นัทธียกมือข้างที่ไม่ได้ฉีดน้ำเกลือแล้วนวดขมับ “ฉันช่วยเธอ ไม่เกี่ยวว่าเธอเป็นคนของนิรุตติ์หรือไม่ แต่เพราะเธอคือพนักงานของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ในฐานะหัวหน้าฉันมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของเธอ นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเธอเคยช่วยฉัน สองครั้ง!”
เมื่อได้ฟัง มารุตอ้าปาก หมดคำจะพูดทันที
จริงด้วย ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะวารุณีช่วยท่านประธานที่ถูกฟันจนบาดเจ็บ ท่านประธานอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้!
นัทธีวางมือลง ถามเสียงเคร่งขรึม “เรื่องที่ฉันได้รับบาดเจ็บ คงไม่ได้แพร่งพรายออกไปใช่ไหม?”
ถ้านิรุตติ์รู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ คงจะต้องคิดหาวิธีขวางไม่ให้เขากลับประเทศแน่นอน
จากนั้นอ้างว่าเขารักษาตัวอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถดูแลบริษัทได้ ร่วมมือกับพวกคนที่ไม่พอใจเขาตั้งแต่ต้น มาแย่งอำนาจของเขา!
เห็นได้ชัดว่ามารุตรู้ว่านัทธีกำลังเป็นกังวลเรื่องอะไร ส่ายหน้าแล้วตอบ“วางใจเถอะครับท่านประธาน ผมปิดข่าวได้ทันเวลา นิรุตติ์ยังไม่รู้ แต่ว่าผู้จัดการพิชญากำลังสืบเรื่องของคุณ”
ดวงตาของนัทธีฉายแสงแวววับ “เธอสืบเรื่องของฉันทำไม?”
มารุตทิ้งสำลีลงถังขยะ “คุณพิชญาเห็นว่าเมื่อวานท่านประธานไม่ได้กลับประเทศ แล้วยังติดต่อท่านประธานไม่ได้ คงจะเพราะเป็นห่วงท่านประธานมั้งครับ ท่านประธานโทรหาคุณพิชญาหน่อยดีไหมครับ?”
“ไม่ต้อง!” ริมฝีปากบางของนัทธีเม้มตรง
มารุตเองก็ไม่ได้โน้มน้าว ยกแก้วน้ำที่อยู่บนเตียงไปให้นัทธีดื่ม
นัทธีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดูดน้ำผ่านหลอดไม่กี่อึก จากนั้นผายมือไม่เอาแล้ว
มารุตเอาแก้วน้ำออก เพิ่งวางลง โทรศัพท์ดังขึ้นทันที
“ท่านประธานครับ ทางแฟชั่นฮอลล์โทรมา น่าจะเป็นเพราะเรื่องแผ่นดินไหวในครั้งนี้” มารุตหยิบโทรศัพท์ออกมาดูแล้วพูด
นัทธีหลับตาลง บีบจมูก “นายไปจัดการให้เรียบร้อย”
“ครับ” มารุตขานตอบ แล้วเดินออกไป
ทันทีที่เปิดประตู เห็นวารุณีพาหมอเดินมา
วารุณีหยุดเดินแล้วไถ่ถาม “ผู้ช่วยมารุต คุณจะไปแล้วเหรอคะ?”
มารุตขยับแว่นตา “ครับ มีเรื่องต้องทำ รบกวนคุณดูแลท่านประธานด้วย”
“วางใจเถอะค่ะ ฉันจะดูแลประธานนัทธีเป็นอย่างดี” วารุณีพยักหน้า
มารุตกล่าวขอบคุณ แล้วเดินไป
มองดูแผ่นหลังของเขา วารุณีเอียงศีรษะด้วยความงงงวยเล็กน้อย
แปลกจับ สองวันที่ผ่านมานี้เขาไม่ชอบขี้หน้าเธอไม่ใช่เหรอ?
ทำไมตอนนี้ ถึงกลับมาเกรงอกเกรงใจเธอเหมือนเมื่อก่อน?
เมื่อไม่เข้าใจ วารุณีเองก็ไม่คิดมาก พาหมอเข้าไปในห้อง
หมอตรวจนัทธี เปลี่ยนยา แล้วออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในห้องเหลือแค่วารุณีและนัทธีสองคนเท่านั้น
วารุณียืนอยู่ตรงข้างเตียง มองเขาด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง “ประธานนัทธี ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยฉัน”
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาผลักเธอทิ้ง เธอต้องถูกโคมไฟคริสทัลหล่นใส่ตัวแน่นอน
“คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม คุณเองก็เคยช่วยผมไม่ใช่เหรอ เราไม่มีอะไรติดค้างกัน!” ริมฝีปากบางของนัทธีพูดขึ้น
หลังจากนั้น เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มองวารุณีอย่างพิจารณา “จริงด้วย ตอนที่ผมผลักคุณ ออกแรงเยอะเลย คุณได้รับบาดเจ็บรึเปล่า?”
“ไม่ค่ะๆ ” วารุณีส่ายหน้าและโบกมือ ภายในใจของเธอรู้สึกอบอุ่น
เขาบาดเจ็บถึงขนาดนี้แล้ว แต่ไม่ลืมที่จะเป็นห่วงเธอ
ไม่รู้จะพูดยังไงดี
เมื่อได้ยินวารุณีบอกว่าตนไม่เป็นอะไร นัทธีวางใจลงเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมาตอนที่เขาเห็นผ้าพันแผลบนมือเธอ ขมวดคิ้วเป็นปม “มือของคุณเป็นอะไร?”
“คุณหมายถึงนี่เหรอคะ?” วารุณียกมือขึ้นดู จากนั้นยิ้มแล้วพูด“ตอนที่ยกโคมไฟคริสทัลบาดโดนนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ”
คิ้วของนัทธีคลายลง “ถ้าแบบนั้นก็ดีครับ!”
วารุณียกมือลง
ตอนนี้ เสียงกร๊อกดังขึ้น
สีหน้าของนัทธีเคร่งขรึมเล็กน้อย
วารุณีมองหน้าเข้า เข้าใจทันที เธอก้มหน้าลงยิ้ม “ประธานนัทธี คุณรอสักพักนะคะ ฉันออกไปซื้ออาหารมาให้คุณทาน”
ขณะพูด เธอหยิบกระเป๋าตังค์แล้วเดินออกไป
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น วารุณีถือของกินเข้ามา
นัทธีเห็นว่าเป็นโจ๊ก ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ เธอป้อนหนึ่งช้อน เขาก็กินหนึ่งช้อน
หลังจากกินโจ๊กหมด วารุณีก็เอายาแก้ปวดให้นัทธี
ยาแก้ปวดส่งผลให้ง่วงนอน ไม่นานนัทธีก็นอนหลับ
หลังจากวารุณีห่มผ้าให้เขา เธอก็ลากเก้าอี้แล้วนั่งอยู่ข้างเตียง แววตาของเธอสับสนขึ้นมา
จนถึงตอนนี้เธอยังจำได้ดี ภาพที่เขาช่วยเธอจนกระอักเลือดแล้วหมดสติไป
วินาทีนั้น นอกจากหัวใจของเธอจะหยุดเต้นแล้ว ยังได้รับรู้ความจริงหนึ่งที่น่ากลัว ซึ่งก็คือเธอชอบเขา ดังนั้นตอนที่เขาชมเธอ เธอมีความสุข ตอนที่เขาย้ายออกจากคอนโด เธอถึงรู้สึกผิดหวัง!
“ฟู่……” วารุณีถอนหายใจ จับหน้าของตนเองด้วยความเจ็บปวด
เธอรู้สึกว่าตนเองน่ารังเกียจมาก ไม่เพียงชอบผู้ชายที่มีคู่หมั้นแล้ว แต่ยังผิดคำพูด เพราะก่อนหน้านี้เธอเพิ่งบอกกับนิรุตติ์ว่าเธอไม่ชอบนัทธี แต่ตอนนี้เธอกลับผิดคำพูด
แต่ว่าเธอตัดสินใจแล้ว เธอจะไม่บอกความรู้สึกของตนเองให้ใครรู้ หลังจากงาน‘Bath fire rebirth’สำเร็จลุล่วงด้วยดี เธอจะไปจากบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ไปจากนัทธี บางทีหลังจากนั้นไม่นาน ความรู้สึกที่มีต่อนัทธีก็คงค่อยๆ น้อยลงก็ได้มั้ง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ วารุณียิ้มเศร้า ฟุบตัวลงนอนข้างเตียง
ตอนกลางคืน เธอตื่นขึ้นเพราะสายเรียกเข้า
ไอริณเบ้ปาก “หม่ามี๊ เมื่อไหร่หม่ามี๊ถึงจะกลับมาคะ?”
วารุณีมองหน้าลูกสาวด้วยความอ่อนโยน “อาจจะต้องรออีกหลายวันค่ะ หม่ามี๊ติดธุระนิดหน่อย ยังกลับไปไม่ได้ ทำไมเหรอคะ คิดถึงหม่ามี๊เหรอ?”
“ค่ะ หนูคิดถึงหม่ามี๊” ไอริณพยักหน้า
ทันใดนั้นเอง อารัณแย่งโทรศัพท์ไป ใบหน้าอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความตึงเครียด “หม่ามี๊ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”
วารุณีมองนัทธีที่อยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ดวงตาแวววาวเล็กน้อย “แน่นอนว่าเป็นเพราะเรื่องงาน เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าถามมากเลยครับ”
เขารับปากมารุตแล้ว ห้ามบอกใครเรื่องที่นัทธีได้รับบาดเจ็บ
“ครับ ไม่ถามก็ได้!” อารัณยักไหล่ จากนั้นพูดต่อ“จริงด้วยครับหม่ามี๊ วันนี้ตอนเลิกเรียน มีคุณปู่คนหนึ่งมาขวางทางผมกับไอริณ”
“คุณตา?” วารุณีขมวดคิ้วเป็นปม สีหน้าจริงจังขึ้นมา “คุณตาหน้าตาแบบไหนครับ?”
ไอริณรีบยกมือ “หม่ามี๊ ไอริณรู้ค่ะ คุณตาคนนั้นหน้าตาดุมาก มีไฝตรงนี้ด้วย”
ไอริณชี้ไปที่คางของตนเอง
ภาพใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งฉายขึ้นมาในความคิดของวารุณีทันที
สุภัทร พ่อของเธอ!
มือของวารุณีที่จับโทรศัพท์เอาไว้บีบแน่น ริมฝีปากเม้มตรง
“หม่ามี๊ หม่ามี๊เป็นอะไรไปครับ?” อารัณดูออกว่าเธอผิดปกติ จับจ้องไปที่เธอ แล้วถามด้วยความเป็นห่วง
วารุณีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใจเย็นลงครู่หนึ่ง “หม่ามี๊ไม่เป็นอะไรครับ ลูกรัก คุณตาคนนั้นได้ทำอะไรพวกลูกรึเปล่า?”
อารัณกับไอริณส่ายหน้า
“ไม่ครับ มองพวกผมพักหนึ่งแล้วก็เดินจากไป ไม่แม้แต่จะพูดกับพวกผม” อารัณตอบ
วารุณีโล่งอก แต่ยังคงหวาดระแวง
เธอไม่เชื่อว่าสุภัทรอยากมาเยี่ยมหลานเท่านั้น แม้แต่เธอที่เป็นลูกสาวเขายังไม่รัก แล้วเขาจะรักลูกทั้งสองคนของเธอได้ยังไง
ดังนั้นไม่ว่าจุดประสงค์ของสุภัทรในครั้งนี้จะเป็นอะไร โรงเรียนอนุบาลนี้อยู่ไม่ได้แล้ว
คิดถึงตรงนี้ วารุณีบอกกับลูกชายและลูกสาวในวิดีโอคอล “ลูกรัก พรุ่งนี้พวกลูกไม่ต้องไปโรงเรียนอนุบาลแล้วนะ หม่ามี๊จะโทรไปลากับคุณครูเอง รอหม่ามี๊กลับไปจะทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้ลูกๆ ”
“ทำไมค่ะหม่ามี๊?” ไอริณกะพริบตาด้วยความสงสัย
อารัณพอจะเดาได้ จับคางแล้วถาม “เพราะคุณตาคนนั้นใช่ไหมครับ หม่ามี๊ คุณตาคนนั้นเป็นใครกันแน่ครับ?”