หลังจากที่คุยกับฝังซูเสร็จ เฉินเจี๋ยก็วางสายไป
เพราะว่าตอนที่เฉินเจี๋ยโทรศัพท์ก็เปิดลำโพง ดังนั้นหลีซืออวิ๋นได้ยินคำพูดทั้งหมดของฝังซูอย่างชัดเจน
“เป๋าอวี้ เป็นแค่ลูกนอกคอก เป็นไปได้ว่าเป๋าฮวนก็อาจจะใช่ด้วย” หลีซืออวิ๋นคาดเดาแบบนี้ เธอพูดขึ้น “วันนี้ฉันเห็นกระโปรงที่เป๋าฮวนใส่ ไม่ใช่แบบของแบรนด์หรู ถึงแม้จะดูละเอียดสวยงาม แต่อาจจะเป็นแค่ผลงานดีไซเนอร์ของแบรนด์เล็ก ๆ แค่นั้นแหละ”
“ใช่ใช่ใช่ อาจจะเป็นไปได้มากว่าเป็นแค่ลูกนอกคอก อีกอย่างเธอดูนะก่อนหน้านี้เป๋าฮวนเร่ร่อนอยู่ด้านนอก จะต้องเป็นลูกนอกกฎหมายแน่นอน จะมาเทียบกับอวิ๋นเออร์ได้ยังไง?” เฉินเจี๋ยพูดเสริม
หลีซืออวิ๋นพอใจเป็นอย่างมากกับคำตอบของเฉินเจี๋ย เธออกผายไหล่ผึ่ง ดูมั่นใจในตัวเองมากกว่าเดิม
ในเมื่อเป๋าฮวนไม่ใช่ทายาทที่แท้จริงของตระกูลเป๋า งั้นก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่มีเงินนิดหน่อยเท่านั้นแหละ ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง
แต่หลีซืออวิ๋นไม่เหมือนกัน เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลหลี ธุรกิจทั้งหมดของตระกูลหลี ภายภาคหน้าก็จะเป็นของเธอทั้งหมด
“เฉินเจี๋ย ช่วงนี้ฉันไม่อยากทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป เพราะว่าหานชวนยังจีบเป๋าฮวนไม่ติด แต่…ฉันอยากให้นายช่วยฉันคอยสอดมองเป๋าฮวนไว้ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวและภูมิหลังของเธออย่างละเอียด” หลีซืออวิ๋นใบหน้าสวยสง่านั่น กลับเห็นถึงความเจ้าเล่ห์ได้อย่างชัดเจน
“อวิ๋นเออร์คุณวางใจได้ ไม่มีปัญหา เชื่อใจฉันได้ ฉันจัดการเรื่องต่าง ๆ เธอยังไม่วางใจเหรอ?” เฉินเจี๋ยจงใจขยับตา ดูเลี่ยนเป็นพิเศษ
หลีซืออวิ๋นรู้สึกพะอืดพะอม แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ เธอรู้ว่าตัวเองมีเรื่องที่ต้องพึ่งพาเฉินเจี๋ย ดังนั้นจึงลดทิฐิลง
…
เดิมทีเฉินฮวนเตรียมตัวจะกลับไปตอนบ่าย แต่เฟิงเหลยถิงให้เธออยู่เล่นหมากรุกต่อ
เห็นว่าฟ้าเริ่มมืด ตอนเย็นตนเองยังจะต้องนัดเจอกับเวินซือเหยี่ยน จึงเป็นฝ่ายบอกลาเฟิงเหลยถิง หยิบกระเป๋าเตรียมตัวจะออกไป
เฟิงหานชวนเรียกเธอไว้ “ฮวนฮวน ผมไปส่งคุณ”
“ไม่ต้อง ฉันเรียกแท็กซี่ก็ได้แล้ว” เป๋าฮวนส่ายหน้า ปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
“ผมไปส่งคุณ” เฟิงหานชวนเหมือนไม่ได้ยินคำปฏิเสธของเธอ โอบเอวของเธอไว้ แล้วพาเธอออกไปจากห้องรับแขก
เมื่อมาถึงในสวน เป๋าฮวนถึงได้ดิ้นหลุดจากมือเขา แล้วพูดอย่างหมดอารมณ์ “เฟิงหานชวน คุณอย่าลงไม้ลงมือ!”
“ฮวนฮวน ผมแค่ทำให้นายท่านเห็น” เฟิงหานชวนหยิบโล่กำบังออกมา
“หมายความว่าอะไร? ฉันพูดกับนายท่านไว้แล้ว ว่าตอนนี้พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน แค่เพื่อน คุณเข้าใจไหม?” เป๋าฮวนจนปัญญาอย่างมาก
“แต่นายท่านกลับไม่ดีใจ ไม่ใช่เหรอ?” เฟิงหานชวนตอกกลับ
เป๋าฮวนอึ้งนิดหน่อย สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ
ในตอนที่เฟิงเหลยถิงถามเธอ เธอตอบไปแบบนี้ ทำให้สีหน้าของเฟิงเหลยถิงผิดหวังไปจริง ๆ เพียงแต่เธอก็ไม่อยากปิดบังอะไรไว้
อีกอย่างเธอไม่ใช่แม่พระ เป็นไปไม่ได้ที่จะคำนึงถึงความคิดของคนตระกูลเฟิง ก็คือดีกับเฟิงหานชวน
“ฮวนฮวน ตอนนี้คุณคือคนที่ผมตามจีบ ในเมื่อผมจีบคุณ ก็ให้นายท่านคิดว่าพวกเรามีความเป็นไปได้ เขาอายุเยอะขนาดนี้แล้ว ให้เขามีเครื่องยังชีพได้ไหม?” เฟิงหานชวนพูดอย่างจริงจังมาก
สีหน้าของเป๋าฮวนยิ่งอยู่ยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ เธอจับหูลูบแก้ม ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตอบยังไง
ความหมายของเฟิงหานชวนชัดเจนมาก ก็คือให้เสแสร้งต่อหน้านายท่าน ทำเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่เลว มีความเป็นไปได้ที่จะคืนดีกัน
เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ลังเลนิดหน่อย “ฉัน…”
“ฮวนฮวน ผมจะไม่รบกวนคุณบ่อย นายท่านก็ไม่มีทางให้คุณมาที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงทุกวัน ดังนั้นไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” เฟิงหานชวนแทบจะพูดไม่ออก
หัวสมองของเป๋าฮวนมั่วเป็นปมไปหมด กว่าจะแยกแยะความคิดได้ จึงถามขึ้น “ความหมายของคุณก็คือ ต่อหน้านายท่าน ให้ฉันแกล้งทำเป็นอยากจะยอมรับคุณใช่ไหม?”
“อืม” เฟิงหานชวนตอบ
“…ตามใจคุณ” เป๋าฮวนพยักหน้า ถือว่าตอบรับแล้ว
ยังไงซะเธอจะไปถ่ายละครแล้ว น่าจะมาที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงไม่ได้แล้ว เฟิงหานชวนจะวุ่นวายยังไงก็ตามใจเถอะ
ถ้าหากการโกหกแบบนี้สามารถทำให้นายท่านอารมณ์ดี เธอก็ไม่สนใจที่เฟิงหานชวนจะใช้เธอเป็นหน้ากาก
“ฮวนฮวน ผมรู้ว่าคุณมีเมตตาที่สุด” ฝ่ามือใหญ่ของเฟิงหานชวนวางลงที่ท้ายทอยของหญิงสาว แล้วจูบลงบนหน้าผากของเธอ
เป๋าฮวนยุ่งเหยิงในทันที เธอรู้สึกตัว ก็ถลึงตาใส่เฟิงหานชวนทันที แล้วจี้ถาม “เฟิงหานชวน ฉันเคยพูดว่ายังไง? นายฟังไม่รู้เรื่องเหรอ? ต่อไปไม่ให้นายลงไม้ลงมืออีก!”
จริง ๆ เลย!
เธอแค่ตอบรับว่า “แกล้งทำเป็นยอมรับเขา” ไม่ใช่ว่ายอมรับเขา คือดีกับเขาจริง ๆ ทำไมถึงได้จูบแล้ว?”
นิสัยชอบแต๊ะอั๋งของเฟิงหานชวนไม่เปลี่ยนเลยสักนิด!
“ฮวนฮวน ผมมีความจำเป็นต้องเตือนคุณ แม้จะดูไร้ยางอายไปหน่อย” เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก แล้วพูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ “ผมไม่ได้ลงไม้ลงมือ ผมแค่ลงปาก”
เป๋าฮวนกระตุกมุมปาก เธอพ่นออกมาครึ่งเสียง “…เชี่ย”
“คุณเป็นกุลสตรี ต้องสำรวมหน่อย” เฟิงหานชวนยกมือลูบหัวของเธอ จากนั้นก็จับข้อมือของเธอ พาเธอไปเอารถ
และที่หน้าต่างห้องรับแขกของคฤหาสน์ เฟิงเหลยถิงยืนค้ำไม้เท้าอยู่ตรงนั้น
มองดูรถจี๊ปสีดำขับออกไป เขาเผยรอยยิ้มโล่งใจออกมา
แม่บ้านหลี่เดินเข้ามา ยิ้มแล้วพูด “นายท่านคะ ฉันก็เห็นแล้วค่ะ ฉันคิดว่าในใจของฮวนฮวนยังมีคุณชายสามอยู่แน่ เพียงแค่ต้องการเวลานิดหน่อย”
“ใช่ เจ้าสามสู้อย่างหนัก ก็น่าจะมีความหวัง ฉันอยากจะเห็นลูกของเจ้าสามเกิดมา ในตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ แบบนี้ฉันถึงจะมีหน้าไปเจอแม่ของเขา” เฟิงเหลยถิงขอบตาแดงขึ้น
แม่บ้านหลี่ถอนหายใจ พูดเกลี้ยกล่อม “นายท่านค่ะ ร่างกายของท่านยังแข็งแรงอยู่ อย่าคิดเยอะไปเลยค่ะ ออกกำลังกายเยอะ ๆ ทุกวัน แล้วก็ทานยา คุณยังวัยรุ่นอยู่เลย!”
“ฉันอายุเท่านี้ยังไม่แก่นะ แต่สามปีมานี้ดูเจ้าสามใช้ชีวิตยากลำบากขนาดนั้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นเยอะเลย” เฟิงเหลยถิงแอบถอนหายใจ ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น “เมื่อเห็นว่าฮวนฮวนกลับมาแล้ว ฉันสบายขึ้นเยอะ บางทีฉันควรจะหาหญิงสาวสักคนมาดูแลฉัน”
แม่บ้านหลี่ “…”
จู่ ๆ ก็หมดคำพูด
…
สถานที่ทานอาหารเย็นที่เวินซือเหยี่ยนอยู่ในร้านหม้อไฟเนื้อวัวระดับหรู
ที่ตั้งของร้านหม้อไฟนี้ค่อนข้างจะไกล ไม่ได้อยู่ในเมือง แต่สภาพแวดล้อมรอบด้านค่อนข้างเงียบ เหมาะสำหรับการเจรจากัน
เฟิงหานชวนจอดรถตรงที่จอดรถกลางแจ้ง เป๋าฮวนปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วโบกมือลาเขา “ขอบคุณค่ะ ฉันลงรถแล้ว บายบาย”
ในเมื่อเวินซือเหยี่ยนเลี้ยงอาหารเธอ เธอจึงไม่ได้ชวนเฟิงหานชวน อีกอย่างเธอกับเวินซือเหยี่ยนมีเรื่องสำคัญจะคุยกัน
“อืม” เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรเยอะ เพียงแค่ตอบรับคำเดียว
หลังจากเป๋าฮวนลงจากรถ ก็เข้าไปในร้านหม้อไฟคนเดียว จากการนำทางของพนักงานเสิร์ฟ เดินเข้าไปข้างใน
ในไม่ช้า เธอก็เห็นเวินซือเหยี่ยน เวินซือเหยี่ยนสวมชุดลำลอง นั่งอยู่ด้านในสุด