เห็นเป๋าฮวนเงียบไป เฟิงหานชวนมั่นใจว่าเป๋าฮวนพูดจริง ๆ
“ความสัมพันธ์ของคุณกับพวกเขาดีถึงขนาด…เรื่องแบบนี้ก็คุยกันได้?” เสียงของเขาเย็นชามาก และดูเหมือนจะมีร่องรอยของความโกรธอยู่
“เอ่อ” รอบนี้เปลี่ยนเป็นเป๋าฮวนที่ขายขี้หน้า
ไม่เพียงแค่เสียหน้า ใจฝ่อ แถมอารมณ์เสียกับความวู่วามของตัวเอง เมื่อหัวร้อนก็เผลอพลั้งปากไป
“คุณกับคุณลุงของคุณ มีความสัมพันธ์อะไรกัน?” เฟิงหานชวนดวงตาเคร่งขรึม สีหน้าเผยความดุดันขึ้น
ไม่เพียงแค่มีเวินซือเหยี่ยน ยังมีเป๋าเฉินอีกคน?
จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่ง เขารู้สึกว่าไม่ใช่สเปคของเป๋าฮวน อาจจะเป็นเพราะทั้งสองเป็นบอดี้การ์ดติดตัว ดังนั้นเป๋าฮวนอาจจะมีความสนิทสนมกับพวกเขา ไม่มีอะไรที่คุยกันไม่ได้
แต่เป๋าเฉิน…
“ฉันกับคุณลุงของฉัน เป็นอะไรกัน?” เป๋าฮวนงุนงง ถามขึ้นอย่างหมดคำพูด “คุณพูดเองว่าฉันกับคุณลุงของฉัน คุณว่าเป็นอะไรกันล่ะ? แน่นอนว่าเป็นลุงกับหลานสาวกัน!”
เป๋าฮวนสงสัยว่าเฟิงหานชวนถูกเธอทำให้โมโหจนโง่ไปแล้วเหรอ ถึงได้ไม่ชัดเจนกับปัญหาการนับญาติ
“ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่ลุงแท้ ๆ ของคุณ เป็นเพียงแค่ลูกบุญธรรมของคุณตาของคุณ คุณชอบเขาเหรอ?” เฟิงหานชวนเอ่ยปากตรง ๆ โดยไม่ลังเล เขาต้องทำให้ชัดเจน
เป๋าฮวนอึ้งก่อน จากนั้นบนหัวก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“???”
“อะไรนะ? เฟิงหานชวน คุณพูดว่าฉันชอบคุณลุงของฉัน?”
“เฟิงหานชวน หัวสมองของคุณแม่งบ้าไปแล้วเหรอ!”
เป๋าฮวนโมโหจนสบถคำหยาบออกมา
ถึงแม้จะพูดว่าเธอกับเป๋าเฉินจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่สำหรับเธอแล้วเป๋าเฉินก็คือคุณลุงแท้ ๆ ของเธอ คุณตาก็เห็นเป๋าเฉินเป็นลูกชายแท้ ๆ
อีกอย่างสองวันมานี้เธอกับเป๋าเฉินก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน เป๋าเฉินปรากฏตัวขึ้นตอนที่เฟิงหานชวนสลบไปเท่านั้น ทั้งสองยังไม่ได้เจอกันอย่างเป็นทางการ
ทำไมเฟิงหานชวนได้พูดมั่วขนาดนี้นะ?
เห็นปฏิกิริยาตอบสนองที่โมโหเป็นอย่างมากของเป๋าฮวน ก้อนหินที่ทับหัวใจของเฟิงหานชวนตกลงสู่พื้นในทันที
ดีมาก เป๋าฮวนน่าจะไม่ชอบเป๋าเฉิน ความสัมพันธ์ระหว่างลุงกับหลานสาวเท่านั้นแหละ
“งั้นก็ดี ผมเข้าใจผิดแล้ว” เฟิงหานชวนถอนหายใจ
“เข้าใจผิด? เพราะความเข้าใจผิดของนาย ก็สามารถพูดมั่ว ๆ ได้เหรอ?” เป๋าฮวนโมโหจนกัดฟัน ยื่นสองมือออกมาบีบคอชายหนุ่มไว้
เฟิงหานชวนเห็นแบบนี้ จึงถือโอกาสโอบเอวของเป๋าฮวนไว้ ออกแรงยกขึ้นให้เธอควบนั่งบนหน้าขาของตัวเอง
เป๋าฮวนก้มหน้ามอง “???”
วินาทีต่อมาในตอนที่เธอเงยหน้าขึ้น เห็นหน้าขุ่นมัวของชายหนุ่มพอดี
ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธแล้ว?
เชอะ คนที่ควรจะโกรธเป็นเธอถึงจะถูก!
“ฮวนฮวน คุณเป็นแบบนี้มาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?” ดวงตาดำดุดสระน้ำเย็นจ้องมองเธอด้วยความสงสัย
จู่ ๆ เป๋าฮวนก็อึ้งไป คิดได้ถึงเรื่องต่าง ๆ เมื่อก่อน จู่ ๆ ก็สูญเสียความเย่อหยิ่งไป รัศมีรอบตัวหายไปในทันที
“คุณชอบเข้าใจผมผิดมาโดยตลอด ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้คุณน่าจะเข้าใจแล้วว่ารสชาติที่ถูกคนอื่นเข้าใจผิดเป็นยังไง?” เฟิงหานชวนยังคงจ้องมองเขา น้ำเสียงเคร่งขรึม เหมือนเน้นถามกลับ
เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ก้มหน้าก้มตา คำพูดที่อยากจะสั่งสอนเฟิงหานชวนเมื่อครู่ ถูกลืมไปตั้งนานแล้ว
ในสมองมีแต่ฉากที่เคยเข้าใจเฟิงหานชวนผิด
เธอเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร สองมือที่บีบคอของชายหนุ่มไว้ ก็ค่อย ๆ คลายออก จากนั้นก็วางมือลงไว้ข้างกาย
“ฮวนฮวน อันที่จริง…เมื่อกี้แวบหนึ่งนั้น จู่ ๆ ผมก็เข้าใจเหตุผลหนึ่ง” สองโมของเฟิงหานชวนโอบเอวบางของหญิงสาวไว้
เป๋าฮวนถูกบังคับให้ใกล้ชิดเขา แต่กลับลืมขัดขืน แล้วถามเขาด้วยจิตใต้สำนึก “เหตุผลอะไร?”
“เพียงแค่สนใจคนคนหนึ่ง ถึงอดไม่ได้ที่จะคิดเยอะ สุดท้ายถึงได้เข้าใจผิด จากความเข้าใจผิดสู่การแก้ไขความเข้าใจผิด เป็นกระบวนการอย่างหนึ่ง”
เป๋าฮวนอึ้งในทันที
และในตอนนี้ ที่ประตูห้องบนเครื่องบิน แอบถูกแง้มออก คนที่แอบดูอยู่ ได้เห็นภาพด้านในห้อง ก็ถลึงตาโต
เขาหันตัวกลับ เดินไปทางชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังอย่างตื่นเต้นแล้วพูดขึ้น “อามั่ว ไม่ได้การแล้ว! คุณหนูใหญ่กับเฟิงหานชวนเปลี่ยนท่วงท่าอีกแล้ว เกรงว่าพวกเขาจะเอาจริงบนเครื่องบินแล้ว! คุณหนูใหญ่หิวกระหายเกินไปแล้ว”
เป๋าฮวน “?”
เฟิงหานชวน “?”
เฟิงหานชวนเอนคอมองดูเป๋าฮวน และเป๋าฮวนก็มองดูเขา ทั้งสองมองหน้าซึ่งกันและกัน ใบหน้างุนงง
จากนั้นเหมือนกับคิดได้ถึงประโยคสุดได้ เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก พูดทำปาก “คุณ หิวกระหายเหรอ?”
ใบหน้าของเขาดูดีอกดีใจเมื่อเห็นคนอื่นตกที่นั่งลำบาก
เป๋าฮวนสีหน้าเปลี่ยน แน่นอนว่าเธอฟังออกว่าเสียงเมื่อสักครู่คือเสียงของจิ่งเหลิ่ง และเห็นได้ชัดว่าจิ่งเหลิ่งแอบดูพวกเขา ไม่อย่างงั้นจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาเปลี่ยนท่วงท่า
วินาทีต่อมา ก็ได้ยินเป๋าฮวนตะคอกออกมา “จิ่งเหลิ่ง นายไสหัวเข้ามาเดี๋ยวนี้…”
หลังจากเสียงตะโกน ในห้องโดยสารเข้าสู่ความเงียบหนึ่งนาที
จากนั้น จิ่งเหลิ่งเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว ส่วนเป๋าฮวนเป็นเพราะโมโหมาก จึงลืมว่าตัวเองยังนั่งควบอยู่บนขาของเฟิงหานชวน
จิ่งเหลิ่งก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร จนกระทั่งจิ่งมั่วเดินเข้ามา โค้งคำนับให้เป๋าฮวน แล้วพูดเตือน “คุณหนูใหญ่ครับ แค่กแค่ก”
เห็นจิ่งมั่วกระแอม เป๋าฮวนคิดเพียงว่าเขามาขอร้องตัวเอง เพราะยังไงจิ่งเหลิ่งก็คือน้องชายแท้ ๆ ของจิ่งมั่ว
เธอตำหนิอย่างเคร่งขรึม “อามั่ว เวลานี้แล้ว นายควรจะสั่งสอนน้องชายแสนดีของนาย นายยังจะคิดขอร้องแทนเขาอีก?”
”คุณหนูใหญ่ครับ ไม่ใช่ครับ ผมคิดว่าอาเหลิ่งควรจะโดนตีสักยก ผมไม่ได้คิดจะขอร้องแทนเขา แต่เป็น…” จิ่งมั่วยื่นกำปั้นออกมาไว้ที่ข้างปากของตัวเอง แล้วกระแอมอีกครั้ง
เป๋าฮวนยังโมโหอยู่ ไม่ได้สังเกตถึงความหมายของจิ่งมั่ว แล้วพูดขึ้น “นายไม่สบายเหรอ? ทำไมถึงไออยู่ตลอด? บนเครื่องน่าจะมียาแก้หวัด รีบไปกินสักสองสามเม็ด”
จิ่งมั่วพบว่าการเตือนที่คลุมเครือนั้นไร้ประโยชน์จริงๆ จึงพูดโดยตรง “คุณหนูใหญ่ครับ ท่านั่งของคุณ…รอให้พวกเราไปห้องด้านข้าง พวกคุณค่อย…แค่กแค่ก!”
จู่ ๆ เป๋าฮวนก็ตะลึง ในตอนที่หันหน้าไป ก็ประสานสายตากับเฟิงหานชวนอีกครั้ง แล้วก้มหน้ามองดู ท่านั่งนี้ของเธอ…
“ว้าย!”
เป๋าฮวนอุทาน แล้วรีบกระโดดลงมา เธอยืนขึ้น แก้มสองข้างร้อนผ่าวอย่างรวดเร็ว
ภายใต้สภาพเมื่อสักครู่ เธอคุยกับจิ่งมั่วจิ่งเหลิ่งอยู่ตั้งหลายประโยค มันน่าขายขี้หน้ามาก!
“คุณหนูใหญ่ ผมไม่ได้พูดผิดสักหน่อย คุณ…คุณหิวกระหายจริง ๆ” จิ่งเหลิ่งทำหน้าทะเล้นใส่อย่างใจกล้า แล้วรีบวิ่งหนีออกไปที่ห้องโดยสารด้านข้างอย่างรวดเร็ว
เป๋าฮวน “…”
จิ่งมั่วกุมขมับ แล้วพูดอย่างจริงจัง “คุณหนูใหญ่ครับ คุณวางใจได้ครับ ผมกับอาเหลิ่งจะไม่มารบกวนอีก ผมจะล็อกประตู จะปกป้องอย่างดี แล้วก็จะไม่อนุญาตให้อาเหลิ่งมาแอบดูอีก”
พูดจบ อามั่วก็หันหลังกลับ เดินออกไปทางห้องโดยสารด้านข้าง แล้วลงกลอนประตูให้จริง ๆ ด้วย
เป๋าฮวนถลึงตาโต “…”
แต่ละคน กบฏกันหมดแล้ว?
รอให้เธอรู้สึกตัว ก็หมุนตัวกลับไป สองมือเท้าเอว โมโหชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายใจ เธอพูดขึ้นอย่างโมโห “โทษคุณเลย! ฉันขายขี้หน้าหมดแล้ว!”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำตำหนิของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนไม่ได้โกรธ แล้วยืนขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาเดินมาด้านหน้าเป๋าฮวน ใกล้ชิดกับเธอมาก ๆ
เป๋าฮวนอยากจะขยับถอยหลัง แต่จู่ ๆ เครื่องบินก็สั่นสะเทือน เธอล้มลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง แถมยังเกี่ยวคอของชายหนุ่มล้มลงไปด้วย
วินาทีต่อมาริมฝีปากสัมผัสกัน ประกายไฟกระเซ็น
เป๋าฮวนรู้สึกตัว แล้วผลักเฟิงหานชวนออกอย่างแรง เตรียมจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกเฟิงหานชวนจับกดเอาไว้
เขาก้มหน้า ริมฝีปากสัมผัสใบหูของเธอ เขาอ้าปากเล็กน้อย กัดลงบนหูของเธอเบา ๆ เสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ “ฮวนฮวน ในเมื่อบอดี้การ์ดของคุณคิดว่าพวกเราทำอะไรกัน ไม่อย่างงั้นสู้ทำจริง ๆ ดีไหม?”
“ไม่อย่างงั้น เกียรติของคุณ ก็ถือว่าเสียไปอย่างสูญเปล่า?”