พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – บทที่ 71 แย่งชุดราตรี

บทที่ 71 แย่งชุดราตรี

วารุณีขมวดคิ้ว “ผู้อำนวยการนิรุตติ์ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

นิรุตติ์ก้าวขาออกไปทางเธอ “พาคุณไปซื้อชุดราตรี”

“ชุดราตรี?” วารุณีอึ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก และตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขาพูดน่าจะหมายถึงชุดราตรีที่ใส่ในงานเลี้ยงวันเกิด

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะผู้อำนวยการนิรุตติ์ ฉันสามารถเตรียม……”

“พอแล้ว ไปกันเถอะ!” นิรุตติ์ไม่ให้โอกาสเธอพูดให้จบประโยคเลย มือข้างหนึ่งดึงกระเป๋าของเธอมา มืออีกข้างหนึ่งจับข้อมือของเธอไว้ แล้วดึงเธอออกจากสำนักงาน

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง มาถึงห้างสรรพสินค้าแล้ว

นิรุตติ์พาวารุณีที่สีหน้ารู้สึกรำคาญเดินเข้าไปยังร้านชุดราตรีร้านหนึ่ง “เลือกชุดที่เหมาะกับเธอมาชุดหนึ่ง”

พนักงานขายมองสังเกตวารุณี หลังจากที่ภายในตามีความประหลาดใจลอยผ่านไป พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ได้ค่ะ คุณผู้หญิงเชิญมากับดิฉันเลยค่ะ”

วารุณียืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ

เธอไม่อยากมาที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถูกนิรุตติ์บังคับให้มา ขณะนี้ในใจกำลังอดกลั้นไว้อยู่ไม่สามารถระบายออกมาได้

เป็นไปได้ยังไงที่จะทำตามดีๆ

นิรุตติ์เองก็ดูออกว่าวารุณีกำลังตั้งใจคัดค้านกับเขาอยู่ ก็ไม่ได้โกรธ ขยับไปยังข้างหูของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำว่า “หากคุณไม่ไป งั้นผมก็จะเลือกมาตัวหนึ่งด้วยตัวเอง แล้วเปลี่ยนให้คุณด้วยตัวเองเลยเป็นไง? ”

“หน้าไม่อาย!” วารุณีเบิกตากว้าง จ้องไปทางเขาด้วยความโมโหหนึ่งที จากนั้นก็ผลักเขาออก เดินไปทางชุดราตรีที่เรียงเป็นแถวๆ ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

พนักงานขายรีบเดินตามไป

ท่ามกลางชุดราตรีมากมาย วารุณีเลือกชุดราตรีเดรสหางปลาสีดำตัวหนึ่ง นำมาทาบไว้บนตัว

พนักงานขายพูดชม “คุณหญิงสายตาเฉียบแหลมมากจริงๆค่ะ ชุดราตรีตัวนี้เป็นผลงานใหม่ของดีไซเนอร์Sphireค่ะ”

“งั้นก็เอาตัวนี้ละกันค่ะ” วารุณีนำชุดราตรีมอบให้เธอ และไม่ได้คิดที่จะลองใส่

ในฐานะที่เป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้า เพียงแค่แวบแรกก็สามารถมองออกแล้วว่าพอดีตัวหรือเปล่า

“ได้ค่ะ” พนักงานขายรับชุดราตรีมา กำลังจะนำไปใส่ถุง จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้หญิงที่ท่าทางการเดินยกเท้าสูง ลักษณะท่าทางมั่นใจดังผ่านมา “รอก่อน ชุดราตรีบนมือของเธอ ฉันเอาแล้วนะ!”

“หืม?” ท่าทางที่จัดผมของวารุณีได้หยุดไป หันกลับมามองทางที่เสียงดังผ่านมา มองเห็นเมธาวีสวมใส่รองเท้าส้นสูง บิดเอวที่เรียวอม เดินมาด้วยใบหน้าที่มั่นใจและหยิ่งผยอง

ทันใดนั้นวารุณีก็ปวดหัวขึ้นมาทันที

เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะเจอเมธาวีที่นี่ พึ่งมาถึงก็มาแย่งชุดราตรีกับเธอเลย

ดูทรงแล้ว คงจะมาสร้างปัญหาขึ้นให้ตัวเองอีกแล้ว

เมธาวีไม่รู้ว่าในใจของวารุณีกำลังคิดอะไร หยุดลงตรงข้างหน้าของเธอ หลังจากที่พูดกับเธอไปเสียงหนึ่งแล้ว ก็พร่ำบ่นไปทางพนักงานขายว่า “เธอยังยืนอยู่ที่นี่ทำไม ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าฉันเอาแล้วนะ ยังไม่รีบไปใส่ถุงอีก?”

สีหน้าของพนักงานขายเต็มไปด้วยความลำบากใจ “ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะคุณเมธาวี ชุดราตรีชุดนี้คุณผู้หญิงท่านนี้ได้จองแล้วค่ะ”

“เธอน่ะหรอ?” เมธาวีเหลือบไปมองวารุณีด้วยความรังเกียจหนึ่งที

วารุณียิ้มอ่อนแล้วพยักหน้า “ฉันเองค่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”

เมธาวีแกว่งแขนขึ้นมาแล้วยิ้มด้วยความเย็นชา “เธอไม่ได้ข่าวหรอว่านี่คือผลงานของSphire ชุดราตรีของเขา ถูกที่สุดก็ต้องหลายแสนเลยนะ ดีไซเนอร์เล็กๆ อย่างเธอ ซื้อไหวหรอ?”

“ผมสามารถซื้อไหวก็พอแล้ว!” ไม่รอให้วารุณีตอบกลับ เสียงของนิรุตติ์ก็ดังผ่านมาจากข้างหลังของเมธาวี

เมธาวีรีบหันศีรษะกลับไป “นายเป็นใครเนี่ย?”

นิรุตติ์ก็ไม่ได้สนใจเธอ เดินผ่านเธอแล้วตรงไปทางข้างกายของวารุณีเลย “เลือกแล้วตัวนี้เลยใช่ไหม?”

วารุณีอื้มไปเสียงหนึ่ง

“ใส่ถุงเลย!” นิรุตติ์ออกคำสั่งไปทางพนักงานขาย

เมธาวีเห็นว่าทั้งสองละเลยเธอ จะยอมรับได้ไงล่ะ กำหมัดแน่นตะโกนเสียงดังขึ้นว่า “ฉันบอกแล้ว ชุดราตรีตัวนี้ฉันจะเอา ใครก็ห้ามแย่งกับฉัน!”

“แย่งกับคุณ?” นัยน์ตาที่อยู่ข้างหลังแว่นตาของนิรุตติ์ ได้แพร่แววตาที่ดูเยือกเย็นออกมา

เมธาวีเห็นแล้ว ตกใจจนขยับถอยหลังไป

ถึงแม้ว่าวารุณีจะไม่ชอบเธอ แต่ไม่ว่ายังไงแล้วเธอก็เป็นหลานสาวของนายท่านวัชระ เห็นแก่นายท่านวัชระ ก็ไม่สามารถไม่ช่วยได้

“ผู้อำนวยการนิรุตติ์” วารุณีดึงแขนของนิรุตติ์ไว้ “ช่างเถอะค่ะ ไม่ต้องคิดจุกจิกจู้จี้กับเธอแล้วค่ะ เธอจะเอาก็ให้เธอละกันค่ะ”

พูดจบ เธอก็ปล่อยแขนเขาออก แล้วไปเลือกตัวอื่น

ครั้งนี้ วารุณีเลือกตัวสีขาว บนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา

เห็นรอยยิ้มนั้นของเธอแล้ว ในใจของเมธาวีรู้สึกไม่พอใจ ทันใดนั้นก็ลืมความหวาดกลัวที่นิรุตติ์นำพามาให้เธอเมื่อกี้ไปเลย แล้วพูดอีกว่า “ตัวนี้ของเธอ ฉันก็เอาแล้ว!”

วารุณีเก็บรอยยิ้ม “คุณเมธาวี คุณตั้งใจจะสร้างความลำบากใจกับฉันใช่ไหมคะ”

นิรุตติ์เองก็หรี่ตาขึ้นมา

เมธาวียืดคอขึ้น “ใช่แล้วจะทำไม?”

วารุณีโมโหจนหัวเราะ “คุณเมธาวี คุณลืมบทเรียนสั่งสอนครั้งที่แล้วไปแล้วใช่ไหมคะ?”

ได้ยินประโยคนี้แล้ว เมธาวีโมโหมาก ชี้ไปทางจมูกของเธอ “แกยังมีหน้ามาพูดอีก!”

ครั้งที่แล้วหากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ เธอก็จะไม่ถูกคุณปู่ด่า ยิ่งไปกว่านั้นคือจะไม่ถูกขังอยู่ในบ้านนานแล้วออกไปไหนไม่ได้

“ทำไมฉันจะไม่มีหน้าให้พูดคะ?” วารุณีเปิดริมฝีปากที่แดงชุ่ม “เหมือนคำกล่าวที่ว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ไม่ว่าจะครั้งที่แล้วหรือครั้งนี้ ก็คือคุณเมธาวีที่สร้างความลำบากใจกับฉันก่อน ครั้งที่แล้วฉันสามารถให้คุณเมธาวีลำบากได้ ครั้งนี้ฉันก็สามารถทำได้ ดังนั้นคุณเมธาวีรู้ตัวหน่อยอย่ายั่วโมโหฉันอีก ฉันยอมคุณไปครั้งหนึ่งแล้ว”

“ฉันยั่วโมโหเธอหรอ!” เมธาวีแย่งชุดราตรีที่อยู่บนมือเธอมา แล้วมองเธออย่างหาเรื่อง “ครั้งที่แล้วแกสามารถให้คุณปู่สั่งสอนฉันได้ เพราะว่าฉันเชื่อมโยงไปถึงตระกูลแววสูงเนิน แต่ครั้งนี้ฉันไม่ แกยังจะทำอะไรฉันได้อีก?”

หลังจากพูดจบ เธอหยิบบัตรธนาคารออกมายื่นไปยังมือของพนักงานขาย “ไปรูดบัตร เสื้อเป็นของฉันแล้ว”

พนักงานขายมองไปทางวารุณี แล้วมองไปทางนิรุตติ์ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

บนใบหน้าของนิรุตติ์มีรอยยิ้มที่เย็นชาเผยออกมา

วารุณีดึงเขาไว้อีกครั้ง ส่ายหัวไปทางเขา จากนั้นระหว่างแววตาที่ดูสงสัยของเขา ก็หยิบชุดราตรีมาอีกชุดหนึ่ง บนใบหน้ามีสีหน้าของความชอบที่ไม่อาจซ่อนเร้นได้

เมธาวีไม่สามารถเห็นเธอได้ดี เปิดปากแย่งอีกครั้ง

ดังนั้นต่อจากนี้ ขอแค่เป็นตัวที่วารุณีหยิบมา เมธาวีก็แย่งไปเลย

ครั้งนี้ ในที่สุดนิรุตติ์ก็เข้าใจแผนการของวารุณีแล้ว กำหมัดแน่น แล้วกลั้นยิ้มที่ริมฝีปาก

ในไม่ช้า ชุดราตรีแถวข้างหน้านี้ ก็ถูกเมธาวีแย่งไปหมดเลย พนักงานขายก็แอบยิ้มจนหุบยิ้มไม่ได้อยู่ข้างๆ

วารุณีตบมือ แล้วไม่ได้คิดที่จะทำต่อแล้ว มองดูสีหน้าที่ได้ใจของเมธาวี ในใจรู้สึกเยาะเย้ย บนใบหน้ากลับยิ้มแฉ่งแล้วพูดว่า “คุณเมธาวีนี่ช่างรวยมากจริงๆ ฉันสู้ไม่ไหวแล้ว ยังไม่รีบใส่ถุงให้คุณเมธาวีอีก? ”

“ได้ค่ะได้ค่ะ” หนักงานที่ทำหน้าที่แนะนำเสื้อผ้ารับหยักหน้า หอบชุดราตรีกองหนึ่งไปยังเคาน์เตอร์คิดเงิน

วารุณีมองภาพข้างหลังเธอ “ดูเหมือนว่าครั้งนี้ส่วนแบ่งของเธอไม่น้อยเลย”

นิรุตติ์จับคาง “คือคุณงามความดีของเธอ”

“ไม่ คือของคุณเมธาวี ฉันก็แค่แอบใช้แผนการเล็กน้อยเท่านั้นเอง” วารุณีจัดผมของตัวเอง พูดด้วยสีหน้าที่ถ่อมตัว

ฟังบทสนทนาของทั้งสองแล้ว เมธาวีจะโง่ขนาดไหน ขณะนี้ก็ตอบสนองกลับมาแล้ว ตะโกนด้วยความโมโหและเบิกตาจ้องวารุณี “แกแกล้งฉัน? แกตั้งใจให้ฉันแย่งกับแก?”

วารุณีปล่อยมือออก “ใครให้คุณเมธาวีวู่วามขนาดนี้ล่ะคะ ชอบแย่งกับฉันนิ หากคุณไม่แย่งกับฉัน ฉันก็แกล้งคุณไม่ได้ ไม่ใช่หรอคะ?”

“แก……” เมธาวีกัดฟันแน่น

วารุณียิ้มไปทางเธอ “ผู้อำนวยการนิรุตติ์ พวกเราไปเถอะค่ะ ไปซื้อร้ายอื่น ที่นี่ถูกคุณเมธาวีซื้อไปเกือบหมดแล้วค่ะ”

“ได้” นิรุตติ์ไม่ได้แปลกใจ ยกเท้าขึ้น

ในตอนที่เดินผ่านเมธาวี เขาหยุดลงอีกครั้ง ดึงแว่นตาลงแล้วใช้แววตาดั่งงูพิษจ้องไปทางเธอไม่กี่วิ จ้องจนหน้าเธอซีดขาว เขาจึงจะพอใจแล้วสวมแว่นตา เดินไปทางวารุณี

หลังจากที่ออกจากร้านชุดราตรีร้านนี้แล้ว ทั้งสองก็ไปที่ร้านอื่น

ครั้งนี้ไม่ได้มีการวุ่นวายของเมธาวี วารุณีได้ซื้อชุดอย่างราบรื่นแล้ว

หลังจากที่ซื้อเรียบร้อยแล้ว นิรุตติ์ก็พาวารุณีไปที่ร้านเพชรพลอย เตรียมตัวเลือกเครื่องประดับที่เหมาะกับชุกพิธีการ

แต่ว่าพอเลือกไปครึ่งหนึ่ง นิรุตติ์ก็ถูกโทรศัพท์สายหนึ่งเรียกไปกะทันหัน แล้วเหลือวารุณีอยู่ที่ร้ายคนเดียว

เขาไปแล้ว สำหรับวารุณีนั้น กลับเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา!!

“ท่านประธาน นั่นไม่ใช่ดีไซเนอร์วารุณีหรอครับ?” ข้างนอกของร้านเพชรพลอย หางตาของมารุตมองเห็นวารุณี จึงเปิดปากพูดเตือนกับผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

Status: Ongoing

5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง ‘ใช้กายแลกเงิน’ 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง “ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?” นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:”…” เด็กน้อยน่ารัก: “แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท