบตะเกียบ คีบเนื้อที่ยังร้อนๆ ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จุ่มลงในซอสงาแล้วนำเข้าปาก อร่อยจนเธอติดใจ
เป๋าฮวนกำลังหิวพอดี กินราวกับน้ำไหลหลากทะทักเข้าท่วมฉับพลัน ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ไม่นานผักและเนื้อในถ้วยของเธอก็หมด
เป๋าฮวนกำลังจะเปลี่ยนตะเกียบแล้วคีบต่อ ก็เห็นว่าเฟิงหานชวนเริ่มคีบเนื้อส่งมาในถ้วยของเธอแล้ว
“เฟิงหานชวนไม่ต้องแล้ว คุณกินของคุณเถอะ ไม่ต้องคีบให้ฉันแล้ว” เป๋าฮวนปฏิเสธโดยอัตโนมัติ
มือของชายหนุ่มหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ ใบหน้าของเขาพลันมืดครึ้มลงทันที
เวินซือเหยียนคีบอาหารให้เธอ เธอไม่ปฏิเสธ พอตัวเองคีบอาหารให้เธอบ้าง เธอกลับปฏิเสธ?
เฟิงหานชวนที่อารมณ์ดีในตอนแรก ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
เมื่อตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับชายหนุ่ม เป๋าฮวนหันไปมองเขา พบดวงตาสีดำสนิทของเขาที่เย็นยะเยือกราวกับจะแช่แข็งทุกสรรพสิ่ง เธอรู้สึกหัวใจ “กระตุก” ขึ้นมาทีหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ
นี่เธอทำให้เฟิงหานชวนโกรธเหรอ
ก็ไม่ใช่ ตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังป่วย อารมณ์แปรปรวนก็เป็นเรื่องปกติ
เธอคิดว่าเฟิงหานชวนผ่อนคลายลงแล้ว อย่างไรประโยคนั้นของเขา ทำให้เธอนึกไปถึงตอนบ่าย เขาบอกกับเธอว่า ‘ฮวนฮวน คุณก็เป็นยาของผมไง’
ดังนั้นเมื่อเธออยู่ตรงนี้ เขาไม่น่าจะป่วยหรอกใช่ไหม
“เฟิงหานชวน ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายก็กลับไปก่อนนะ” เป๋าฮวนเอ่ยบอกเขาอย่างนิ่มนวล
อย่างไรเวินซือเหยียนก็อยู่ตรงนี้ เฟิงหานชวนต้องไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขาป่วยอย่างแน่นอน ดังนั้นเป๋าฮวนจึงไม่ได้พูดตรงๆ แต่พิจารณาจากความคิดของเฟิวหานชวน และเอ่ยโน้มน้าวอย่างนิ่มนวล
ทว่า ในหูของเฟิงหานชวน คำพูดของเป๋าฮวนกลับเปลี่ยนไป
สำหรับเขาแล้ว เป๋าฮวนก็แค่ไม่ชอบที่เขามาเกะกะอยู่เป็นก้างขวางคอ ทำให้เป๋าฮวนไม่สามารถอยู่กับเวินซือเหยียนได้ตามลำพัง
เมื่อสักครู่เขามั่นใจมาก คิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญในใจของเป๋าฮวน แต่ตอนนี้ เฟิงหานชวนเริ่มสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง…
เป๋าฮวนสามารถทำให้เขาอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ได้เสมอ
“ผมสบายดี ไม่ได้เป็นอะไร” เสียงของเฟิงหานชวนเย็นเยือกลง แล้วเอ่ยต่อด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พวกคุณคุยกันปกติเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ก็ได้”
เฟิงหานชวนดูเหมือนจะกลับไปเย็นชาตามปกติของเขา เป๋าฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังกังวลเล็กน้อยว่าเฟิงหานชวนจะป่วย
“โอเค ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายก็บอกฉันล่วงหน้านะ” เป๋าฮวนเอ่ยบอกเสียงเบา
ทุกการกระทำและบทสนทนาระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนตกอยู่ในสายตาของเวินซือเหยียน เวินซือเหยียนดูออกว่าเป๋าฮวนห่วงใยเฟิงหานชวนมาก
แต่ว่า เป๋าฮวนไม่ได้ยอมรับเฟิงหานชวนภายในเดียว ถ้าอย่างนั้นเขายังมีโอกาสไม่ใช่เหรอ
“ฮวนฮวน ช่วงนี้ประธานเฟิงไม่สบายเหรอ ผมรู้สึกว่าประธานเฟิงดูแข็งแรงมากเลยนะ” แม้ว่าเวินซือเหยียนจะถามเป๋าฮวน แต่สายตาของเขากำลังพินิจพิเคราะห์เฟิงหานชวน
เวินซือเหยียนรู้สึกว่า เฟิงหานชวนดูไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย แต่เป๋าฮวนกลับคิดว่าเฟิงหานชวนไม่สบาย หรือว่าเฟิงหานชวนกำลังแสร้งป่วยเพื่อเรียกร้องความสนใจ?
“ฮะ?” เป๋าฮวนผงะไป เธอรีบเอ่ยอธิบาย “เขาแค่เป็นหวัดน่ะ ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง”
ปลายนิ้วชี้ของเฟิงหานชวนขยับเคาะเบาๆ บนโต๊ะสองครั้ง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าด้านข้างของเป๋าฮวน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
เธอไม่ได้พูดอาการป่วยของเขาออกไป พิสูจน์แล้วว่าเธอห่วงใยเขา
และยังพิสูจน์ด้วยว่า เวินซือเหยียนไม่ได้สำคัญกับเธอขนาดนั้น
ถ้าเป็นคนสำคัญ เป๋าฮวนควรจะซื่อสัตย์ต่อเวินซือเหยียน ไม่ใช่จงใจปิดปังอาการป่วยของเขา
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ผมคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับประธานเฟิงซะอีก” เวินซือเหยียนเพียงยิ้มน้อยๆ แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ฮวนฮวน คืนนี้คุณพักที่ไหน มีที่พักในเป่ยเฉิงไหม”