เป๋าฮวนสังเกตท่าทางดูมีความสุขและภูมิใจในตัวเองของเฟิงหานชวนอยู่เงียบ ๆ เธอคิดว่าเฟิงหานชวนคงจะเล่นงานสำเร็จแล้ว ความภูมิใจที่ก่อเกิด ได้หยุดชะงักแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ
“เฟิงหานชวน คุณ….ต่อไปถ้าคุณกล้าทำเรื่องแบบนี้อีก คุณจะได้เห็นดีกันแน่!” เป๋าฮวนขู่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับยกเข่าของตัวเองขึ้นมา
เธอเอื้อมมือไปชี้ที่เข่าของตัวเอง และขู่อีกครั้งว่า : “คุณรู้ไหม เข่าข้างนี้ทำอะไรได้บ้าง คุณน่าจะเคยสัมผัสมาแล้ว”
เฟิงหานชวนรู้สึกเย็นสะท้านในทันที
“ฮวนฮวน พูดกันดี ๆ ก็ได้” เขารีบยกมือยอมแพ้
นี่เกี่ยวกับความสุขอีกครึ่งชีวิตที่เหลือของทั้งสองคนเลยทีเดียว ดังนั้นในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ เขาจึงต้องยอมอ่อนข้อ
ถึงอย่างไรเป๋าฮวนในตอนนี้ก็เป็นนกฮูกตัวน้อยที่แสนดุร้าย ไม่ควรเข้าไปยั่วโมโห ขืนไปยั่วยุเข้า คงจะโต้กลับมาอย่างรุนแรงทันทีแน่ ๆ งั้น……ไม่ลองดีกว่า
“ฉันพูดดี ๆ ก็ได้ ก่อนอื่นคุณต้องปรับทัศนคติให้ดีเสียก่อน” เมื่อเป๋าฮวนเห็นเฟิงหานชวนยอมจำนน จึงตะโกนออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ
“อื้อ ผมปรับทัศนคติให้ดีแล้ว” เฟิงหานชวนพยักหน้า และพูดด้วยความซื่อตรง
เป๋าฮวนกลอกตาไปทางเขาแวบหนึ่ง ปากบอกว่าปรับทัศนคติให้ดี? เรื่องที่เขาทำ ไม่มีความถูกต้องสักนิด
“เอาละ คุณลากฉันออกมาแบบนี้คงอยากจะพูดเรื่องนั้นใช่ไหม? ในเมื่อพูดจบแล้ว งั้นฉันไปล่ะ” เป๋าฮวนไม่อยากอยู่ในห้องนี้นานนัก
เธอกลัวว่าถ้าขืนตัวเองอยู่ต่อไป คงจะยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่ แบบนี้คงจะกวนใจของเธอไม่น้อย
“ฮวนฮวน อย่าไป!” เฟิงหานชวนรีบคว้าแขนของเธอไว้ จากนั้นก็ดึงเธอกลับมาตรงหน้าของตัวเองอีกครั้ง
ภายใต้เหตุการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว ทำให้เป๋าฮวนล้มเซมาอยู่ในอ้อมอกของผู้ชายคนนี้ เธอเงยหน้ามองเขาและถามขึ้นว่า : “คุณจะพูดอะไรกันแน่?”
“เจิ้งจือหาวคนนั้น สรุปเป็นยังไงกันแน่?” เฟิงหานชวนไม่ทนอีกต่อไป โพล่งถามออกทันที
“หา? เจิ้งจือหาว?” เป๋าฮวนถามขึ้นอย่างหมดปัญญา
ผ่านมาขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้ยังจะอิจฉาคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง หึงไปทั่วอีกเหรอเนี่ย!
“อื้อ ก็คุณบอกว่าเขาตามจีบคุณ มันเป็นยังไงกันแน่?” เมื่อเห็นเป๋าฮวนไม่ตอบ เฟิงหานชวนจึงถามอีกครั้ง
เป๋าฮวนกลอกตาไปมาด้วยความโกรธเคือง และพูดอย่างจนปัญญาว่า : “เรื่องเมื่อ 3 ปีก่อนฉันจำไม่ได้แล้ว ขนาดชื่อของเขาฉันยังลืมเลย แล้วคุณกลับมาถามฉันว่าเรื่องเป็นมายังไง?”
“คุณจำได้ คุณบอกว่าเขาตามจีบคุณ” เฟิงหานชวนยังคงพูดอย่างหนักแน่น
เป๋าฮวน : “………”
“ฮวนฮวน คุณจะไม่ยอมบอกผมใช่ไหม?” เมื่อเฟิงหานชวนเห็นเป๋าฮวนไม่ยอมพูด จึงเกิดความกระวนกระวายใจราวกับมดที่ดิ้นพล่านอยู่ในกระทะร้อนอยู่ในใจ อยากจะรู้ความจริงจนแทบทนไม่ไหว
ทรมานใจอย่างมาก
“ไม่ใช่ฉันไม่อยากบอกคุณ แต่ฉันไม่มีความประทับใจแรกอะไร…เดี๋ยวนะ ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย? คุณเป็นอะไรกับฉันไม่ทราบ?” เป๋าฮวนผลักเขาออกไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “เฟิงหานชวน คุณรู้แก่ใจดี ตอนนี้เราเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายเรื่องของฉัน และไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องนั้นเรื่องนี้กับฉันด้วย”
เฟิงหานชวนไม่มีเหตุผลโต้แย้ง : “……….”
วินาทีต่อจากนั้น เขาก็พูดออกไปตรง ๆ ว่า : “ฮวนฮวน ผมคือคนรักของคุณ ผมย่อมถามสถานการณ์ของคู่แข่งจากคุณได้ คุณจะบอกผมหรือไม่ ก็แล้วแต่คุณ ผมไม่บังคับให้คุณบอกผมหรอก”
เป๋าฮวน : “……พูดดูมีเหตุผลดี”
เฟิงหานชวน : “ไม่ใช่แค่ดู แต่มันคือเหตุผลจริง ๆ ”
เป๋าฮวน: “……สู้คุณไม่ได้หรอก พ่อคนฉลาด”
เฟิงหานชวน : “ไม่ใช่ฉลาด แต่แคร์”
เป๋าฮวน : “….คำพูดหวานเยิ้ม ไม่มีใครเทียบคุณได้จริง ๆ ”
เฟิงหานชวน : “ปฏิบัติแบบนี้กับคุณแค่คนเดียว”
เป๋าฮวนปรายตามอง จนกระทั่งปะทะเข้ากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความลึกล้ำของผู้ชายตรงหน้า เธอกำลังจะเบนสายตาของตัวเองไปทางอื่น แต่ไม่รู้ทำไม กลับเบนหนีไม่ได้
ทั้งสองคนมองตาของอีกฝ่าย จ้องเขม็งกันอย่างไม่ลดละ
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”
แต่ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ใคร?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น
บรรยากาศที่คงรักษาไว้อย่างยากลำบาก ถูกรบกวนจนไม่เหลือชิ้นดี
“อาสาม ฮวนฮวน ฉันเอง!” เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเริงร่า
เฟิงหานชวน : “…….”
“เข้ามา” น้ำเสียงเคร่งขรึมดังขึ้น
วินาทีต่อจากนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก เฟิงเฉินเหยี่ยนก็พรวดพราดเข้ามา เมื่อเห็นทั้งสองคนยืนตรงข้ามกัน ขาของเขาก็หยุดชะงักลง พร้อมกับเกาศีรษะด้วยความลำบากใจ ก่อนจะถามออกไปว่า : “ฉัน….มารบกวนทั้งสองคนรึเปล่า?”
“แล้วนายว่าไงละ?” สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลง พร้อมกับเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย
“งั้นฉันออกไปก่อน?” เฟิงเฉินเหยี่ยนยิ้มอย่างโง่เขลา
เป๋าฮวนดูออกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนกำลังยิ้ม เธอจึงรีบเอ่ยปากถามว่า : “อาเยี่ยน นายมาหาเรามีธุระใช่ไหม?”
“ใช่! ฮวนฮวน เมื่อกี้ฉันอยู่ในอาการตกใจ แต่ตอนนี้ฉันปรับตัวได้แล้ว นึกไม่ถึงว่า เธอยังมีชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนดีใจมากจริง ๆ เขาเดินมาตรงหน้าของเป๋าฮวน มองพิจารณาใบหน้าของเธอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นก็มองต่ำลง และพูดด้วยความตื่นตกใจว่า : “ยังมีชีวิตจริง ๆ ด้วย!”
เมื่อเห็นสายตาที่ก้มมองต่ำของเฟิงเฉินเหยี่ยน นัยน์ตาของเฟิงหานชวนก็เคร่งขรึมลง จากนั้นก็รีบดึงตัวของเป๋าฮวนไปด้านหลังของตัวเอง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ในเมื่อเห็นแล้ว ก็ไสหัวออกไปได้แล้ว”
“ไม่ใช่สิ อาสาม คุณเพิ่งพาฮวนฮวนกลับมา ครอบครัวของเราก็อยู่ชั้นล่าง คุณจะร้อนใจไปทำไม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนแสดงสีหน้าดูถูกถากถางทันที จากนั้นก็แบะปากและพูดว่า : “กินเจมาสามปี คงจะอยากกินเนื้อสัตว์แทบไม่ไหวแล้วละสิ?”
เป๋าฮวนไม่ได้เป็นเด็กที่ไร้เดียงสา ย่อมรู้ว่าความหมายของเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นอย่างดี เธอเกร็งนิ้วเท้าด้วยความกระวนกระวายใจ เฟิงเฉินเหยี่ยนคนนี้ยังคงนิสัยปากโป้งและขี้อวดไม่เปลี่ยนจริง ๆ
“นายเข้าใจผิดแล้ว เขาแค่มาคุยกับฉันเท่านั้น ไม่ได้เป็นแบบที่นายคิดสักหน่อย” เป๋าฮวนกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “อีกอย่างอาเยี่ยน เรื่องที่ฉันพูดกับนายท่านบนโต๊ะอาหาร นายก็น่าจะได้ยินแล้วนี่?”
เธอหมายถึงความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวน ไม่ใช่สามีภรรยากันอีกแล้ว เธอไม่อยากเป็นคนของตระกูลเฟิงอีกแล้ว
เธอคือเป๋าฮวน ไม่ใช่เฉินฮวนฮวน
“เอ่อ….” เฟิงเฉินเหยี่ยนเกาศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางโง่เขลาว่า : “ได้ยิน ฉันได้ยินแล้ว แต่ฉันเหลือบเห็นพวกเธอสองคนขึ้นมาคุยกันชั้นบนเป็นการส่วนตัว จึงคิดว่าพวกเธอคงจะดีกันแล้ว!”
“เปล่าซะหน่อย” เป๋าฮวนส่ายหน้า จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว ไว้มีโอกาสนัดเจอกันใหม่ ถึงอย่างไรเราก็เป็นเพื่อนกัน”
เฟิงเฉินเหยี่ยนอึ้งงันไป : “อ่า? ฮวนฮวน เธอจะกลับแล้วเหรอ? ฉันคิดว่าเธอโกรธอาสาม เธอก็เลยยอมกลับมา ยอมที่จะกินข้าวที่บ้านเก่า ฉันคิดว่า…”
สีหน้าของเฟิงเฉินเหยี่ยนแปรเปลี่ยนเป็นผิดหวัง เขารีบมองไปทางเฟิงหานชวนทันที จากนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า : “อาสาม คุณไม่คิดจะรั้งฮวนฮวนไว้หน่อยเหรอ?”
เฟิงหานชวน : “……”
เขากำลังจะรั้ง แต่ถูกเจ้าหมอนี้เข้ามาขัดจังหวะไง
“อาสาม คุณมากับผม!” เฟิงเฉินเหยี่ยนดึงแขนของเฟิงหานชวนโดยไม่สนใจใคร ลากเขามายังห้องพักแขกที่อยู่ถัดไป
แถมยังล็อกประตูอย่างแน่นหนาอีกด้วย
เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “อาสาม ทำไมคุณได้โง่แบบนี้!”
เฟิงหานชวนเลิกคิ้วสูง : “?”
“สาเหตุที่ฮวนฮวนแกล้งตายในตอนแรก นั้นเป็นเพราะเกลียดคุณที่คุณหลอกลวงเธอ ในเมื่อเธอยอมกลับมากินข้าวที่บ้านกับคุณ นั้นก็ย่อมหมายความว่าเธอรู้สึกกับคุณแน่นอน คุณ..คุณไม่ได้รุกก่อนสักนิดเลยเหรอ?” น้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่สบอารมณ์กับความไม่เอาถ่านของอีกฝ่ายนัก
เฟิงหานชวน : “…..นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่รุกก่อน?”
เฟิงเฉินเหยี่ยนเห็นอาสามยังคงนิ่งสงบแบบนี้ ราวกับจักรพรรดิผู้ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนก็ยิ่งร้อนใจ เขาจึงรีบพูดขึ้นด้วยความเป็นกังวลว่า : “คุณไม่ได้กินเนื้อ ย่อมรู้ว่าคุณไม่มีทางรุกก่อนแน่!”
นัยน์ตาของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลง จากนั้นท่าทางรุกหาที่เย้ายวนใจของเป๋าฮวนก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียงแหบไปชั่วขณะ ร่างกายเกิดอาการเกร็งอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้กินเนื้อ?”