“ฮ่าฮ่าฮ่า…บอกคุณแล้วจะได้อะไร? ชีวิตของฉันพังทลายหมดแล้ว! พังพินาศถึงที่สุด…” เสียงแหบของหลิ่วเยว่เอ่อร์คมชัดขึ้น เหมือนเสียงเลื่อยยนต์กำลังคำราม
น่ารำคาญเป็นอย่างมาก
เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึม เขาพบว่าในเมื่อเรื่องไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดแบบนั้น
ที่แท้ฮวนฮวนของเขาไม่ได้ทิ้งเขาไปง่ายขนาดนั้น
“ถ้าหากพูดออกมาว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ฉันจะให้คนคืนทุกอย่างให้กับเธอ” ดวงตาเย็นชาดุดน้ำแข็งคู่นั้นของเฟิงหานชวน มองไปที่หลิ่วเย่ว์เอ่อร์อย่างเคร่งขรึม
หลิ่วเยว่เอ่อร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นประสานสายตาเข้ากับเฟิงหานชวนพอดี เธอตกใจจนสั่น แล้วส่ายหัวอย่างหวาดกลัว “ตอนนั้นฉันโกหกคุณ แค่เรื่องนี้ สิ่งที่ฉันชดใช้ก็เยอะมากพอแล้ว…นอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่นฉันไม่ได้ทำอะไรเลย…”
“หลิ่วเย่ว์เอ่อร์ ตอนนั้นที่ฉันเกิดอุบัติเหตุ เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ห้องคนไข้ห้องไหน? แล้วมาหาฉันได้ยังไง?” เป๋าฮวนจี้ถามทันที
ตอนนั้นเธอขาดการติดต่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ไปแล้ว จากความสามารถของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ไม่มีทางสืบหาห้องคนไข้ของเธอได้ และก็ไม่น่ารู้เรื่องที่เธอเกิดอุบัติเหตุ
ก่อนหน้านี้ที่เธอคิดมาโดยตลอดว่าเฟิงหานชวนกับหลิ่วเยว่เอ่อร์มีอะไรกัน ดังนั้นหลิ่วเยว่เอ่อร์จึงรู้ข่าวมาจากเฟิงหานชวน
“เฉินฮวนฮวน ถ้าฉันพูดว่าฉันไม่รู้ เธอจะเชื่อไหม?” หลิ่วเยว่เอ่อร์เคลื่อนสายตาจากเฟิงหานชวนมาที่เป๋าฮวน
เป๋าฮวนมองดูเงียบ ๆ เธอสามารถดูออกได้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้โกหก เหมือนกับหลิวหลี่ถง พวกเธอสองคนไม่ได้โกหก
“ฉันเชื่อ แต่เธอลองคิดดูให้ละเอียด สามปีก่อน ได้เจอคนแปลกประหลาดอะไรไหม?” เป๋าฮวนพูดเสียงเข้ม
เธอไม่เชื่อว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่มีจุดเล็ดลอด ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามพุ่งมาที่เธอกับเฟิงหานชวน ถ้างั้นก็ต้องมีจุดเล็ดลอดอยู่บ้าง
หลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ฟังคำพูดของเป๋าฮวน เหมือนในหัวจะคิดอะไรขึ้นมาได้ทันที เธอขมวดคิ้ว แล้วลุกขึ้นมา พยักหน้าพูด “มี มีอยู่คนหนึ่งไปหาฉันที่บ้านเกิด เขาแปลกประหลาดมาก ดังนั้นฉันยังจำได้…”
“ประหลาด? ประหลาดยังไง?” เป๋าฮวนจี้ถามทันที ใจเต้นจนถึงลำคอ
หลิ่วเยว่เอ่อร์เห็นท่าทางกังวลของเป๋าฮวน จู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา เธอยิ้มถามพวกเขา “เฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวน ถึงฉันจะพูดออกมาแล้วยังไง ยังไงฉันก็ยังต้องอยู่ในคุกต่อไป?”
เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าดุดันมาก
เขาไม่ชอบถูกคนข่มขู่ แต่เวลาสำคัญตอนนี้ เขาทำได้เพียงคล้อยถามหลิ่วเยว่เอ่อร์
“พูดออกมา ฉันจะให้คนปล่อยเธอไป ให้คฤหาสน์เธอ ให้เงินเธอห้าล้าน เป็นยังไง?” เขาหัวเราะเยือกเย็น
ตอนนั้นที่หลิ่วเยว่เอ่อร์มาหาเขาแทนเป๋าฮวน ก็แค่อยากได้ความมั่งคั่ง แค่เพียงเธอสามารถบอกเบาะแสได้ แน่นอนว่าเขาสามารถตอบสนองเธอได้
“จริงเหรอ?” จู่ ๆ ดวงตาเหม่อลอยของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็เป็นประกายในทันที เดิมทีเธอที่เหมือนจะหมดแรงตาย ค่อย ๆ มีแรงขึ้นมา
“รักษาสัญญา” เฟิงหานชวนพูดเสียงเข้ม
“ตกลง ฉันหวังว่าคุณจะไม่โกหก” หลิ่วเยว่เอ่อร์ยืนตัวตรง เดินไปที่หน้าราวกั้น แล้วพูดจริงจัง “สามปีที่แล้ว ฉันถูกส่งกลับมาเกิดจากคุก ตอนนั้นฉันกลัวมากว่านายจะลงโทษฉันอีก ระแวดระวังจนไม่เป็นอันทำอะไร แล้วญาติที่บ้านเกิดก็ไม่รู้ว่าฉันถูกไล่ออกจากมหาลัย จึงคิดว่าฉันกลับไปพักฟื้นร่างกายที่บ้าน”
“ฉันอยู่บ้านแบบมึนงงทุกวัน ที่ฉันจำได้แม่นก็คือวันนั้นฉันทะเลาะกับพ่อ ตอนที่ออกไปสงบสติอารมณ์ ก็ได้เจอกับชายสวมหน้ากากคนหนึ่ง”
“ผู้ชายคนนั้นถามฉันว่าใช่หลิ่วเยว่เอ่อร์ไหม แล้วยังบอกฉันอีกว่าเฉินฮวนฮวนเกิดอุบัติเหตุ แต่ภายหลัง ฉันก็ไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว รอให้ฉันตื่นมา ฉันก็อยู่ในห้องคนไข้ของเฉินฮวนฮวนแล้ว!”
“ชายสวมหน้ากาก? เธอไม่ได้เห็นหน้าตาของเขา?” เป๋าฮวนรอไม่ไหวที่จะถาม
เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้พุ่งหาเธอ แต่เธอไม่น่าจะเคยมีเรื่องอะไรกับใคร นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“ไม่เห็น แต่เขารูปร่างไม่สูง ค่อนข้างเตี้ยง น่าจะไม่ถึง 170 ใส่เสื้อโค้ตอังกฤษตัวหนึ่ง เสียงน่าจะเป็นเสียงเดิม…ถ้าหากฉันได้เจอเขาอีก ได้คุยกับเขา ฉันน่าจะจำได้” หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้โกหก นี่คือความทรงจำเดียวขอเธอ
“ชายหนุ่มตัวเตี้ย…” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ผู้ชายที่เธอรู้จักไม่เยอะ ยิ่งไม่รู้จักชายหนุ่มตัวเตี้ยแบบนี้
“หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอรู้สิ่งที่ต้องได้รับของการโกหก” เฟิงหานชวนพูดเตือน น้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างมาก
หลิ่วเยว่เอ่อร์ส่ายหน้าอย่างแรง ท่าทางของเธอตอนนี้จริงจังมาก คำพูดก็ซื่อสัตย์เป็นพิเศษ เพราะว่าเงื่อนไขที่เฟิงหานชวนให้เธอดีจริง ๆ ถ้าหากเธอช่วยพวกเขาหาชายคนนั้นเจอ เธอก็สามารถออกไปจากคุกได้ ได้ใช้ชีวิตดี ๆ แล้ว!
“ฉันรู้ คุณเฟิง ตอนนี้ฉันไม่กล้าพูดโกหก และก็ไม่อยากโกหก ฉันหวังว่าพวกคุณจะรีบหาตัวคนคนนั้นเจอ แบบนี้แล้วฉันก็สามารถออกจากคุกได้ ฉันไม่มีทางโกหกพวกคุณแล้ว!”
“ฉันจะให้คนพาพวกเธอออกไป แต่จะมีคนของฉันคอยสอดส่องพวกเธอ ถ้าหากนึกเบาะแสอะไรได้ จะต้องพูดออกมาทันที” เฟิงหานชวนพูดสั่ง
…
ในตอนที่เดินออกมาที่ประตูใหญ่ของคุก ด้านนอกมืดแล้ว
เป๋าฮวนเคยชินกับการนั่งที่นั่งข้างคนขับ เมื่อเฟิงหานชวนขึ้นรถ เธอพูดขึ้น “ส่งฉันกลับโรงแรมตี้ฮวงเถอะ”
“อืม” เฟิงหานชวนตอบรับเบา ๆ โดยที่ไม่ได้อะไรอีก แล้วสตาร์ทรถมายบัคสีดำ
“เรื่องนี้ต้องมีคนพุ่งเป้ามาที่ฉัน แต่…ไม่รู้ว่าพุ่งเป้ามาที่ฉัน หรือว่าคุณ…” เมื่อครู่เป๋าฮวนคิดจนหัวระเบิด แต่ก็คิดไม่ออกว่าตัวเองมีเรื่องกับผู้ชายที่ไหน
งั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าฝ่ายตรงข้ามพุ่งเป้าไปที่เฟิงหานชวน
ในเมื่อดูไปแล้วเหมือนเฟิงหานชวนจะมีศัตรูอยู่บ้าน สามปีที่แล้วอุบัติเหตุที่บลูส์คลับ เป็นเพราะเฟิงหานชวนถูกคนวางยา
“น่าจะเป็นผม” เฟิงหานชวนรู้ว่าเขาสร้างศัตรูนับไม่ถ้วน
แต่เขาคิดไม่ถึงตรงที่ ฝ่ายตรงข้ามพุ่งเป้าไปที่ฮวนฮวนของเขา ทำให้เขากับฮวนฮวนต้องแยกจากกันสามปี
บัญชีนี้ เขาจำเป็นต้องคิดคำนวณให้ดี
“ตอนนี้สำคัญที่สุดก็คือหาให้ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร” เป๋าฮวนพูดจบ ก็เอนหัวไปด้านหลัง กะว่าจะงีบหลับสักครู่
จู่ ๆ เธอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วเงยหน้าขึ้นทันที แล้วหันหน้าไปถามชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่อย่างตะลึง “เฟิงหานชวน ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามคือศัตรูของคุณ งั้นสามปีมานี้ ได้เจออันตรายบ้างไหม? เกิดเรื่องอะไรขึ้นไหม?”
ถ้าหากเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามพุ่งไปที่เฟิงหานชวน งั้นตอนที่หนีไปสามปีมานี้ ฝ่ายตรงข้ามน่าจะไม่หยุดมือ
ถ้าหน้าเป็นไฟแดงพอดี เฟิงหานชวนค่อย ๆ จอดรถลง เขาหันหน้ามา ประสานสายตามกับหญิงสาวที่อยู่ตรงข้าม
เขายิ้มบางพูดขึ้น “ฮวนฮวน คุณกำลังเป็นห่วงผมเหรอ?”