ป๋าฮวนปวดจมูก และจู่ๆก็รู้สึกอยากจะร้องไห้
เธออ้าปากเล็กน้อย แต่เธอพูดอะไรไม่ออก
“ตึงตึงตึง……”
ในขณะนี้ ประตูที่อยู่ข้างหลังถูกเคาะดังขึ้นมา
เป๋าฮวนผลักเฟิงหานชวนเปิดโดยไม่รู้ตัว หันกลับมามองที่แผงประตูแล้วถามว่า “ใคร?”
“คุณหนูใหญ่ ฉันเอง ซูซาน มื้อเที่ยงพร้อมแล้ว พวกคุณไม่ได้ทานอาหารเช้า นายท่านบอกให้ทานอาหารกลางวันเร็วหน่อย ฉันมาเพื่อเรียกคุณหนูใหญ่และคุณเฟิงให้ลงไปทานอาหารชั้นล่าง” ซูซานตอบ
เป๋าฮวนรู้แล้ว และพูดว่า: “ได้ เธอลงไปก่อน เราจะรีบตามไป”
“ได้ค่ะ คุณหนูใหญ่” ซูซานถ่ายทอดคำสั่งเรียบร้อย แล้วหันกลับและจากไป
ในเวลานี้เป๋าฮวนหันกลับมาอีกครั้งและเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวน เธอเห็นแค่เพียงดวงตาที่แดงก่ำของเฟิงหานชวน และใบหน้าที่ซีดเล็กน้อย เธอก็นึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้
“เมื่อครู่คุณก็ได้ยินแล้ว เราสามารถลงไปรับประทานอาหารกลางวันที่ชั้นล่างแล้ว หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน บ้านฉันมีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวจอดอยู่ใกล้คฤหาสน์โน่น เราไปประเทศฮัวด้วยกัน” เป๋าฮวนมองเขาและพูดเบา ๆ
อย่างไรก็ตาม ในคำพูดของเธอ มีคำหนึ่งที่ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกปวดใจ
เพราะเป๋าฮวนพูดถึง “ไป” ประเทศฮัว แต่ไม่ใช่ “กลับ” ประเทศฮัว
ในโลกของเธอ ประเทศฮัวสำหรับเธอแล้วไม่ใช่มาตุภูมิเธออีกต่อไป ไม่ใช่บ้านเกิดเธออีกต่อไป และไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไป
เหมือนที่เธอเพิ่งพูดไป เธอแค่ไปอธิบายกับชายชราและคนอื่นๆฟัง แล้วเธอก็จะกลับประเทศเฉินทันที
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฟิงหานชวนก็เดินโซเซถอยหลังไปสองก้าว และตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ได้”
ในเมื่อเธอไม่ต้องการอยู่ที่ประเทศฮัว งั้นเขาก็สามารถมาหาเธอที่ประเทศเฉินได้
……
เป๋าฮวนกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่ที่เป็นชุดเดรสสีขาว
ผ้าของชุดเดรสเป็นผ้าฝ้ายแท้ที่เรียบง่ายมาก แต่เนื่องจากการออกแบบและการตัดเย็บที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงมีเสน่ห์เป็นพิเศษ และเน้นรูปร่างได้อย่างลงตัว
เธอเป็นคนออกแบบเองตั้งแต่กลับมาถึงประเทศเฉิน เธอเริ่มติดต่อกับแฟชั่นดีไซน์และพบว่าเธอมีพรสวรรค์ในด้านนี้มาก ตอนนี้เธอกลายเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่เก่งและทรงพลังมากแล้ว
ส่วนด้านเฟิงหานชวน เธอให้ชุดสูทที่เป๋าเฉินยังไม่เคยใส่กับเฟิงหานชวน เป๋าเฉินมีรูปร่างใกล้เคียงกับเฟิงหานชวน และเฟิงหานชวนก็สวมใส่ได้พอดี
สุดท้ายแล้วเขาไม่ได้นำเสื้อผ้ามาด้วย
เมื่อทั้งสองคนเก็บของเสร็จแล้ว พวกเขาก็ลงไปข้างล่างด้วยกัน พูดให้ถูกคือเป๋าฮวนพาเฟิงหานชวนลงไปข้างล่าง
บันไดเป็นบันไดเวียนไม้มะฮอกกานีที่มีความกว้างกว้างมาก เป๋าฮวนและเฟิงหานชวนเดินหน้ากระดานเคียงข้างกันโดยไม่รู้สึกแออัด แม้ว่าบันไดจะไม่ได้ตกแต่งมากนัก แต่ก็เผยให้เห็นถึงความหรูหราแบบเรียบง่าย
ในเวลานี้ เป๋าฮวนรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพานกำลังสั่น เธอหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าและพบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเวินซือเหยี่ยน
เฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างเธอ เพราะเขาสูงกว่าเธอ เพียงเหลือบมองที่โทรศัพท์ของเธอก็เห็นชื่อผู้โทรเข้าอย่างชัดเจน
สีหน้าของเขาหมองลงกะทันหัน ยังไม่ทันที่เขาจะห้าม เป๋าฮวนได้เชื่อมต่อโทรศัพท์แล้ว
“สวัสดี ซือเหยี่ยน จู่ๆโทรหาฉันทำไม?” เป๋าฮวนยิ้มและทักทายเขา เผยให้เห็นฟันขาวเรียงเป็นแถว และเสียงของเธอก็นุ่มเป็นพิเศษ
ลักษณะท่าทางแบบนี้ของเธอทำให้สีหน้าของเฟิงหานชวนหมองคล้ำขึ้น
แสดงอารมณ์ต่อผู้ชายคนอื่นดีขนาดนี้ แต่ว่ากับเขา…..
เฟิงหานชวนรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ
“ฮวนฮวน เรื่องเป็นแบบนี้ ผมเพิ่งรู้ว่านักแสดงสมทบคนหนึ่งในละครราชวังชิงเรื่องใหญ่ ที่เตรียมการโดยบริษัทของเราประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้กำลังจะเริ่มถ่ายทำแล้ว คนที่เหมาะกับบทค่อนข้างหายาก ผมคิดว่าภาพลักษณ์ของบทบาทนี้เข้ากับคุณ คุณก็สนใจในเรื่องตัวนักแสดงพอดีไม่ใช่หรือ? ผมอยากถามว่าคุณแสดงแทนได้ไหม?”
“เพียงแค่บทแสดงของตัวประกอบนี้เป็นนักแสดงหญิงลำดับที่5ของการแสดง ผมไม่รู้ว่าคุณจะรังเกียจไหม……”
เสียงของเวินซือเหยี่ยนสงบนิ่งและอ่อนโยนมาก ฟังผ่านลำโพงเข้าไปในหูของเป๋าฮวนอย่างช้าๆ
ในเวลาเดียวกัน ก็ผ่านไปถึงหูของเฟิงหานชวนเพราะเขายืนอยู่ข้างเป๋าฮวน อยู่ใกล้ๆไม่ห่างเป๋าฮวนก็เพื่อฟังว่าเวินซือเหยี่ยนพูดอะไร
ที่แท้ใช้เรื่องหานักแสดงมาตามจีบฮวนฮวนของเขา เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด!
แต่เดี๋ยวก่อน……
เฟิงหานชวนจู่ๆก็เปลี่ยนความคิด
ถ้าเป๋าฮวนรับแสดงละครเรื่องนี้ ก็ต้องถ่ายทำที่ประเทศฮัวไม่ใช่หรือ? ปกติละครราชวังชิงมักถ่ายทำในเมืองเหิงซื่อ และใช้เวลาบินเพียงแค่สองชั่วโมงจากเมืองเป่ยเฉิง
ยังไงก็ใกล้กว่าประเทศเฉินมาก
“จริงเหรอ? ละครราชวังชิง บทบาทที่เหมาะกับฉัน? บทบาทประเภทไหน?” เป๋าฮวนเดิมไม่โต้ตอบเเพราะยังไม่รู้ตัว พอคืนสติขึ้นได้ จู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้นมากและถามคำถามหลายคำถามต่อๆกัน
หลังจากเวินซือเหยี่ยนได้ฟังคำถามของเธอแล้ว เพียงแค่ยิ้มเบาๆ และพูดว่า: “ละครราชวังชิงคุณคงรู้จัก มีนางสนมต่อสู้กันมากมาย บทบาทที่ขาดคือพระสนมท่านหนึ่งเป็นบทบาทนางเอกคู่กัน บทนี้ไร้เดียงสา เซ่อเซ่อซ่าซ่าและชอบกินอาหารอร่อย ถือว่าเป็นบทที่มีกลอุบายน้อยที่สุดในเรื่องทั้งหมด”
เป๋าฮวน: ?
เป๋าฮวน: “เซ่อๆ……ซ่าๆ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า……” เวินซือเหยี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ แล้วพูดว่า “น่ารักดี น่ารักน่าเอ็นดูและชอบทานอาหารอร่อย เป็นนักกิน”
ขณะอธิบาย เขาก็คิดไปโดยไม่รู้ตัวถึงตอนที่พบกับเฉินฮวนฮวนเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นเป๋าฮวนยังชื่อเฉินฮวนฮวน ตอนอยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเธอซื้อส่วนประกอบของอาหารมากมายและบอกว่าเป็นของที่จะทำอาหารเช้า
ท่าทางที่ซื่อบื้อและน่ารักน่าเอ็นดูนั้น เขาสามารถจินตนาการหน้าตาเป็นตอนที่เธอกินได้ว่าเป็นยังไง เธอคงจะเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่เซ่อๆซ่าๆ
เป๋าฮวนเบ้ปากและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “น่ารักน่าเอ็นดูไม่เท่าไหร่ เซ่อๆซ่าๆนี่ฉันปฏิเสธ!”
สรุปแล้วผู้หญิงคนไหนอยากให้คนอื่นบอกว่าเธอเซ่อซ่า?
ไม่ใช่นกเพนกวินซะหน่อย!
“อืม น่ารักน่าเอ็นดู ไม่ใช่เซ่อซ่า” เวินซือเหยี่ยนกลั้นยิ้มและถามอย่างจริงจังว่า: “แล้วคุณคิดว่าเป็นยังไงบ้าง? อยากเล่นเป็นตัวละครนี้ไหม?”
“ละครเรื่องนี้เริ่มแสดงประมาณช่วงเวลาไหน?” เป๋าฮวนถาม
“สัปดาห์หน้า ก็อีกสี่ห้าวัน แต่บทบาทของคุณไม่มีบทแสดงในตอนแรก แต่ควรมาล่วงหน้าเพื่อแต่งหน้า เพราะบทบาทนี้เปลี่ยนตัวกะทันหัน ไม่มีเวลาลองแต่งหน้าดูก่อน” เวินซือเหยี่ยนตอบจริงจัง
เป๋าฮวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดมากนิดหน่อย เดิมเธอบอกคุณตาว่าเธอจะอยู่ใช้ชีวิตที่ประเทศเฉิน แต่ตอนนี้……
อันที่จริง เธอสนใจในบทบาทนี้มาก แต่เธอไม่รู้ว่าควรกลับไปประเทศฮัวเพื่อเดินหน้าหรือไม่ โดยเฉพาะข้างกายที่ยังมีชายหนุ่มคนนี้เกาะติดอยู่
เธอหันศีรษะและเหลือบมองเฟิงหานชวนโดยไม่รู้ตัว เฟิงหานชวนก็มองเธอพอดี เธอเลยทำตาเขม็งใส่เขา
เฟิงหานชวนรู้สึกไฟลุกในใจทันที เดิมทีเขาเต็มไปด้วยความหึงหวง แต่ตอนนี้เป๋าฮวนทำตาเขม็งใส่เขาอีก ราวกับว่าเขากีดกันไม่ให้เธอกับเวินซือเหยี่ยนเกี้ยวพาราสีกัน
“ในเมื่อคุณอยากแสดงก็แสดง บางครั้งคิดมากเกินไปก็ไม่ดี” เสียงทุ้มต่ำที่มีพลังของเขาดังขึ้น
ทันใดนั้น เป๋าฮวนชะงัก ส่วนเวินซือเหยี่ยนที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ก็เงียบไป
บรรยากาศเย็นยะเยือกหลายวินาที
หลังจากนั้น เหวินซือเหยี่ยนพูดขึ้น เขารู้สึกอารมณ์คลุมเครือเล็กน้อย: “ฮวนฮวน คุณอยู่กับเฟิงหานชวนหรือ?”