คฤหาสน์ตระกูลหลี ชั้นใต้ดินชั้นหนึ่ง
ชายหนุ่มตัวเตี้ยที่สวมใส่เสื้อโค้ตสีเบจ ผมที่ยาวเล็กน้อยกระเซอะกระเซิง เขาถูกขังอยู่ในห้องแม่บ้าน
ได้ยินเสียงลูกบิดประตู เขารีบลุกขึ้นทันที เฝ้าดูประตูอย่างระแวดระวัง จนกระทั่งเห็นคนที่เดินเข้ามาอย่างชัดเจน เขาถึงได้โล่งอก
หลีซืออวิ๋นยกชามข้าวถ้วยหนึ่งเดินเข้ามา แล้ววางลงบนโต๊ะเล็กที่อยู่ด้านข้าง เฉินเจี๋ยพุ่งเข้ามาในทันที แล้วยัดกินอย่างมูมมาม
เห็นท่าทางแบบนั้นของเขา หลีซืออวิ๋นเบ้ปากอย่างรังเกียจ สีหน้าเผยความดุดัน
เธอยกมือขึ้น ถีบแรง ๆ ลงบนหลังของเฉินเจี๋ย เฉินเจี๋ยไม่ได้ระวังตัว ใบหน้าทิ่มลงในชามทันที
“ไร้ประโยชน์! ถูกจับได้เร็วขนาดนี้!” หลีซืออวิ๋นเกลียดจนกัดฟัน
ถ้าหากเฉินเจี๋ยถูกจับได้ จะต้องลากตัวเองออกไปด้วยแน่ งั้นเธอก็จบเห่
“แค่กแค่กแค่ก…” เฉินเจี๋ยรีบเงยหน้าขึ้น เพราะว่าสำลักแล้ว เขาไอไม่หยุด ไอจนหน้าแดง
กว่าเขาจะสงบลง เขาคุกเข่าลงบนพื้น กอดขาของหลีซืออวิ๋นไว้ แล้วรีบพูดขึ้น “อวิ๋นเออร์ ช่วยฉัน ช่วยฉันด้วย! มีเพียงแต่เธอที่ช่วยฉันได้! ฉันจะตกอยู่ในมือของเฟิงหานชวนไม่ได้!”
เมื่อคืนวาน เขามีธุระที่ต้องกลับไปที่สำนักงานนักสืบ แต่กลับพบว่ามีคนนั่งลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ที่ห้องทำงานของเขา
จากนั้น ก็มีอีกหลายคนลงรถมา เขารู้จักผู้นำคนนั้น ก็คือผู้ช่วยเก่งกาจข้างกายเฟิงหานชวน…ซูอวี่
ตอนนั้นเขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ถูกต้อง จึงทิ้งรถไว้ แล้วแอบวิ่งออกมา เขาเป็นคนว่องไวเฉียบแหลม หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีกล้องวงจรได้ จนมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลี
เขารู้ว่าเวลาสำคัญในตอนนี้ตันเองไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้โทรหาหลีซืออวิ๋น แถมยังทิ้งลงโทรศัพท์ลงแม่น้ำ เพื่อป้องกันการถูกระบุตำแหน่ง
ตอนนี้ หลีซืออวิ๋นคือผู้ที่ช่วยชีวิตของเขาเพียงคนเดียว
“เฉินเจี๋ย นายกำลังขู่ฉันเหรอ!” หลีซืออวิ๋นตะคอก แล้วง้างมือขึ้น ตบหน้าเฉินเจี๋ย
เฉินเจี๋ยเจ็บจนร้องโอดครวญ
“พวกเราคือตั๊กแตนบนเรือลำเดียวกัน ฉันไม่ช่วยนายใครจะช่วยนาย? ฉันจะให้นายตกอยู่ในมือเฟิงหานชวนได้เหรอ?” หลีซืออวิ๋นโมโหจนคอแหบแห้ง
เฉินเจี๋ยถูกตะคอกจนหดตัว เขาตัวสั่นไปทั้งตัว ก่อนหน้านี้ที่เขาจับทางหลีซืออวิ๋นได้ ก็แอบข่มขู่ให้หลีซืออวิ๋นนอนค้างคืนกับเขา
แต่ตอนนี้ เขากลัวผู้หญิงคนนี้แล้ว ถ้าหากตอนนี้หลีซืออวิ๋นโหดร้ายกว่าเดิม แล้วฆ่าเขาที่คฤหาสน์ตระกูลหลี อาจจะไม่มีคนรู้ก็ได้
ดังนั้น เขาไม่สามารถยั่วโมโหหลีซืออวิ๋นได้
“ฉันจะอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง ฉันจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนให้เธอแน่นอน เพียงแค่เธอให้ข้าวฉันกิน ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น” เฉินเจี๋ยสั่นไปทั้งตัว แล้วออกแรงดึงแขนของหลีซืออวิ๋น
เขารู้นิสัยของเฟิงหานชวน ดังนั้นเขายินยอมที่จะมาหาหลีซืออวิ๋น เพื่อที่จะได้มีโอกาสมีชีวิตอยู่ เขาไม่ยินยอมจะให้ตัวเองตกอยู่ในมือของเฟิงหานชวน
แบบนั้นก็เหมือนจะตายทั้งเป็น
“เฉินเจี๋ย จำคำที่นายพูดตอนนี้ไว้ อยู่ที่นี่ทำตัวดี ๆ ไม่อย่างงั้น…” หลีซืออวิ๋นกัดฟัน โมโหจนหมุนตัวเดินออกไป
ตอนที่กลับมาถึงห้องรับแขก พ่อแม่ตระกูลหลีกำลังนั่งอยู่ สีหน้าของทั้งสองท่านไม่ดีเป็นอย่างมาก
ถ้าพูดว่าแอบซ่อนคนไว้ในบ้าน พวกเขารู้แน่นอน ดังนั้นเมื่อคืนจี้ถามหลีซืออวิ๋นว่ามันเรื่องอะไรกัน
หลีซืออวิ๋นรู้ว่าพ่อแม่เข้าข้างเธอ เพราะว่าเธอคือลูกสาวคนเดียวของตระกูลหลี จึงบอกพ่อแม่ของตัวเองทุกเรื่อง
พ่อแม่ตระกูลหลีไม่ได้นอนทั้งคืน ครั้งนี้พวกเขาบาดหมางกับเฟิงหานชวน พวกเขาดูเฟิงหานชวนเติบโตมา ฝีมือเก่งกาจ ไม่เช่นนั้นคงสร้างเครือข่ายธุรกิจบริษัทอาร์ไม่ได้
แม้กระทั่งพวกเขาก็ไม่สามารถรับรองได้ ว่าถ้าหากเฟิงหานชวนรู้ความจริง จะทำอะไรกับลูกสาวแสนรักของพวกเขาไหม
“อวิ๋นเออร์ เรื่องนี้ลูกวางแผนจะจัดการยังไง?” หลังจากคุณนายหลีถามขึ้น ก็ถอนหายใจอย่างแรง แล้วชี้หน้าเธอพูดขึ้นอย่างจนปัญญา “ลูกพูดมาว่าทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ ถึงลูกจะชอบเฟิงหานชวนขนาดไหน ลูกก็ไม่ควรทำร้ายคนนะ!”
“หุบปาก!” หลีเซ่าชิวดุ ถลึงตาใส่ภรรยาของตัวเอง แล้วถามกลับ “อวิ๋นเออร์ของพวกเราทำร้ายคนตอนไหน? คุณรู้ไหมว่าตัวเองพูดอะไรอยู่?”
สั่งสอนภรรยาเสร็จ หลีเซ่าชิวก็เงยหน้ามองลูกสาวของตัวเอง แล้วพูดเสียงเข้ม “อวิ๋นเออร์ พวกเรารอดูความเปลี่ยนแปลงก่อน อย่าสารภาพ เฟิงหานชวนเป็นคนที่มีเรื่องด้วยไม่ได้”
“พ่อคะ หนูรู้ค่ะ หนูไม่มีทางสารภาพ ตอนนี้เฉินเจี๋ยอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะสามารถสืบถึงหนูได้” หลีซืออวิ๋นสองมือกอดอก เชิดหน้า ท่าทางหยิ่งผยองมั่นอกมั่นใจ
หลีเซ่าชิวดวงตาเคร่งขรึม ลึกลงในสายตาแฝงไปด้วยความดุร้าย เขากัดฟันถามขึ้น “ผู้ชายคนนั้น ลูกวางแผนจะจัดการยังไง?”
รู้ว่าพ่อของตัวเองถามถึงเฉินเจี๋ย เธอยิ้มเยือกเย็น แล้วพูดขึ้น “เก็บไว้ดูสถานการณ์ก่อน หนูไม่รู้ว่าเขาเก็บอะไรไว้ลับหลังหนูหรือเปล่า”
“ได้ หนูรีบงัดคำพูดของเขาออกมาให้เร็วที่สุด คนคนนี้เก็บไว้นานไม่ได้”
…
บริษัทหมิงอวี่
ที่ห้องนอนใหญ่ชั้นสาม
เป๋าฮวนนอนอยู่บนตัวของชายหนุ่ม เอาหน้าวางไว้บนหน้าอกของเขา แล้วฟังเสียงหัวใจเต้นของเขาอย่างเงียบ ๆ
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมาก
เฟิงหานชวนปล่อยให้เธอทำแบบนี้ ฝ่ามือใหญ่ลูบหัวเธอเบา ๆ เหมือนกับกำลังปลอบเด็กน้อยอยู่
“ความฝันนั่นเหมือนจริงมาก ๆ…” เป๋าฮวนพูดถึงเรื่องความฝันอีก
เฟิงหานชวนรีบเอามือปิดปากเธอทันที แล้วพูดเสียงเข้ม “เด็กโง่ นั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด”
“แต่ว่าโบราณว่าไว้ กลางวันคิดกลางคืนก็จะฝัน” เฟิงหานชวนหันหน้ามามองหญิงสาว ยิ้มมุมปากแล้วถาม “ฮวนฮวน คุณเป็นกังวลอยู่ตลอดว่าผมจะมีชู้ ถึงได้ฝันแบบนี้ใช่ไหม?”
“หือ?” เป๋าฮวนเอียงศีรษะ เธอเม้มปาก จากนั้นก็ส่งเสียงในลำคอ “ไม่ใช่สักหน่อย”
“ถ้าจะกังวล ก็ควรจะเป็นคุณกังวลว่าฉันจะมีชู้ ไม่ใช่ว่าฉันกังวลว่าคุณจะมีชู้” เธอพูดเสริมอีก
เพียงแต่เมื่อพูดประโยคนี้จบ ด้านหน้าก็มืดไป โลกหมุน เธอถูกชายหนุ่มทับร่างไว้
เป๋าฮวนกะพริบตา มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไร้เดียงสา แล้วถามขึ้น “ทำไมเหรอ? ฉันพูดไม่ถูกเหรอ?”
“ฮวนฮวน คุณอยากจะมีชู้กับใคร? เวินซือเหยี่ยน?” เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึมมาก น้ำเสียงยังแสดงความไม่พอใจอย่างมาก
อีกแล้ว! อีกแล้ว!
เป๋าฮวนโมโหจนเบ้ปาก แล้วถามกลับ “ทำไมคุณพูดถึงเขาอีกแล้ว? คุณกำลังหึงเหรอ?”
“ใช่ ผมหึง ผมอิจฉา” เฟิงหานชวนยอมรับอย่างไม่ลังเล “คุณดีกับเขามาก อ่อนโยนมา แต่กับผมคุณโหดร้ายมาก ดังนั้นผม…”
เฟิงหานชวนยังพูดไม่จบ แต่ตอนนี้เขาพูดไม่ออกแล้ว เพราะว่าหญิงสาวปิดกั้นคำพูดของเขาด้วยริมฝีปากของเธอ
วินาทีต่อมา เป๋าฮวนถอนริมฝีปากออก เธอถามเขาอีก “งั้นแบบนี้ล่ะ ยังจะหึงเหรอ?”
“บ้าจริง!”
เฟิงหานชวนสีหน้าเปลี่ยน รู้สึกว่าไฟในร่างกายถูกกระตุ้นทันที