“ฉันพักโรงแรม” เป๋าฮวนตอบความจริงกลับไป : “บอดี้การ์ดของฉันจองโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
หลังจากลงเครื่อง เธอก็ตามเฟิงหานชวนไปยังบ้านตระกูลเฟิง ส่วนจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งก็ไปพักผ่อนที่โรงแรมแล้ว
“โรงแรมไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ผมจึงไปพักคอนโดใจกลางเมือง มีแม่บ้านทำความสะอาด และยังพาบอดี้การ์ดไปพักที่นั่นได้อีกด้วย ถึงอย่างไรก็เหลือเวลาเปิดกล้องอีกไม่กี่วันแล้ว หลังจากเริ่มถ่ายทำทีมงานในเมืองเหิงซื่อก็ต้องจองโรงแรมที่อยู่ละแวกใกล้เคียง”
น้ำเสียงของเวินซือเหยี่ยนประดุจสายน้ำที่ใสสะอาด อ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และยังเกรงใจอยู่เล็กน้อยด้วย
“ไม่ต้องรบกวนหรอก อยู่โรงแรมก็ดีอยู่แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันก็พักโรงแรมนี่คะ” เป๋าฮวนรู้ว่าเวินซือเหยี่ยนเต็มใจช่วยเหลือ แต่เธอไม่อยากรบกวนคนอื่นจริง ๆ
“ไม่ได้รบกวนเลย คุณคิดว่าคอนโดเป็นโรงแรมก็ได้ เดี๋ยวกินหม้อไฟเสร็จแล้ว ผมจะพาคุณไป” เวินซือเหยี่ยนกลับยังตั้งใจมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ และพูดต่อว่า : “คุณช่วยผมเรื่องนี้ รับเล่นบทที่สำคัญนี้ชั่วคราว ไม่อย่างนั้นเกรงว่าละครเรื่องนี้คงจะเปิดกล้องไม่ได้แน่ คุณอย่าปฏิเสธผมอีกเลยนะครับ”
ในเวลานี้เป๋าฮวนเข้าใจในที่สุด ว่าอะไรคือความรู้สึกที่ยากจะปฏิเสธ
ในตอนที่เธอกำลังรู้สึกลำบากใจ เธอเตรียมจะตอบกลับไป แต่แล้วผู้ชายที่นั่งอยู่อีกด้านก็เอ่ยพูดขึ้นฉับพลันว่า : “ประธานเวิน ตอนกลานคืนฮวนฮวนต้องอยู่กับผม เราไม่ลำบากประธานเงินดีกว่า”
เป๋าฮวนหันไปมองเฟิงหานชวน : “???”
เธอต้องอยู่กับเขาตอนกลางคืน?
เธอไปตอบรับตั้งแต่ตอนไหน?
“ฮวนฮวน ประธานเวินเจตนาดีกับคุณ ผมรู้ว่าคุณคงจะไม่กล้าปฏิเสธ แต่เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าตอนกลางคืนผมจะพาคุณไปเรือนจำ จากนั้นก็พาไปยังคฤหาสน์ก่อนหน้านั้น” เฟิงหานชวนยื่นมือออกไปกุมหลังมือของผู้หญิงตรงหน้าไว้
ความอบอุ่นที่แผ่กระจายออกมาจากหลังมือ ทำให้เป๋าฮวนอึ้งงันไป
ไปเรือนจำ?
ไปเรือนจำทำไม?
หรือว่า…….ไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์?
เป๋าฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเกิดความสับสน ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงไปชั่วขณะ
เวินซือเหยี่ยนตั้งใจจะพาเธอไปคอนโดของเขา เฟิงหานชวนจะพาเธอไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์ในเรือนจำ….
“ซือเหยี่ยน คืนนี้ไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่า ฉันต้องไปเรือนจำกับเฟิงหานชวนจริง ๆ” เป๋าฮวนเลือกที่จะไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์ และเป็นการปฏิเสธเวินซือเหยี่ยนในเวลาเดียวกัน
ความตั้งใจของเธอก็คือ หลังจากที่เยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์เสร็จแล้ว เธอไม่สามารถกลับคฤหาสน์ไปพร้อมเฟิงหานชวน แต่จะกลับโรงแรมไปพร้อมกับฮ่องเต้คนนี้
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็จะไม่บังคับคุณ” เวินซือเหยี่ยนยิ้มด้วยความลำบากใจ แต่ในใจกลับรู้สึกผิดหวัง
แต่ในใจของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนเชื่อมั่นมาก
…..
หม้อไฟมื้อนี้ไม่มีความสุขเลยสักนิด บรรยากาศก็เย็นยะเยือกและอึดอัดใจไม่น้อย
หลังจากที่แยกกัน เฟิงหานชวนก็พาเป๋าฮวนไปเรือนจำ
เป๋าฮวนเคยมาเรือนจำเมื่อสามปีก่อน ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ดี ไม่นาน ผู้คุมก็พาพวกเขาไปยังหน้าห้องห้อง ๆ หนึ่ง
หลิ่วเยว่เอ่อร์และหลิวหลี่ถงอยู่ในห้องนี้ ทั้งสองคนผมเผ้ายุ่งเหยิง สวมชุดนักโทษสีฟ้า นอนอยู่บนพื้นที่ทั้งเก่าและสกปรก
สิ่งแวดล้อมในนี้แย่มาก มีแค่ช่องระบายอาการเล็ก ๆ เหนือสุดของกำแพงช่องเดียวเท่านั้น ซึ่งนั้นทำให้รู้สึกหดหู่และหายใจไม่ออก
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว หลิวหลี่ถงเงยหน้าขึ้นมาเป็นคนแรก เมื่อเธอเห็นผู้มาเยือนคือเฟิงหานชวนและเป๋าฮวน จึงรีบคลานไปยังหน้าคุกโดยไม่คิดทันที จากนั้นก็ตะโกนออกไปเสียงดังว่า : “ประธานเฟิง ให้อภัยฉันเถอะนะ ปล่อยฉันออกไปเถอะ…….”
เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของหลิวหลี่ถง วินาทีที่หันหน้าไปมอง ร่างทั้งร่างก็อึ้งงันไป
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายของเฟิงหานชวน เหมือนกับเฉินฮวนฮวนไม่มีผิด……..
“อ๊า!!!” หลิ่วเยว่เอ่อร์จับศีรษะพร้อมกับกรีดร้อง : “คุณยังไม่ตาย! คุณยังไม่ตายจริง ๆ !”